กระแสของซีรีส์ “คังคุไบ” ในประเทศไทยยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่เหล่าคนดังที่ลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นราชินีมาเฟียหญิงแกร่งแห่งมุมไบ หนึ่งในนั้น คือ สาว แพรว แพรววณิชยฐ์ เรืองทอง นางงามเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ที่โคฟเวอร์ออกมาได้เหมือนกับ อาเลีย บาตต์ นางเอกของเรื่องราวกับคนคนเดียวกัน เหมือนขนาดไหนมาดูกันเลย

สิบไม่หัก แพรววณิชยฐ์  โคฟ “คังคุไบ” เหมือนจนต้องขยี้ตา

สำหรับ แพรว แพรววณิชยฐ์  “คังคุไบ” เมืองไทย เกิดวันที่ 27 ธ.ค. 2535 เป็นคนจังหวัดชุมพรโดยกำเนิด จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี  เธอเคยทำงานในตำแหน่งลูกค้าสัมพันธ์ในบริษัทด้านอีเว้นท์ของหนุ่ม เป๊ก สัญชัย นอกจากนี้ยังเคยเป็นพนักงานทรูช้อป สาขา เอ็มควอเทียร์ อีกด้วย

จุดเริ่มต้นของการเดินสายประกวด เพราะเธอมีความใฝ่ฝันอยากเป็นจิตอาสา ตอบแทนสังคม ในปี 2017 เธอเคยสมัครประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แต่ไม่ผ่านเข้ารอบ ก่อนจะเข้าร่วมการประกวดเวทีนางงามถิ่นไทยงาม ของเป๊ก สัญชัย และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล โดยสามารถคว้ารางวัลรองอันดับ 1 นางสาวถิ่นไทยงาม ประจำปี 2018

หลังจากพลาดการประกวดบนเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2017 สาวแพรวกลับไปพัฒนาตัวเอง ก่อนจะคัมแบ็คลงสมัครเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 จากความสามารถ และความสวยที่โดดเด่น ทำให้เธอคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018

แม้จะมีตำแหน่งการันตีความสวยและความสามารถ แต่สาวแพรวก็ไม่หยุดแค่นี้ เธอมุ่งมั่นออกกำลังกาย เข้าคอร์สเดินแบบพัฒนาบุคลิกภาพ เพิ่มทักษะให้ตัวเอง และเมื่อเธอตัดสินใจลงแข่งบนเวทีการประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ก็กลายเป็นตัวเต็งที่น่าจับตามอง ท่ามกลางดราม่าว่าเธอเป็นเด็กเส้น สนิทสนมกับทีมผู้บริหารกองประกวด จนโดนมองว่าทั้งคู่อาจมีการเอื้อผลประโยชน์ให้กันและกัน ก่อนที่ผู้ใหญ่จะออกมาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยสาวแพรวคว้าตำแหน่งรองอันดับ 3 จากเวทีนี้ไปครองสำเร็จ

นอกจากการเดินสายประกวด เจ้าตัวชื่นชอบการทำหน้าที่พิธีกร ทั้งยังเคยผ่านการทำหน้าที่พิธีกรบนเวที การประกวดรอบตัดสินเวทีนางสาวไทยประจำปี 2565 มาแล้ว

ข้อมูลจาก naewna.com  , siamdara.com

ภาพจาก : @praewwanichh ,@aliaabhatt

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก อาเลีย บาตต์ นางเอกซีรีส์ “คังคุไบ” ที่กำลังกระแสฟีเวอร์  จนเหล่าคนดังลุกขึ้นมาห่มส่าหรี โคฟเป็นหญิงแกร่งแห่งมุมไบกันทั่วบ้านทั่วเมือง ขณะเดียวกันหลายคนก็คงอยากรู้ว่า ผู้ที่มารับบทพระเอกของเรื่องนี้คือใคร แพรว ไม่รอช้า ขอพาไปทำความรู้จักกับ ซานตานุ มาเฮชวี (Shantanu Maheshwari) ที่แม้จะเพิ่งแจ้งเกิดในวงการบอลลีวูด แต่ความฮ็อตบอกเลยว่าไม่แพ้นางเอกแน่นอน

