คุณเอมี่ Cover

คุณกอล์ฟ สรรพาทิตย์ & คุณเอมี่ ชุติมณฑน์ สองซีอีโอสร้างสุข พร้อมสร้างอาณาจักรธุรกิจ DREAM BANGKOK GROUP

คุณเอมี่ Cover
คุณเอมี่ Cover

สองผู้บริหาร คุณกอล์ฟ สรรพาทิตย์ บูรณสมภพ และคุณเอมี่ ชุติมณฑน์ จันเหมือน บูรณสมภพที่ยึดมั่นในหลักการบริหารงานที่ต้องสร้างความสุขให้กับการใช้ชีวิต มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้คนและสังคม สร้างวัฒนธรรม WORK-LIFE BALANCE ในองค์กร เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในการทำงานควบคู่ไปกับชีวิตที่มีความสุขอย่างยั่งยืน

นำเสนอสิ่งดีๆ ให้คนไทย

คุณกอล์ฟ ทายาทผู้สืบทอดสกุลสายตรงรุ่นที่ 3 จากพระยาสิงห์บุรานุรักษ์ และคุณหญิงหลิน (จุลกะ) และเป็นหลานของ พ.ต.อ (พิเศษ) พุฒ บูรณสมภพ อัศวินแหวนเพชร และ คุณหญิงทิพยา ธรรมสโรช หลังเรียนจบสาขา BA (Hons) Graphic Design Kingston University London ประเทศอังกฤษ และประสบความสำเร็จสูงสุดจากการทำงานให้เอเจนซี่โฆษณาชั้นนำทั้งที่ประเทศอังกฤษและในประเทศไทย สามารถคว้ารางวัลในวงการโฆษณามาแล้วกว่า 1,000 รางวัลจากทุกมุมโลก ก่อนจะตัดสินใจเปิดกลุ่มบริษัทเอเจนซี่ & โปรดักชั่นเฮ้าส์ของตัวเองในชื่อ DREAM BANGKOK GROUP ร่วมกับคุณเอมี่ (ภรรยา) ที่ช่วยบริหารงานดูแลลูกค้าด้วยประสบการณ์สูงในโลกโฆษณา และเป็นอดีตผู้บริหารอาวุโสแห่งสถาบันการเงินระดับโลก ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งคู่ยังมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้คนและสังคมด้วยการต่อยอดแนวคิดใหม่ๆ สู่ธุรกิจ NEUTRAL LABORATORY (THAILAND) และ WELLINGTON HUMAN DEVELOPMENT MASTERY อีกด้วย

คุณกอล์ฟ “ตั้งแต่ก้าวแรกของการก่อตั้งกลุ่มบริษัท DREAM BANGKOK GROUP ของตัวเอง ได้นำการทำงานแห่งอนาคตอย่างหลักการทำงานแบบไฮบริด ครีเอทีฟ คอมปะนี (HYBIRD CREATIVE COMPANY) ที่พนักงานทุกระดับที่อยู่ในโปรเจ็คท์สามารถเข้าถึงการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนได้โดยตลอด มีอิสระในการแสดงความคิดเพื่อร่วมต่อยอดพัฒนา ลดขั้นตอนส่วนเกินที่ไม่จำเป็น เพิ่มความแม่นยำและรวดเร็วกว่าขั้นตอนทำงานแบบเดิมๆ ได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ผนวกร่วมกับเทคโนโลยีประดิษฐ์ที่ทันสมัย SALES MOMENT เอกสิทธิ์เฉพาะ ที่สามารถช่วยวิเคราะห์ดาต้าทางการตลาดจับคู่กับการประเมินโอกาสในการสื่อสารของแบรนด์ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ต่างๆ และตรงกลุ่มเป้าหมายให้ทรงประสิทธิภาพสูงสุด

“โดยใช้หลักการทำงานแบบไฮบริดที่สามารถช่วยลดขั้นตอนของโปรเจกต์ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำลงได้มากถึง 50% ช่วยให้เกิดการใช้งบประมาณที่คุ้มค่า ได้ผลลัพธ์ของงานคุณภาพสูง ทั้งยังช่วยให้ผู้ร่วมงาน ทีมงาน ลูกค้าแบรนด์ พนักงานบริษัทของเรา จนถึงซัพพลายเออร์ ได้รับคุณภาพชีวิตที่ก่อให้เกิดความสุขตลอดการทำงานโปรเจกต์นั้นๆ

