เปิดรันเวย์แฟชั่นใหญ่ที่สุดในประเทศไทย Siam Paragon BIFW 2023

สยามพารากอน ตอกย้ำความเป็น ‘World Class Fashion Destination’ ศูนย์กลางแฟชั่นระดับโลก เปิด
แกรนด์รันเวย์สุดอลังการ ประกาศศักยภาพแฟชั่นไทย หนึ่งใน Soft Power ทรงพลัง สู่สายตาโลกกับ “Siam
Paragon Bangkok International Fashion Week 2023” (BIFW2023) ที่สุดแห่งเวทีแฟชั่นวีค ระดับโลก ภาย
ใต้แนวคิด “The Future of Fashion” ร่วมสร้างคุณค่าอันยั่งยืน (Sustainability) บนโลกแฟชั่นแห่งอนาคต
ผนึกกำลัง 12 แบรนด์ไทยระดับแนวหน้านำเสนอแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นล่าสุดตลอด 4 วันเต็ม ในวันที่ 5-8
ตุลาคม 2566 ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน

ปรากฏการณ์แฟชั่นเหนือระดับครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย “Siam Paragon Bangkok International Fashion
Week 2023” (BIFW2023) ที่ปีนี้จัดเต็มแฟชั่นโชว์สุดตระการตาภายใต้แนวคิด “The Future of Fashion” ร่วมสร้าง
คุณค่าอันยั่งยืนสู่โลกแฟชั่นแห่งอนาคต โดยตลอด 4 วันเต็มในสัปดาห์แห่งแฟชั่น พบกับผลงานคอลเลคชั่นล่าสุด
ของแบรนด์ไทยระดับแนวหน้าบนแกรนด์รันเวย์สุดอลังการรวมทั้งหมด 12 โชว์ โดยวันแรก 5 ตุลาคม 2566 ประเดิม
รันเวย์ด้วยแฟชั่นโชว์จาก ISSUE presented by Purra และ VATANIKA presented by AION – AIONIC AUTO จาก
นั้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2566 พบกับโชว์ของ Kloset และ Absolute Siam x Holy Number 7 x 789 วันที่ 7 ตุลาคม
2566 จัดเต็มด้วยโชว์ของ Leisure Projects presented by Crocs, NAGARA, MOO และ Greyhound Original x
TikTok ก่อนปิดท้ายวันที่ 8 ตุลาคม 2566 ด้วยโชว์ของ PAINKILLER Atelier presented by Seiko 5 Sports,
FRI27NOV. presented by SCG, TUBE GALLERY presented by TAT และ FLYNOW

ISSUE presented by Purra

ดีไซเนอร์: ภูภวิศ กฤตพลนารา

ISSUE (อิชชู่) มาในคอลเลคชั่น PHASSA (ผัสสะ) ถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางอันไร้ขอบเขตผ่านสัมผัสต่างๆ ทั้งทาง
ตา หู จมูก  ลิ้น กาย ใจ สื่อสารผ่านรูปร่าง สีสัน ลวดลาย ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วย AI และเทคนิคพิเศษ รวมถึงการถักด้วย
โครเชต์ เพื่อสร้างมิติในการสัมผัสและมองเห็นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ อีกหนึ่งความพิเศษคือการวัสดุเหลือใช้จากงาน
อุตสาหกรรมแฟชั่นมาเป็นส่วนหนึ่งในการรังสรรค์ผลงาน โดยเฉพาะการใช้เศษไหมมาทำงานปักซิกเนเจอร์
“ISSUE Thailand” อันเป็นเอกลักษณ์ และเพื่อเป็นการฉลองขวบปีที่ 25 บนถนนสายแฟชั่นของแบรนด์ ISSUE ยังตั้งใจนำเสนอโชว์รูปแบบใหม่ ชวนเหล่านายแบบนางแบบผู้มีความพิเศษ เช่น สูงพิเศษ อวบพิเศษ ขาวพิเศษ  สีผมพิเศษ มาบอกเล่าถึงความแตกต่างและหลากหลายของโลกใบนี้ ทั้งยังได้สาวงามจากเวที Miss Universe Thailand ปีล่าสุดมาร่วมสร้างความประทับใจอีกด้วย

