รมย์รวินท์ คลินิก พารู้จัก EMFACE Cover

พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู รมย์รวินท์ คลินิก พารู้จัก EMFACE นวัตกรรมยกกระชับใหม่

รมย์รวินท์ คลินิก พารู้จัก EMFACE Cover
รมย์รวินท์ คลินิก พารู้จัก EMFACE Cover

ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์ ถือเป็นความปรารถนาของใครหลายคน ส่งผลให้วงการความงามทั่วโลกต่างคิดค้นพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาผิวพรรณที่ร่วงโรยตามวัยอย่างไม่หยุดยั้ง หนึ่งในนั้นคือ EMFACE เทคโนโลยีด้านยกกระชับที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก

ดังนั้น Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว จึงขอพาไปทำความรู้จักกับ EMFACE โดย ‘แพทย์หญิงช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู’ แพทย์ประจำ ‘รมย์รวินท์ คลินิก’ มาให้ความรู้เกี่ยวกับ EMFACE แบบเจาะลึก

ยกกระชับผิวด้วย EMFACE

“โปรแกรม EMFACE ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโลกเกี่ยวกับการยกกระชับผิว หลักการของโปรแกรมนี้คือการใช้พลังงานรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า HIFES (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) คลื่นกระแสไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นพอเหมาะในการกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า โดยปล่อยพลังงานด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ คู่กับพลังงาน SyncRF (Synchronized Radio Frequency) คลื่นวิทยุชนิดขั้วเดียว โดยควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 42 องศา  จึงไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับเซลล์ไขมัน หรือเกิดการสูญเสียไขมัน เป็นการยกกระชับผิวโดยที่ไขมันไม่หายไปจนหน้าตอบ และผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ

“สำหรับประสิทธิภาพของโปรแกรม EMFACE หลักๆ คือช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย โดยช่วยยกกระชับผิวได้ทั่วใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าผาก คิ้ว หนังตา โหนกแก้ม ร่องแก้ม กระเปราะแก้ม มุมปาก หรือแม้กระทั่งเหนียงที่หย่อนคล้อย EMFACE ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน”

ผลลัพธ์ประทับใจ

“อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนน่าจะอยากรู้มากๆ คือผลลัพธ์ ซึ่งจากประสบการณ์ของหมอในการดูแลคนไข้เคสต่างๆ พบว่า หลังทำ EMFACE ครั้งแรก บางคนอาจรู้สึกได้ทันทีว่าผิวแลดูอิ่มฟูขึ้น แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาค่อนข้างเยอะ ก็ต้องอาศัยการทำอย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน และขณะเดียวกันก็ต้องให้เวลาผิวในการฟื้นฟูคอลลาเจนและอิลาสตินด้วย คือผิวจะค่อยๆ กระชับขึ้นแบบ Day by day ทำให้แลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

“หากทำ EMFACE ตามขั้นตอนอย่างเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคือทำ 4 ครั้งต่อเนื่อง โดยเว้นระยะห่าง 5 – 10 วัน และมีการดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หลบเลี่ยงมลภาวะที่ทำร้ายผิว ผลลัพธ์จากการทำ EMFACE จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี  

“นอกจากนี้หลายคนคงอยากรู้ว่าการทำ EMFACE เจ็บไหม หลังทำต้องพักฟื้นหรือเปล่า คำตอบคือไม่เจ็บ ไม่ระบม และไม่ต้องพักฟื้น รวมถึงใช้เวลาในการทำไม่นาน ประมาณ 20 นาทีต่อครั้ง และไม่จำเป็นต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เลย”

จุดเด่นของ EMFACE ที่แตกต่างจาก ULTHERA และ THERMAGE

“โปรแกรม EMFACE, ULTHERA และ THERMAGE เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านการยกกระชับผิวเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ EMFACE ใช้พลังงาน Synchronized RF ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ขณะที่ ULTHERA และ THERMAGE จะใช้พลังงานที่แตกต่างกัน และลงลึกคนละชั้นผิวกัน ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ตื้นกว่าชั้นกล้ามเนื้อหลักในการยกหน้า ซึ่ง HIFES  ที่มีอยู่ใน EMFACE สามารถลงลึกได้มากที่สุด โดยสามารถลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อหลัก ยกหน้าเทียบเคียงกับการทำศัลยกรรมดึงหน้า

“แต่อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมยกกระชับผิวเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น EMFACE, ULTHERA หรือ THERMAGE  สามารถทำควบคู่กันได้ต่อการรักษาคนไข้หนึ่งเคส เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยต้องวิเคราะห์จากลักษณะปัญหาของคนไข้ เช่น หากคนไข้อายุยังไม่มากนัก ปัญหาความหย่อนคล้อยยังไม่เยอะ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องทำ EMFACE ทั้งหมด สามารถทำ EMFACE ควบคู่กับการทำ ULTHERA หรือ THERMAGE ได้”

รมย์รวินท์ คลินิกผู้บุกเบิก EMFACE เจ้าแรกๆ  

“รมย์รวินท์ คลินิก ถือเป็นคลินิกความงามแห่งแรกๆ ที่นำโปรแกรม EMFACE มาใช้  โดยนำเข้าตัวเครื่องมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งก่อนตัดสินใจนำเข้ามา เรามีการศึกษาข้อมูลต่างๆ อย่างรอบคอบ คำนึงทั้งเรื่องประสิทธิภาพและมาตรฐานความปลอดภัย

“โดยเหตุผลที่เราตัดสินใจนำ EMFACE เข้ามาใช้เพิ่มเติม จากเดิมที่เรามี ULTHERA และ THERMAGE อยู่แล้ว เพราะเราเล็งเห็นว่าความต้องการของคนไข้มีหลากหลายรูปแบบ บางคนต้องการสวยแบบธรรมชาติ บางคนไม่ต้องการฉีดสารใดๆ เข้าร่างกาย บางคนไม่อยากเจ็บตัว บางคนไม่สะดวกพักฟื้น ซึ่งโปรแกรม EMFACE สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ทั้งหมด   

“สำหรับการเตรียมตัวทำ EMFACE จริงๆ ไม่มีอะไรมากเลย แต่สิ่งหนึ่งที่หมออยากเน้นย้ำมากๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม คนไข้ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหัตถการที่ตัวเองสนใจมาในระดับหนึ่ง แล้วหากมีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถปรึกษาหรือถามหมอได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความสบายใจของคนไข้และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีนั่นเอง”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up