 เปิดวาร์ป ซานตานุ มาเฮชวี พระเอก “คังคุไบ” ฮ็อตไม่แพ้ นางเอกอาเลีย บาตต์

สำหรับพระเอก “คังคุไบ” ซานตานุ มาเฮชวี (Shantanu Maheshwari) เกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2534 เขาเป็นนักแสดง นักเต้น นักออกแบบท่าเต้นรวมถึงพิธีกร เกิดและเติบโตที่เมืองกัลกัตตาประเทศอินเดีย โดยในระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยเขาได้ เป็นส่วนหนึ่งของ Street Soul Dance Crew ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย

จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงของเขา  เริ่มจากการเดบิวท์ในปี 2014 เพื่อเป็นนักแสดงซีรีส์ Dil Dosti Dance ที่เน้นการเต้นเป็นหลัก โดยเขาได้แสดงร่วมกับ วรุชิกา เมห์ต้า (Vrushika Mehta) ความสำเร็จของซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ทั้งคู่ได้รับรางวัลบนเวที Indian Television Academy Awards สาขาคู่จิ้นแห่งปี

ก่อนเขาจะเข้าร่วมการแข่งขัน Fear Factor: Khatron Ke Khiladi ซีซั่น 8 และกลายเป็นผู้ชนะ  อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมเต้น Desi Hoppers ซึ่งสามารถชนะการแข่งขัน World of Dance 2015 Championship ที่ ลอสแองเจลิส ต่อมาเขาได้แสดงพิเศษร่วมกับทีม Desi Hoppers ในรายการ America’s Got Talent ซีซั่นที่ 11

ซานตานุ มาเฮชวี มีชื่อเสียงโด่งดังจากการแข่งขันเรียลริตี้ Jhalak Dikhhla Jaa  ต่อมาในปี 2017 เจ้าตัวได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์สั้นเรื่อง Something Like Love  เป็นจุดเริ่มต้นในการสู่วงการภาพยนตร์อย่างเต็มตัว จากนั้นในปี 2018 เขาได้ปรากฏตัวในฐานะพิธีกรของซีรีส์เรื่อง Love on the Run และกลายเป็นพิธีกรที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จนถูกรับเชิญให้เป็นหนึ่งในวิทยากรที่สร้างแรงบันดาลใจของการประชุมชิงแชมป์ IIMUN MUNCLAVE 2019

นอกจากนี้เขาและทีม Desi Hoppers ยังได้ร่วมกันออกแบบท่าเต้น ในรายการเต้นรำและมิวสิควิดิโอต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก จากนั้นเขาได้รับบทนำในซีรีส์  Gangubai Kathiawadi หญิงแกร่งแห่งมุมไบ ประกบคู่นางเอกซุป’ตาร์ชื่อดังของบอลลีวูดอย่าง อาเลีย บาตต์ ทั้งยังถือว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ บนเส้นทางบอลลีวูดของเขาเหมือนกัน

ทั้งนี้ Gangubai Kathiawadi เป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมทั้งในอินเดีย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย แม้บทเด่นส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่นางเอกของเรื่องอย่าง อาเลีย บาตต์ แต่กระแสความปังของเรื่องนี้ก็ส่งผลให้ ซานตานุ มาเฮชวี กลายเป็นที่สนใจให้แฟน ๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ อยากรู้จักเขามากขึ้นเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก : en.wikipedia.org, th.africa-integration.ch

ภาพจาก : @shantanu.maheshwari

เน็ต-ปวริศ ทวีรุจจนะ ว่าที่คุณหมอลุคคุณชาย ทายาทธุรกิจน้ำตาล บริษัทเอสวีพี ซูการ์ จำกัด และอสังหาริมทรัพย์  นอกจากเรียนเก่งแล้ว กิจกรรม ยังแน่น มาพร้อมรางวัลการันตีที่ตอกย้ำดีกรีความฮ็อตทะลุปรอท

หล่อครบเครื่อง เน็ต-ปวริศ ทวีรุจจนะ ว่าที่คุณหมอลุคคุณชาย ทายาทธุรกิจน้ำตาล

เตรียมพร้อมสู่วิถีหมอ

“ผมมีพี่ชาย 2 คน เป็นหมอทั้งคู่ คนโตเป็นแพทย์ศัลยศาสตร์ (ผศ. นพ.วรบุตร ทวีรุจจนะ) คนรองเป็นจักษุแพทย์ (นพ.อริยะ ทวีรุจจนะ) ผมเป็น ลูกหลง อายุห่างกับพี่อริยะ 13 ปี จำได้ว่าตอนอายุ13 ปี ผมไปเยี่ยมพี่ชายคนโต ที่เป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัด ได้เห็นการทำงานของอาชีพแพทย์แล้วรู้สึกว่า เป็นงานที่ต้องเสียสละและมีส่วนทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ต้องขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้อยากเป็นหมอเพราะค่านิยมทางสังคม แต่มาจากภาพที่เราเห็นตอนเด็ก เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ตั้งใจเรียนเพื่อมาทางนี้เรื่อยมา

“ผมเรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน จากนั้นสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  ซึ่งเป็นสังคมที่เด็กส่วนมากอยากเรียน ต่อคณะแพทยศาสตร์ นอกจากนี้ผมลองเข้าค่ายสำหรับเด็กที่อยากเรียนแพทย์ เพื่อพิสูจน์ความชอบ ทำให้ได้รู้เกี่ยวกับอาชีพหมอลึกซึ้งขึ้น และยิ่งอยากเข้าเรียน คณะนี้ครับ

“ช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบผมยึดหลักการมีวินัยและรับผิดชอบต่อตัวเอง กับการบาลานซ์ไม่ให้เรียนหนักเกินไป แม้เนื้อหาที่ใช้สอบทั้งยากและเยอะจนอ่าน ไม่น่าทัน แต่ผมใช้วิธีวางระบบตัวเองอย่างดี แบ่งหมวดหมู่วิชา ฝึกฝนทำข้อสอบ นาน 6 – 8 เดือนก่อนวันสอบ เคล็ดลับคือทำให้ได้เยอะที่สุด พร้อมกับจับเวลา ด้วย แน่นอนว่าวันสอบจะมีความตื่นสนาม ทำให้ประสิทธิภาพเราลดลง ดังนั้น ต้องเตรียมตัวให้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ไว้ก่อนครับ ส่วนวิชาท่องจำเก็บไว้อ่านช่วงใกล้ สอบ 3-4 เดือน”

ฉายแววฮ็อต

“ความที่ผมหน้าตี๋ เพื่อนจึงชอบเรียกว่าโอปป้า แล้วเวลาออกกำลังกายหรือ อากาศร้อน แก้มผมจะแดงกว่าคนปกติเพราะเป็นภูมิแพ้ เลยได้ฉายากับแฮชแท็ก เพิ่มอีกว่า #โอปป้าแก้มแดง ซึ่งในระหว่างช่วงเตรียมสอบเข้าคณะแพทย์  ผมได้ รับโอกาสที่ดี แม้จะเป็นอุปสรรคในการสอบ (หัวเราะ) คือได้รับคำชวนให้เป็น พิธีกรข่าว มีรายการ ใต้ร่มธงไทย  รายการ ร้อยรอบรู้ รายการ ข่าว 5G และ เป็นพิธีกรเยาวชนในงานต่างๆของรัฐบาล แต่ที่จริงผมเริ่มเข้าวงการจากการ ถ่ายแบบกับนิตยสาร I Like ตั้งแต่สมัยมัธยม 2 ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ผู้ใหญ่ในวงการรู้จักผมมากขึ้น

เมื่อความมุ่งมั่นตั้งใจเรียนเป็นผล สามารถสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชได้  จนกลายเป็นว่าที่คุณหมอสุดป็อป ในศาลายา “เฟรชชี่ปี1 ของหลายคณะในมหาวิทยาลัยมหิดลจะเรียนรวมกัน ที่วิทยาเขตศาลายา พอขึ้นปี2 จึงแยกไปเรียนตามคณะและโรงพยาบาลที่เลือก ตั้งแต่ตอนสอบเข้า โดยจะมีงานเลี้ยงอำลาประจำปี มีการประกวด 3 รางวัลคือ สวยสุดศาลายา หล่อสุดศาลายา ป็อปสุดศาลายา ซึ่งผมไม่คิดว่าจะได้รับการ โหวตถึง 2 รางวัล คือหล่อสุดกับป็อปสุดศาลายา ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อน (ยิ้มเขิน) ตอนนั้นเป็นความรู้สึกที่งงและขอบคุณทุกคนที่ติดตามเชียร์ผมครับ