VATANIKA presented by AION – AIONIC AUTO

 ดีไซเนอร์: วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา

Endless Holiday คือคำจำกัดความสำหรับคอลเลคชั่นล่าสุดของ VATANIKA (วทานิกา) ที่มีภาพของ สลิม แอรอนส์ (Slim Aarons) ช่างภาพชื่อดัง เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก จนได้ออกมาเป็นเครื่องแต่งกายสีสันสดใสแฝงไปด้วยความเปรี้ยวและเซ็กซี่ แม้จะเน้นแพทเทิร์นที่เรียบง่าย แต่ช่วยให้ผู้สวมใส่สวยและดูดีขึ้นได้ ตามแบบฉบับของแบรนด์ที่เน้นความเรียบโก้ และหวังให้ ผู้สวมใส่รู้สึกดีและพึงพอใจในตัวเองมากที่สุด

Kloset

ดีไซเนอร์: มลลิกา เรืองกฤตยา และ ณัฐ มั่งคั่ง

 แรงบันดาลใจจาก นโปเลียน โบนาปาต จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิฝรั่งเศสผู้มีความทะเยอทะยานและสติปัญญา
เฉียบแหลม จนเป็นหัวหอกสำคัญในการปฏิวัติฝรั่งเศส เกิดเป็นคอลเลคชั่น Autumn Winter 2023 ในชื่อ “Never
Give Up” ซึ่ง Kloset (คลอเส็ท) ตั้งใจนำเสนอผู้หญิงที่มีความมั่นใจและกล้าแสดงออก ด้วยการหยิบเอาโครงสร้าง
เครื่องแต่งกายทหารในยุคศตวรรษที่ 18 อย่างคอปกเสื้อแบบตั้ง การตีเกล็ดเสื้อ ขอบแขนดับเบิ้ล และกลิ่นอายของชุด
นักเรียนโรงเรียนประจำ มาถ่ายทอดในรูปแบบของสาว Kloset โดยนำดอกมูเกร์ ดอกไม้ซึ่งแสดงถึงความสันติสุขที่หวน
คืน มาเป็นลวดลายหลักคู่กับโบว์ขนาดใหญ่ที่อ้างอิงมาจากลายวอลเปเปอร์ในพระราชวังแวร์ซาย รวมถึงนำดีเทลอักษร
ย่อที่มักใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรปมาเป็นกิมมิก ปักลงบนผ้าคอตตอนผ้ากำมะหยี่ และผ้าขนกระต่ายเทียม ซึ่งจัด
เป็นไอเท็มพิเศษของคอลเลคชั่นนี้ โดยทางแบรนด์ออกแบบผลงานให้มีความแคชชวลขึ้น เพื่อให้สามารถนำกลับมา
ใช้ได้หลายครั้ง และมิกซ์แอนด์แมตช์กับคอลเลคชั่นอื่นได้อย่างสนุกด้วย

Absolute Siam x Holy Number 7 x 789

สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ สร้างสรรค์ Absolute Siam (แอบโซลูท สยาม) มัลติแบรนด์สโตร์ที่
รวบรวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ สร้างสรรค์ ด้วยดีไซน์แปลกใหม่จากการร่วมคอลลา
บอเรชั่นระหว่างดีไซน์เนอร์ชื่อดัง หรือสินค้า Exclusive แบบไม่เคยมีมาก่อน เติมเต็มประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูชีฟและมี
จำหน่ายเฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์เพียงแห่งเดียว นำเสนอโชว์พิเศษกับคอลเลคชัน “Contender” สำหรับ Spring
Summer 2024 ของแบรนด์สตรีทแฟชั่นชื่อดังจากเกาหลีใต้  HOLY NUMBER 7 ซึ่งออกแบบร่วมกับ 789 Trainee
โดยนำความชอบและสไตล์ของวงผสมผสานเข้ากับเอกลักษณ์ของแบรนด์ อาทิ การนำเมนูอาหารไทยจานโปรดของ
หนุ่ม ๆ มาบอกเล่าผ่านคอนเซ็ปต์ “Enjoy Your Meal” อันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ และการนำสารที่เหล่า
789Survival อยากสื่อถึงทุกคนว่า “Break the Limit” มาสะท้อนผ่านสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนแฟชั่นไอเท็มชิ้นเก๋ จนกลายเป็นเอ็กซ์คลูซีฟดีไซน์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