โอกาสในวิกฤต

คุณกอล์ฟ “ผลกระทบหนักสุดที่เคยเจอคือช่วง Covid-19 หลายบริษัทมีปัญหาหลายคนยังมึนงงกับสถานการณ์ เลือกอยู่นิ่งๆ จนที่สุดแล้วธุรกิจไปต่อไม่ได้ ต้องทอดทิ้งพนักงาน ต้องให้พนักงานออก หรือลดเงินเดือน ไม่ได้โบนัส แต่ผมกับคุณเอมี่คิดตรงกันว่าเราไม่อยากทำแบบนั้น ผมใช้วิธีการบุก ให้พนักงานไล่ดูรายชื่อลูกค้าในมือ เพื่อนำมาศึกษาแต่ละธุรกิจ มองหาโอกาสและทางรอดให้ลูกค้าว่า พร้อมคิดไอเดียไปนำเสนอโดยไม่รอให้ลูกค้าเข้ามาหา ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย และกลับมาขอบคุณ เราจึงยังดูแลพนักงานได้อย่างดี

คุณเอมี่ ปิดท้าย “ตอนนั้นเราเห็นโอกาสในตลาดสินค้าแบรนด์ Luxury และ Ultra Luxury อาทิ Peugeot, Maserati, Rolls Royce, Aston Martin, Azimut , Chris-craft จึงขยายมาเปิดบริษัท HYPE01 เพื่อดูแลกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพราะมีความยากเฉพาะตัวในการทำสื่อสารการตลาด นอกจากต้องคำนึงถึงยอดขายแล้ว ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ (Brand Image) และตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ (Brand Positioning) ทำให้แม้จะเจอวิกฤต เราก็ตั้งตัวได้ภายใน 1-2 เดือน สร้างผลงานจากโฆษณา ‘TMB Donation Bib’ จนได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน One Show Asia Showcase 2020 จาก “The One Show” เวทีประกวดโฆษณาระดับท็อปของโลก ในสาขา Direct Marketing ซึ่งชนะผลงาน กว่าหลายพันชิ้นจากทั่วทั้งทวีปเอเชีย และผลประกอบการในปีนั้นธุรกิจของเราเติบโตกว่าเดิม เพิ่มขึ้นกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ (ยิ้ม)”

คุณเอมี่ เกริ่นถึงการขยายความสุขให้ผู้คนด้วยการสร้างธุรกิจใหม่ๆ “เราอยากเสนอสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อมอบสุขภาพที่ดีแก่คนไทย โดยขอเริ่มต้นจากการเล่าถึง NEUTRAL LABORATORY (THAILAND) ได้นำสกินแคร์แบรนด์ LEVE (เลอวี) ที่ผลิตด้วยสารนวตกรรมจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อช่วยฟื้นฟูปัญหาสุขภาพผิวของคนไทยให้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อความงามเพียงอย่างเดียว แต่คนไทยควรได้รับความสุข เสริมความมั่นใจให้ตนเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการมีสุขภาพผิวที่ดี ซึ่งเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจและต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอนาคตนี้”

คุณกอล์ฟ ช่วยเสริม “กับอีกหนึ่งธุรกิจล่าสุดของเรา ความที่เราทั้งคู่มีความเชื่อเรื่องการพัฒนาบุคคลากร ความก้าวหน้าจะยั่งยืนมากขึ้นด้วยการมุ่งพัฒนาบุคคลากรเสริมสร้างความแกร่งให้องค์กร ซึ่งหากบุคลากรได้รับการพัฒนาในทิศทางที่ถูกต้อง องค์กรหรือสังคมโดยรวมก็จะดีขึ้นได้ เพราะทุกคนจะมีความคิดที่สามารถนำไปสื่อสารให้ออกมาเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนได้ ก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ในเครือ WELLINGTON HUMAN DEVELOPMENT MASTERY สถาบันเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพผู้คนทั้งระดับ บุคคล บริษัท องค์กร ให้มีองค์ความรู้ มีหลักการ และเข้าใจแนวทางแห่งการบริหารศาสตร์ด้านการสื่อสาร เพื่อสร้างแรงจูงใจสู่ความสำเร็จ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ เสริมความมั่นใจ และเพื่อช่วยให้คนไทยได้เข้าถึงโอกาสในการพัฒนาตนเอง โดยมืออาชีพด้านการสื่อสารจากหลายแขนง ด้วยปรัชญาสู่ารประสบความสำเร็จด้วยการพัฒนาตนเองจากภายในสู่ภายนอก INNER TO OUTER SUCCESS”

