cover Supreme Pharmatech

ซูมความสำเร็จสุดปังทุกมิติ “มิลินท์ เนลเลปเชนโก้ วินทรสิริ” CEO หญิงสุดสตรองแห่ง Supreme Pharmatech

cover Supreme Pharmatech
cover Supreme Pharmatech

Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว ขอพาไปสัมผัสและประทับใจกับความเก่งของ “คุณมิลินท์ เนลเลปเชนโก้ วินทรสิริ” CEO หญิงสุดสตรองแห่ง บริษัท สุพรีม ฟาร์มาเทค จำกัด โรงงานผลิตอาหารเสริม OEM อันดับต้นๆ ของไทยที่ส่งออกไปขายทั่วโลกรวมถึงสตอรี่ชีวิตในบทบาทต่างๆ ที่เมื่อได้ทำความรู้จักกับเธอมากขึ้นก็ยิ่งจับใจกับพลังและความมุ่งมั่นในทุกมิติของเธอ โดยเฉพาะความสำเร็จในบทบาทนักธุรกิจหญิงแกร่งที่นับวันจะยิ่งปังไกล

สูตรสู่ความสำเร็จ

“ตอนนี้อาหารเสริมของเราส่งออกไปกว่า 30 ประเทศ โดยชูเรื่องนวัตกรรมนาโนไลโปโซม ตัวช่วยเพิ่มการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย อย่างเวลารับประทานสารสกัดสมุนไพรทั่วไป ร่างกายดูดซึมได้น้อยมาก ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทำให้เราต้องกินเยอะ นวัตกรรมนาโนไลโปโซม ทำให้ลดจำนวนการกินลง แต่สามารถดูดซึมได้สูงมาก

“เราเริ่มต้นทำตลาดต่างประเทศ อย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกาก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพของโรงงาน ข้อดีคือเราไม่ต้องเขียนสรรพคุณอะไรมากมาย เพียงลิสต์รายชื่อสารต่างๆ ที่เป็นส่วนผสมไว้ข้างกล่อง เขาก็จะค้นหาข้อมูลกันเอง ประกอบกับเขาได้เห็นนวัตกรรมนาโนไลโปโซมที่เราใช้ ซึ่งมีโรงงานไม่กี่แห่งในโลกที่สามารถผลิตได้ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้การลงทุนสูงมาก และที่ยากที่สุดคือการหาทีมผลิตที่มีความเชี่ยวชาญ

“ทั้งหมดนี้ต้องยกเครดิตให้คุณยูริ เนลเลปเชนโก้ สามี เขาเป็นชาวรัสเซียที่เชี่ยวชาญด้านพฤกษเคมี รู้จักสมุนไพรมากมาย โดยเฉพาะสมุนไพรจีน และภายในปีนี้เรากำลังจะเปิดตลาดในไทย ซึ่งเทรนด์เรื่องสุขภาพกำลังมา หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผู้คนให้ความสนใจเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมสู้กับโรคต่างๆ ได้ ขณะที่สมัยก่อนคนไทยเน้นเรื่องความขาว การลดน้ำหนัก ทำให้เกิดการโฆษณาเกินจริงประเภทใช้เพียงไม่กี่สัปดาห์เห็นผล ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีทางเป็นไปได้ ฉะนั้นบริษัทเราจึงมีปรัชญาในการทำงานอย่างชัดเจนว่า เราทำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดี

“ยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทุกคนได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับบริษัทของเรา แต่เราเชื่อมั่นว่า เมื่อคลื่นใหญ่ผ่านไปแล้ว คลื่นลูกใหม่จะนำพาสิ่งดีๆและความเจริญรุ่งเรืองกลับมาอีกครั้ง แล้วก็เป็นจริงดังนั้น เพราะวันนี้การส่งออกของบริษัทกลับมาคึกคักเหมือนเดิม ทำให้เราลงทุนเพิ่มด้วยการสร้างโรงงานแห่งใหม่สำหรับผลิตนาโนไลโปโซมโดยเฉพาะ

“ส่วนบริษัท สุพรีมอินเตอร์-มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโปรดักชั่นส์ ที่มีมาตรฐานระดับฮอลลีวู้ด ก็เป็นวิสัยทัศน์ของคุณยูริเช่นกันค่ะ เขามองว่าโลกกำลังก้าวสู่ AI และVirtual มากขึ้น ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้คนไม่ต้องเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้ไฮเทคโนโลยีเข้ามาประกอบในธุรกิจภาพยนตร์ แม้จะซบเซาไปบ้างในช่วงโควิด แต่ตอนนี้มีทีมผู้สร้างภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดติดต่อมาเช่าสตูดิโอตั้งแต่ปลายปี จนถึงต้นปีหน้าแล้ว”