Leisure Projects presented by Crocs

ดีไซน์เนอร์: ณัฐพล กนกวลีวงศ์

ท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์กับ Leisure Projects (เลเชอร์ โปรเจกต์) คอลเลคชั่น Autumn/Winter 2023 ที่เล่าถึงการ
ตีความใหม่ของ “Wonderland” ในเชิงสัญลักษณ์ซึ่งสื่อถึงการเดินทางทางจิตวิญญาณ เพื่อหลีกหนีจากโลกความเป็น
จริงอันวุ่นวาย ทั้งโชว์และผลงานในคอลเลคชั่นนี้จึงชวนให้ล่องลอยไปกับโลกแห่งความฝันและจินตนาการ ด้วยองค์ประกอบอันน่าน่าดึงดูดซึ่งจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นและความสนใจให้พลุ่งพล่าน อย่างการจับคู่สีที่ตัดกันแต่ลงตัว การใช้เทคนิคไล่เฉดสีหรือ Gradient ในงานพิมพ์ให้มิติที่ดูฟุ้งฝันบางเบา และงานกราฟิกที่เบลอไหวไม่ชัดเจนแต่เด่นสะดุดตา ตลอดจนโครงสร้างและส่วนประกอบของเสื้อผ้าที่เหนือจริงซึ่งจะสร้างความตื่นเต้น ท้าทายจินตนาการ นำพาไปสู่ความรู้สึกแสนประหลาดของดินแดนวันเดอร์แลนด์ที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจทว่ายังเน้นประเด็นรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุโลคัลเพื่อลดการขนส่ง ลดการใช้พลังงาน ตลอดจนจัดการกับเศษผ้าที่เกิดจากการตัดเย็บอย่างเป็นระบบเพื่อให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้มากที่สุด

NAGARA

ดีไซเนอร์: นคร สัมพันธารักษ์

ยังคงตั้งใจที่จะมอบความประทับใจให้กับผู้ชมเหมือนเช่นเคย สำหรับ NAGARA (นาการา) แบรนด์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อันชัดเจน โดยปีนี้มีความพิเศษที่ลายผ้าจากการมัดย้อมด้วยเทคนิคดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น ผสมผสานกับเทคนิคของไทย ออกแบบให้มีรูปทรงที่สวมใส่สบาย สง่า และพลิ้วไหว ตามดีเอ็นเอของแบรนด์ มาในโชว์ที่หรูหราอลังการพร้อมไฮไลต์กับเหล่าเซเลบริตี้ที่เป็นดั่งซิกเนเจอร์ของโชว์ NAGARA ไปแล้ว

MOO

ดีไซเนอร์: พลพัฒน์ อัศวะประภา

โชว์ครั้งแรกของ MOO (หมู)แบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายและไลฟ์สไตล์น้องใหม่ภายใต้ชายคา Asava Group ที่เน้นเสื้อผ้า
สวมใส่สบายสำหรับคนเมือง ด้วยการผสานกลิ่นอายสไตล์ Workwear, American Preppy และ Streetwear เข้าไว้
ด้วยกัน โดยเดบิลต์โชว์ครั้งนี้เป็นการเปิดตัวคอลเลคชั่นพิเศษ “MOO” อันแสดงถึงตัวตนและจิตวิญญาณที่ชัดเจน เพื่อ
พาทุกคนไปทำความรู้จักกับ DNA ของแบรนด์ ที่นำเสนอความสนุกสนานผ่านดีไซน์อันคลาสสิก โดยคำนึงถึงฟังก์ชั่น
ในการใช้งาน ให้สามารถสวมใส่ได้จริง สำหรับคีย์ลุคของคอลเลคชั่นนี้มีทั้งลายเพสลี่ย์โททัลลุค (Paisley Set)
ไอเทมลายทาง (Stripe) ในซิลลูเอท ซิกเนเจอร์  นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำหรับสายสตรีทอย่าง ผ้าลายทหาร (Camo)
ที่มาพร้อมดีเทลใหม่ ๆ และผ้ายีนส์ (Denim) ที่ถ่ายทอดกลิ่นอายความวินเทจเฉพาะตัว รวมถึงแอคเซสเซอรี่ อย่าง
หมวกแก๊ป กระเป๋า และผ้าพันคอ ที่สามารถแมตช์กับทุกไอเทมของแบรนด์ได้อย่างลงตัว สมกับแนวคิดหลักที่อยากให้เรื่องของ MOO เป็นเรื่องหมูหมูของทุกคน 