“พอขึ้นปี2 ได้รับการทาบทามจากสโมสรนักศึกษาให้เป็นคทากรของมหาวิทยาลัยมหิดล ความที่เคยเป็นมาแล้วสมัยเรียนที่เตรียมอุดมฯ พอมีพื้นฐานบ้าง ไม่ต้องซ้อมมาก จึงไม่กระทบกับการเรียน แต่พอขึ้นปี4 เรียนหนักจนแทบ ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากละครสั้นเทิดพระเกียรติในหลวง ร.9 หลังจากนั้นมี ถ่ายแบบบ้างประปราย ตอนนี้ใกล้เรียบจบแล้ว เริ่มสนใจอยากกลับมารับงาน ในวงการและเตรียมเปิดช่องยูทูบเป็นของตัวเอง ฝากติดตามด้วยนะครับ” (ยิ้ม)

ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่

หลายคนอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า สอบเข้าหมอว่ายากแล้ว เรียนให้จบหมอ ยากยิ่งกว่า สำหรับเน็ต เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องเกินจริง “ช่วงที่เรียนปี1 – 3 หรือ พรีคลินิกเน้นเรียนทฤษฎี แต่พอขึ้นคลินิกช่วงปี4-6 รู้สึกว่ายากกว่าการสอบเข้า  นอกจากต้องเรียนเนื้อหาแล้ว ยังมีความรับผิดชอบเพิ่มเข้ามา คือความรับผิดชอบ ต่อคนไข้และการทำงานจริง ความที่ไม่ทันตั้งตัวกับการเรียนชั้นคลินิกที่ต้องมาเจอ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากปกติบริหารจัดการการเรียนของตัวเองได้ดีมาตลอด แต่ครั้งนี้ต้องยอมรับว่าการเรียนหมอนั้นเครียดมาก ต้องตื่นเช้าไปตรวจเยี่ยม คนไข้ อยู่เวรข้ามคืน ไม่ได้นอน 24 ชั่วโมงก็เคยมาแล้ว อย่างช่วงปี1 – 3 เห็น เพื่อนๆเครียดจนถึงขั้นอ่านหนังสือไปร้องไห้ไป หรือเคยเห็นในข่าวว่านักศึกษา แพทย์เป็นโรคซึมเศร้า เคยสงสัยว่าเครียดขนาดนั้นเลยเหรอ จนกระทั่งเจอกับ ตัวเอง คือรู้สึกเครียดและเศร้า แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นภาวะหรือโรค เพราะเมื่อ รู้สึกตัวว่ามีอาการเครียด ผมจะหาความสุขให้ตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ชอบ เช่น ดูหนัง เล่นกีฬา และส่วนตัวชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็ช่วยผ่อนคลายได้บ้าง”

Next Step

“ปัจจุบันผมเรียนอยู่ชั้นปีที่ 6 วางแผนไว้ว่าพอเรียนจบจะไปใช้ทุน 1 ปี เพื่อเพิ่มประสบการณ์สำหรับเป็นโปรไฟล์ยื่นสมัครเรียนต่อต่างประเทศทางด้าน ผิวหนัง ผมสนใจมหาวิทยาลัย King’s College London หรือ Cardiff University ประเทศอังกฤษ อยากรู้ด้วยว่าการเรียนแพทย์ในประเทศไทยกับ ต่างประเทศต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะด้านผิวหนังที่ต้องให้ความสำคัญเรื่อง เทคโนโลยี ประกอบกับอยากมองหานวัตกรรมสมัยใหม่เพื่อนำกลับมาใช้กับธุรกิจ ที่กำลังก่อสร้างคลินิกความงามและเตรียมเปิดให้บริการปลายปีนี้ครับ ส่วนความ ตั้งใจแรกที่อยากเป็นแพทย์ช่วยเหลือคนก็ยังคงอยู่ โดยคิดว่าจะแบ่งเวลาออกไป ทำงานตอบแทนสังคมด้วย

“สำหรับผมมองว่าหมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติและมีคุณค่า ได้ช่วยเหลือสังคม แถมยังสามารถต่อยอดทางธุรกิจได้อีกด้วย ส่วนผลกำไรที่ชัดเจนคือความสุขที่ได้เห็น รอยยิ้มของผู้คนที่หายจากอาการเจ็บป่วย”

ที่มา : นิตยสารแพรว 982

สตอรี่ชีวิตก่อนสวมชุดกาวน์ “ฟรัง นรีกุล” จากเด็กซนที่ตั้งใจเรียน สู่ว่าที่คุณหมอสาวสวย