มิติของความเป็น “แม่”

ครั้งนี้คุณมิลินท์ไม่ได้มาคนเดียว แต่พาสมาชิกคนสำคัญมาเปิดตัวด้วยน้องมิเลน่า และน้องไมเคิล เนลเลปเชนโก้ ลูกสาวลูกชายฝาแฝดวัยกำลังซน เธอเล่าย้อนถึงกว่าจะมีทายาททั้งสองว่า

“หลังจากแต่งงาน มิลินท์กับคุณยูริวางแผนที่จะมีลูกเลยค่ะ จึงตัดสินใจไปปรึกษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยรีเควสคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้าน IVF ซึ่งเป็นท่านเดียวกันกับที่ดูแลคุณชมพู่-อารยา คุณหมอแนะนำให้ลองแบบธรรมชาติก่อนแต่ไม่สำเร็จ จึงกลับไปบอกหมอว่าอยากทำกิฟท์เพราะอายุเริ่มเยอะแล้ว ตอนนั้นประมาณ 37-38 ปีปรากฏว่าทำครั้งแรกไปได้แค่ 7 วัน ชุดตรวจการตั้งครรภ์ก็ขึ้นสอง

ขีดจางๆ ด้วยเซนส์ของความเป็นแม่ มิลินท์รู้เลยว่าใช่แล้ว แต่หมอเตือนว่าอย่าเพิ่งวางใจ ให้รออีก 14 วัน สุดท้ายก็ได้ลูกสมใจ (ยิ้ม) หลังจากตั้งท้อง 3-4 เดือนพยายามหาข้อมูลว่าจะทำอย่างไรให้ลูกในท้องแข็งแรงและคลอดง่าย จึงเริ่มกลับมาเล่นกีฬาเบาๆ อย่างว่ายน้ำและปั่นจักรยานอยู่กับที่ภายใต้การดูแลของโค้ชมืออาชีพ

“ตอนนี้เด็กๆ อายุ 3 ขวบครึ่งแล้ว กำลังเรียนชั้นอนุบาลหนึ่งที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา หลายคนถามว่าเลี้ยงลูกฝาแฝดยากไหม มิลินท์ตอบได้ทันทีว่า ไม่ยากค่ะ เพราะมีพี่เลี้ยงช่วย 3 คน แต่ความยากอยู่ตรงที่เขามีนิสัยแตกต่างกันชัดเจน อย่างมิเลน่าดูเหมือนเป็นเด็กเฟรนด์ลี่ แต่ที่จริงค่อนข้างปิดตัวเหมือนแม่ คือเข้าถึงยากนิดหนึ่ง ส่วนไมเคิลสนุกสนาน เฟรนด์ลี่มาก ไปโรงเรียนแล้วไม่ค่อยอยากกลับ อยากอยู่เล่นกับเพื่อนๆ ต่อ

“มิลินท์ต้องให้เวลากับลูกฝาแฝดแต่ละคนเป็นพิเศษ ด้วยการแยกกันดูแลเพราะก่อนหน้านี้มีช่วงหนึ่งที่ไมเคิลคิดว่า คุณแม่เป็นของมิเลน่าคนเดียว มิลินท์ปรึกษากับนักจิตวิทยาเด็ก ซึ่งแนะนำว่า เราต้องมีเวลาให้เขา โดยในหนึ่งวัน มิลินท์จะต้องมีช่วงเวลาที่อยู่กับไมเคิล โดยไม่มีมิเลน่าเข้ามาแทรก ประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งก็ได้ผลดีในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังให้นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยมหิดลมาสอนดนตรีบำบัดให้กับลูกทั้งสองคน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งเขาดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดจากตอนแรกที่ลูกจะไม่ค่อยพูด ถึงพูดก็เสียงเบามาก ตอนนี้พูดไม่หยุดเลยทั้งสองคน (หัวเราะ)

“คือเราต้องการที่จะดึงตัวตนของเขาออกมา ให้เขารู้สึกมั่นใจ และช่วยเสริมศักยภาพ อย่างไมเคิลมีความสนใจเกี่ยวกับจักรกล ชอบวาดรูป ส่วนมิเลน่าชอบเต้นและร้องเพลง มิลินท์ก็จะส่งเสริมให้ลูกๆ ได้เรียนในสิ่งที่เขาสนใจ