Greyhound Original x TikTok

บดินทร์ อภิมาน และ พงศธร แพลอย

จากเบื้องหน้าที่สว่างเจิดจ้าของแกลเลอรี่ศิลปะอันหรูหรา Greyhound Original จะพาไปบุกเบื้องหลังอันดำมืดของ
ตลาดซื้อขายงานศิลปะที่เหนือความคาดหมาย ด้วยโชว์ที่ดูเหมือนจะสงบ นิ่ง เท่ ทว่ากลับมีความตื่นเต้นระทึกใจอยู่ใน
ที ทั้งยังแฝงอารมณ์ขันตามสไตล์ของแบรนด์ พร้อมนำเสนอผลงานศิลปะทางแฟชั่นแสนดึงดูใจในคอลเลคชั่น
“BLACK MARKET” ที่หวนกลับคืนสู่รากเดิมของแบรนด์ด้วยการเน้นสีดำและเล่นกับแพทเทิร์นอันเป็นเอกลักษณ์
รวมถึงนำเสนอรูปทรงอันโดดเด่นและกราฟิกสะดุดตา สะท้อนเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะทั้งในเชิงเสียดสีและล้อเลียน
บนลุคแบบ Masculine Street Urban ที่จะทำให้ผู้สวมใส่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับชิ้นงานศิลปะ ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยเลือกใช้ผ้ารีไซเคิลในการสร้างสรรค์ผลงานให้เป็น “Green Label” และที่สำคัญโชว์นี้ยังนำเสนอความหลากหลายตามสไตล์ของ Greyhound ซึ่งใส่ใจเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องมาตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมา ในฐานะแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่สนับสนุนให้เกิดการยอมรับตัวตนและมาตรฐานความงามอันแตกต่างและหลากหลายในสังคม

PAINKILLER Atelier presented by Seiko 5 Sports

ดีไซเนอร์: สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์

นับเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่สนุกสนานและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ สำหรับ PAINKILLER Atelier (เพนคิลเลอร์ อเตลิเยร์) ที่บอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างงานศิลปะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ด้วยการเลือกหยิบยกเอาศิลปินคนโปรดของเหล่าดีไซเนอร์มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายผู้ชายในคอลเลคชั่น “ARTCORE” โดยนำแนวทางการออกแบบของแบรนด์เข้าไปตีความตัวตนของศิลปินแต่ละคน จนออกมาเป็นคอลเลคชั่นที่ทั้งกลมกลืนและขัดแย้งได้อย่างน่าสนใจ พร้อมแมชต์ลุคเท่ห์ๆกับนาฬิกา Seiko 5 Sport

FRI27NOV. presented by SCG

ดีไซเนอร์: ชนะชัย จรียะธนา

“เมื่อความทรงจํามีค่ากับการอยู่บนโลกในปัจจุบันด้วยการมองไปสู่อนาคต” คือคอนเซ็ปต์ที่ FRI27NOV. (ฟรายเดย์
ทเวนตี้เซเว่น โนเวมเบอร์) ต้องการสื่อผ่านโชว์ในคอลเลคชั่น “The Day Yester Tomorrow” จึงตีความผ่านเทรนด์และ
สไตล์ลิ่ง โดยนำศิลปะ แฟชั่น หรือสิ่งของที่เคยล้ำค่ามาเป็นองค์ประกอบในการออกแบบ โดยสะท้อนภาพปัจจุบันและโลกอนาคต ผ่านวัสดุ เทคนิค งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของโลกปัจจุบันซึ่งคํานึงถึงความทรงจําที่มีค่าในอดีตด้วยมุมมองภาพรวมที่มุ่งไปสู่อนาคต โดยที่ไม่หลงลืมประสบการณ์ ความทรงจำ เอกลักษณ์ ที่ทําให้เรามีตัวตนในวันนี้ เพื่อให้เราคงอยู่และเติบโตไปในวันข้างหน้าโดยที่ไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา

TUBE GALLERY presented by TAT

ดีไซเนอร์: พิสิฐ จงนรังสิน และ ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์