ยังคงความฮ็อตอย่างต่อเนื่อง สำหรับหนุ่ม แพทริค ณัฐวรรธ์ ฟิงค์เลอร์ ศิลปินบอยแบนด์สายเลือดไทยเพียงหนึ่งเดียวในวง INTO1  ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในแดนมังกร หลังปรากฏตัวในรายการ Wonderland 2 ทั้งยังได้ขึ้นปกนิตยสาร men’s uno

ผลของความพยายาม กับก้าวแรกบนเส้นทางภาพยนตร์ในจีนของ แพทริค ณัฐวรรธ์

ล่าสุดเจ้าตัวได้รับบทนำใน “Delicious Romance” ภาพยนตร์จีนเรื่องแรกในชีวิต ที่เพิ่งทำพิธีบวงสรวงไปก่อนหน้านี้ เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้จักหนุ่มคนนี้มากขึ้น แพรว เลยขอพาไปย้อนเส้นทางกว่าจะเป็นไอดอลในวันนี้ เจ้าตัวต้องใช้ความพยายามขนาดไหน

แพทริค ณัฐวรรธ์ ฟิงค์เลอร์  เป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน เกิดที่เมื่อวันที่  20 ตุลาคม พ.ศ. 2546 เขาเกิดและเติบโตที่เยอรมันจนกระทั่งอายุ 10 ปี ได้ย้ายตามคุณแม่กลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย โดยสอบเทียบเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด แม้จะใช้เวลานานกว่า 3 เดือน แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม เจ้าตัวใช้ชีวิตที่นั่น จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย

ในระหว่างเรียนเขายังเป็นนักกิจกรรม ทั้งยังเป็นถึงรองประธานชมรม To be number 1 นอกจากนี้ยังชนะเลิศการประกวดโครงการ “GO ON GIRL & GUY Star Search by Clean & Clear คาแรคเตอร์ไหน หน้าใส ก็เป็นดาว” ในปี  2019 และมีโอกาสได้แสดงซีรีส์ The Gifted Gradution และ Beauty and The Babes SS2 ทางช่อง GMM TV อีกด้วย

ต่อมาแพทริคสอบเข้าในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สาขาศิลป์-ภาษาเยอรมัน แต่หลังจากเรียนไปเพียง 1 ปี ก็ตัดสินใจสอบเทียบ General Educational Development (GED) เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมแข่งขันรายการพรอดิวซ์แคมป์ 2021 ที่ประเทศจีน

กระทั่งได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด Insight Entertainment บริษัทผู้นำด้านการส่งออกคอนเทนต์ละครไทยสู่ตลาดบันเทิงต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ภายใต้ชื่อ 尹浩宇 หรือ Yin Haoyu (หยิ่น ฮ่าวอวี่ ) หรืออีกหนึ่งชื่อ คือ พ่ายพ่าย

หลังเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ “พรอดิวซ์แคมป์ 2021” แพทริคได้รับการโหวตให้อยู่ในอันดับที่ 9 และได้เดบิวท์เป็นสมาชิกวง “อินทูวัน” (INTO1) สร้างสรรค์ผลงานมากมายจนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักทั้งในไทยและต่างประเทศ

ล่าสุดเขาก้าวขึ้นแท่นเป็นนักแสดงหน้าใหม่ของวงการจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังได้รับเลือกให้เล่นภาพยนตร์ “Delicious Romance” ที่เพิ่งเปิดกล้องบวงสรวงไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ประกบเหล่าซุป’ตาร์ชื่อดังอย่าง  “ชุน หลี่”, “เบบี้จาง” และ “นาโอมิ หวัง” โดยเรื่องเคยถูกสร้างเป็นซีรีส์ออกอากาศทาง Tencent  มาแล้วเมื่อปี 2021

ทำเอาแฟนคลับเหล่าสมาชิกบ้านเจ้าปลาดาวเฮกันยกใหญ่ โชว์พลังทวิตข้อความแสดงความยินดีกับแบบรัว ๆ จนแฮชแท็กที่เกี่ยวกับเจ้าตัวฮ็อตติดเทรนด์โลกเลยทีเดียว

คงต้องมาดูกันว่าก้าวต่อในฐานะนักแสดงหน้าใหม่สายเลือดไทย ที่ไปโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงของจีนแผ่นดินใหญ่ จะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าแฟน ๆ ทั้งชาวไทยและจีนก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนหนุ่มคนนี้อยู่ไม่น้อย

ภาพจาก @into1__patrick ,Twitter @LePetitPat1020

ข้อมูลจาก mydramalist.com