“สำหรับมิลินท์ ลูกๆ ทำให้เราได้เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางดีอย่างเมื่อก่อนใจร้อน แต่พอมีลูกแล้วใจเย็นลงมาก มิลินท์ไม่เคยตะคอกลูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่มีปัญหาจะใช้เหตุผลคุยกับเขา แล้วพยายามปลูกฝังวินัยที่ดีตั้งแต่วันนี้ เช่น ไม่ทิ้งขยะลงพื้น ใช้ห้องน้ำแล้วต้องเช็ดให้เรียบร้อย โดยไม่ทำให้เขารู้สึกว่าโดนบังคับ ไม่อย่างนั้นเขาอาจแอนตี้ สิ่งที่ทำทั้งหมดนี้เพื่อปั้นลูกให้เป็นคนดีมีคุณภาพของสังคมในอนาคต”

บาลานซ์ชีวิตด้วยการออกกำลังกาย

เชื่อว่าหลายคนที่พบกับคุณมิลินท์ จะสัมผัสได้ทันทีว่าเธอเป็นสาวเฮลตี้ที่ดูแลตัวเองอย่างมีวินัย โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ยืนยันได้จากรูปร่างที่สมส่วนถึงขั้นมีซิกแพคสวยงาม “มิลินท์เข้านอนเร็ว ประมาณ 3 ทุ่ม แล้วตื่นเช้าประมาณ ตี 5 เพื่อออกกำลังกายด้วยการวิ่งบนลู่ โดยมีเป้าหมายว่าต้องวิ่งให้ได้ระยะทาง 4 กิโลเมตรต่อวันแล้วค่อยไปทำงาน โชคดีว่าบ้านอยู่ที่เดียวกับโรงงาน จึงไม่เสียเวลาไปกับการเดินทาง พอวันเสาร์อาทิตย์ค่อยออกไปปั่นจักรยานที่สนามเจริญสุขมงคลจิต ครั้งละประมาณ 2 รอบ มิลินท์เริ่มเข้าสู่วงการนักปั่นได้ปีกว่า แต่สามารถปั่นจักรยานไปกับนักกีฬาทีมชาติได้สบาย

“สำหรับกีฬาที่กำลังอินมากตอนนี้คือ HandStand หรือ Hand Balance เป็นประเภทหนึ่งของกีฬายิมนาสติก ที่ต้องใช้พลังและร่างกายที่แข็งแรง จุดเริ่มต้นคือหลังจากมีลูกก็เกิดความคิดว่า ฉันตายไม่ได้ฉันต้องแข็งแรง เพื่อจะได้อยู่กับลูกนานๆ จึงอยากออกกำลังกาย ตอนนั้นก็เล่นฟิตเนสนะคะ แต่อยากลองเล่นกีฬาอื่นๆ บ้าง ระหว่างเปิดไอจีก็เห็นชาวต่างชาติเล่น Hand Stand ตามริมหน้าผา แล้วรู้สึกว่าเป็นการโชว์ Performance ที่ดีมากๆ พอเริ่มเล่นแล้วเกิดติดใจ ถึงขั้นจ้างโค้ชสอนออนไลน์ทุกวัน จนโค้ชต้องเบรกว่าเล่นเยอะไปแล้ว ให้พักเสาร์อาทิตย์บ้าง ตอนนี้ฝึกมา 2 ปีคาดว่าอีก 2 ปีข้างหน้าน่าจะได้เทิร์นโปร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปเป็นโค้ชสอนใครนะคะ แต่มิลินท์อยากเปิดช่องออนไลน์ของตัวเองเกี่ยวกับการเล่น Hand Stand แล้วออกเดินทางไปประเทศต่างๆ เพื่อพบปะกับ Hand Balancer จากทั่วโลก อันนี้คือจุดมุ่งหมายสูงสุดในทางด้านนี้ของมิลินท์ค่ะ (ยิ้ม)

“ความจริงจังของเราเคยทำให้สามีโกรธอยู่หลายวันว่า ทำไมต้องออกกำลังกายเยอะขนาดนี้ ที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเราเป็นแบบนี้คือทำงานทุกวัน และตื่นเช้าก่อนใคร เพื่อออกกำลังกาย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือร่างกายเฟิร์มขึ้น ป่วยน้อยมาก ที่ภูมิใจมากๆ คือผลตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง ออกมาว่าร่างกายของมิลินท์เท่ากับคนอายุ 20 กว่าๆ (ยิ้ม)

“นอกจากนี้ผลพลอยได้ของการเล่นกีฬาคือเวลามิลินท์เล่น Hand Stand แล้วลูกๆ เห็น เขาก็จะสังเกตว่า ทำไมแม่เรียนทางออนไลน์ ตั้งแต่ 7.00-8.30น. ทุกวันไม่เคยพลาด ทำให้เขาได้ซึมซับถึงความมีวินัย เรียกว่าเป็นการทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่างเมื่อเขาโตขึ้น จะได้มีวินัยในการทำอะไรให้สำเร็จสมความตั้งใจ”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up