account_circleยังคงอบอุ่นไปด้วยไอความรักไม่ห่างหายไป เพราะเดือนนี้ทั้งเดือนคือช่วงเวลาของความรัก และคู่รักหรือคู่ที่กำลังเริ่มต้นความรักทั้งหลายต่างเลือกช่วงเวลานี้เพื่อจะเผยความในใจต่อกันและกันมากมาย ซึ่งบางคนก็คบหาดูใจกันจนวางใจเปิดตัวให้ครอบครัว อย่างเช่นที่ นางแบบ โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร ยอมออกมาเผยถึงความรักปัจจุบันกับหนุ่มลูกครึ่ง ซึ่งทั้งคู่ได้มองอนาคตร่วมกันไปจนถึงขั้นแต่งงานแล้ว
นางแบบ โย-ยศวดี อัพเดตสถานะหัวใจสีชมพูขั้นสุด เผยรักครั้งนี้มีลุ้นถึงแต่งงาน!
ความรักของ “ยศวดี หัสดีวิจิตร”
ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะแฮ็ปปี้อินเลิฟมากๆ ?
“จริงๆ คบกันมาปีกว่าแล้วช่วงแรกที่ไม่ได้พูดออกมาเท่าไหร่ เนื่องจากเราต้องปรับตัวเยอะ เพราะมันเหมือนจะไปไม่รอดเรารู้จักกันตอนอายุมากแล้ว เลยรู้ความต้องการชัดเจน เหมือนไม่อยากให้เสียเวลา แต่พอใช้เวลาผ่านไปหนึ่งปีโอเคก็พอปรับตัวได้ พอหนึ่งปีเลยเปิดตัวเพื่อให้รู้ว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”
มีความคิดไปถึงขั้นสร้างความครอบครัวเลยไหม?
“มีลูกอาจจะช้าไปแล้วนะคะ เพราะตอนนี้อายุ 42 ปี เรื่องแต่งงานก็คิดนะคะ เพราะช่วงหลังๆ เราก็คุยเรื่องนี้พอสมควรเพราะว่าอนาคตยังเรื่องการแต่งงาน แต่ไม่ได้คุยเรื่องมีลูกหรือไม่มีลูกเพราะเราไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้จริงๆ ถ้าคนสองคนมีความสุขที่อยู่ด้วยกันดูแลกันแบบนี้เรื่อยๆ ไปเลยไม่ได้คิดเรื่องลูก แต่คิดเรื่องแต่งงานกับคนนี้”
เผยเหตุผลที่เลิกเป็นนางแบบ
โยเริ่มทำงานมากตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
“ตั้งแต่อายุ 13-14 ปีเลยค่ะ เดินแบบมาเป็นพันเวที วันที่เลิกก็ 30 ปลายๆ แล้วค่ะ”
แล้วเพราะอะไรถึงเลิกทำงานนางแบบ?
โย ยศวดี : มันหลายปีมันมาในช่วงที่แบบเราทำงานมาจนมีรุ่นน้องโย ทำงานมา 4 เจนเนอเรชั่น ตอนหลังเดินกับน้องที่อายุสิบกว่าไม่ถึงยี่สิบ แล้วเพื่อนทุกคนก็ผันตัวไปทำอย่างอื่นก็เหลือกลุ่มเราอีกไม่กี่คน เราก็คิดว่าถ้าแบบอนาคตของวงการแฟชั่นจะเป็นยังไง คือ รู้ตัวอยู่แล้วว่าวันหนึ่งเราต้องถูกลดงานลงจากการที่เด็กคลื่นลูกใหม่เขาต้องมาใช่ไหมคะ เราก็คิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นเราอาจจะเสียใจที่แบบนั่งอยู่เฉยๆแล้วแบบเป็นคนไม่มีงานแล้วเราจะทำยังไงดี เลยหาสิ่งอื่นทำเพื่อเติมไฟให้ตัวเอง เพราะว่าที่เราเป็นนางแบบช่วงปลายๆ เราเหมือนจะเป็นซึมเศร้า บวกกับร่างกายเราไม่ได้เป็นสาว แล้วไม่ได้รู้สึกว่าเราสดเหมือนตอนทำงานแรกๆ
จากนั้นผันตัวมาเป็นนักกีฬาไตรกีฬาได้ยังไง
โย ยศวดี : เริ่มจากวิ่งก่อน โย สนใจในเรื่องวิ่ง คือ เอาจริงๆมีคนมาชวนไปวิ่งก่อนประมาณ 4 กิโลเมตร ตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจเลิกแบบจริงจัง จนไปเจอโค้ชที่สอนวิ่งโค้ชก็บอกว่าต้องเลือกนะเพราะชีวิตถ้ายังอยากใส่ส้นสูงแล้วก็ผ้าใบเราก็จะมีการบาดเจ็บแบบนี้บ่อยๆเพราะเริ่มวิ่งเยอะขึ้นใช้กล้ามเนื้อมากขึ้น ตอนนั้นก็ทำให้เราตัดสินใจเลิกเดินแบบเลยก็ไปทำอะไรในแบบที่เราชอบ เพราะเวลาเป็นคนที่ทำอะไรก็จะทำแบบเต็มที่ เพราะเราเริ่มเบื่อการเดินแบบพอเบื่อปุ๊บ เราจะเป็นคนแบบนี้คือ ไม่อยากฝืน ไม่อยากฝืนตัวเองไปทำงานแล้วเขารู้สึกว่าเราไม่เต็มที่กับงานเราไปทำอะไรเรามีไฟกับมันดีกว่า ก็เลยเริ่มจากการวิ่งพอเริ่มวิ่งไปได้สักพักก็มีคนมาชวนว่าลองเล่นไตรกีฬาไหม ตอนนั้นเราก็งงว่า ไตรกีฬา คือ อะไรแต่เราเคยได้ยินนะคะ แต่เราไม่รู้ว่ามันประกอบด้วยกีฬาอะไรบ้าง ก็คือ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน แล้วก็วิ่ง เราก็คิดว่า ปั่นจักรยานคงไม่ยากเท่าไหร่ ส่วนวิ่งเราก็วิ่งอยู่แล้ว แต่ว่าว่ายน้ำคือเราว่ายน้ำไม่เป็นมันก็เลยต้องไปเริ่มกระบวนการพวกนี้ใหม่ทั้งหมดถือว่าผ่านความยากของการฝึกซ้อม
เรียกได้ไหมว่าโยกลายเป็นนักกีฬาอาชีพได้ไหม?
“ถามว่า อาชีพ ไหมก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำอยู่ ณ เวลานี้ คือ มันจะเป็นอาชีพก็ต่อเมื่อว่าเราไม่ได้เล่นกีฬาเพื่อความสนุกอย่างเดียวแล้ว ต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องงานเพราะว่าเรามีสปอนเซอร์ เมื่อสปอนเซอร์สนับสนุนเราเพราะเขามั่นใจแล้วว่า โย ยศวดี เขาสามารถแข่งขันได้ไม่ใช่แค่แบบดูเป็นลุคนางแบบอย่างเดียว เธอว่ายได้เธอปั่นได้ เธอวิ่งได้ ฉันก็สนับสนุนเธอเพราะฉะนั้นคือความรับผิดชอบแล้ว หน้าที่ของ โย คือทุกครั้งเวลาที่เราแข่งเราจะลืมความเป็นนางแบบของเราไปเลยแต่จะคิดว่าวันนี้ ฉันคือนักกีฬา และจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุดค่ะ”
ข้อมูลจาก : ต้มยำอมรินทร์