สร้างอาณาจักร

คุณกอล์ฟ ย้อนเล่าถึงก่อนจะเป็นซีอีโอ “ผมได้รับโอกาสที่ดีมากๆ ในการไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่ช่วงเข้าวัยรุ่น ได้ซึมซับวัฒนธรรมศาสตร์และศิลป์แห่งการสื่อสารแบบต้นฉบับ จนจบปริญญาจากมหาวิทยาลัย King College London จากนั้นเริ่มทำงานให้บริษัทครีเอทีฟชั่นนำแห่งหนึ่งที่ประเทศอังกฤษ ก่อนจะกลับมาร่วมงานกับเอเจนซี่ระดับโลกที่มีสาขาในประเทศไทยนานกว่า 20 ปี อยู่ในตำแหน่งระดับผู้บริหารระดับสูงขององค์กร มีทีมงานต้องดูแลหลายสิบคน ได้รับเชิญเป็นวิทยากรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ สอนเรื่องกระบวนการเรียบเรียงการสื่อสารสู่ความสำเร็จร่วม 10 ปี ความยากในการสื่อสารกับผู้คนที่หลากหลายคือจะบอกเล่าสิ่งที่เราอยากบอกให้เข้าเข้าใจและเข้าถึงได้อย่างไร จะทำอย่างไรให้ทุกคนมุ่งไปที่เป้าหมายเดียวกัน ทำให้ผมเล็งเห็นถึงความสำคัญในศาสตร์ด้านการสื่อสารเป็นลำดับต้นๆ เพราะการสื่อสารที่เข้าใจง่าย ตรงจุด ตรงความรู้สึก สามารถช่วยให้งานในแต่ละโปรเจ็คท์สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและเสร็จสิ้นได้เร็วกว่ากำหนดเสมอ สร้างผลประกอบการที่ดีให้องค์กร ที่สำคัญต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในแก่ผู้คนหรือสังคมได้ จนทุกวันนี้มีธุรกิจของตัวเอง ความเชื่อนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยน”

คุณเอมี่ “หลังจบปริญญาโทด้านจิตวิทยาการสื่อสารและเมเนจเมนต์จาก BOND UNIVERSITY ประเทศออสเตรเลีย เอมี่ทำงานเป็น VISUAL DESIGNER อยู่ที่เมืองซิดนีย์ระยะหนึ่ง เอมี่มีความคิดว่าการทำงานที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งกับคู่ค้าและพนักงานทุกคนคือ การบริหารเวลาทำงานพร้อมกับการสร้างสมดุลเวลาให้ตัวเองได้อย่างสมเหตุผล การทำงานหนัก ทำงานล่วงเวลา หรือเกินเวลาที่ไม่สมเหตุผล หลายครั้งไม่ได้สร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง กลับกันอาจนำพามาซึ่งความผิดพลาด รวมถึงความอ่อนล้า ซึ่งก็ต้องเสียเวลาคนอีกหลายคนเพิ่มมาปรับแต่งแก้ไขกันอีก ทั้งยังต้องจำนนต่อการเพิ่มต้นทุนแบบเลี่ยงไม่ได้ สร้างกระบวนการที่ไม่จบไปเรื่อยๆ เอมี่เผชิญกับระบบการทำงานแบบนี้มาตลอดเวลาที่ได้ทำงาน 10 กว่าปีให้ทั้งที่เอเจนซี่ชั้นนำและองค์กรระดับโลก เมื่อถึงโอกาสของเรา เอมี่จึงต้องการให้องค์กรของเราเองมีวัฒนธรรมแห่งการสร้างสมดุลความสุขในการทำงาน

“เราสองคนเชื่อเสมอว่าการทำงานในทุกวัน ควรเต็มไปด้วยการพัฒาในด้านต่างๆ ทั้งให้ตนเอง ให้องค์กร และให้สังคม ต้องเปี่ยมสุข เพื่อมุ่งสร้างความสมบูรณ์ให้ชีวิตอย่างแท้จริง”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up