เพราะคนเรามีตัวตนและอัตลักษณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอัตลักษณ์ที่ติดมาแต่กำเนิด หรือตัวตนที่สะสมผ่านกาล
เวลา กระบวนการทางสังคม ความเชื่อ ความชอบ ไปถึงความชัง ทำให้ทุกคนแตกต่างกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด Tube
Gallery จึงหยิบยกประเด็นนี้มาเป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์คอลเลคชั่น “Identity” หรือ “ตัวตน” ประจำฤดูร้อนปี
2024 ที่เปิดตัวใน New York Fashion Week และ Paris Fashion Week ไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยแปลความหมายของ
อัตลักษณ์บ่งบอกตัวตนให้กลายเป็นลวดลายต่างๆ ถ่ายทอดเป็นงานปักในสไตล์ที่ถนัด ใส่เทคนิคงานฝีมือบนเนื้อผ้าที่
ไม่เหมือนใคร รวมทั้งงานเลเซอร์คัทที่ช่วยให้แต่ละชุดดูน่าตื่นเต้นในทุกมิติ และที่น่าสนใจคือการหยิบเอาโครงเสื้อผ้าแนวเทเลอร์ที่เคยเป็นธรรมเนียมการแต่งตัวของผู้ชาย มาดัดแปลงให้กลายเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงในแนว Dramatic Fashion ทำให้เกิดความแปลกใหม่และแตกต่างอย่างลงตัว นำเสนอผ่านโชว์ที่ออกแบบให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นไปกับความสับสนและความชัดเจนของอัตลักษณ์ ที่ถ่ายทอดผ่านผู้แสดงแบบหลากหลาย Identity โดยไม่จำกัดอยู่ในกรอบของธรรมเนียมในโลกแฟชั่นแบบเดิมอีกต่อไป

FLYNOW

ดีไซเนอร์: สมชัย ส่งวัฒนา

ดื่มด่ำไปกับความโรแมนติกที่ไม่ใช่แค่หวานละมุนแต่ยังแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยเสน่ห์หา จากคอลเลคชั่น “Solar Eclipse” หรือ “จันทร์กอดอาทิตย์” ของ FLYNOW (ฟลายนาว) ที่สะท้อนถึงการหลอมรวมจิตวิญญาณอันเข้มแข็งและอ่อนโยนซึ่งโอบกอดกันด้วยปัญญาแห่งรัก ผ่านผลงานการดีไซน์เครื่องแต่งกายที่แปลกใหม่ แฝงไปด้วยความดุ เสน่ห์อันร้อนแรง และความล้ำสมัยเหนือจริง เน้นเฉดสีดำ ทอง ขาว น้ำตาล เบจ สื่อถึงความงามทั้งด้านดำมืดและแสงสีทองที่ส่องเป็นวงแหวนงดงามจับใจยามจันทร์กอดอาทิตย์

โดยปีนี้แต่ละแบรนด์ร่วมนำเสนองานแฟชั่นดีไซน์ผ่านแนวคิด Sustainability ซึ่งเป็นเทรนด์ที่วงการแฟชั่นโลกโดย
เฉพาะแบรนด์ชั้นนำให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล การเลือกใช้เส้นใยธรรมชาติ เป็นต้น โดยมี
เหล่านางแบบนายแบบชั้นนำ ร่วมด้วยศิลปินดาราแถวหน้าร่วมเดินแบบและร่วมชมแฟชั่นโชว์ตลอด 4 วันเต็ม รวมถึงยังมีงานเสวนาในหัวข้อเกี่ยวกับแฟชั่นและความยั่งยืน โดยตัวแทนจากภาครัฐ และนักออกแบบระดับแนวหน้าของเมืองไทยมากมาย โดยเปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมได้ฟรี ในวันที่ 7 และ 8 ตุลาคม ณ  SCBX NEXT STAGE ชั้น 4 สยามพารากอน

สำหรับแนวคิด “The Future of Fashion” ร่วมสร้างคุณค่าอันยั่งยืนสู่โลกแฟชั่นแห่งอนาคต มาจากกระแส
Sustainability ซึ่งทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญอย่างมากและจะเป็นรากฐานแห่งความเปลี่ยนแปลงสำคัญของกระแส
โลกโดย สยามพารากอน ได้ร่วมผสานศักยภาพของทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงเหล่าพันธมิตรจากหลากหลาย
อุตสาหกรรมร่วมกันสร้าง Fashion Ecosystem หรือระบบนิเวศของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่แข็งแกร่ง และนำเสนอ
ปรากฏการณ์แห่งแฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ เชื่อมโยงหลากหลายมิติแห่งแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกันผ่านการจัดงานครั้งนี้โดยเปิดรันเวย์
นำเสนอผลงานแฟชั่นที่สร้างสรรค์บนพื้นฐานของ Sustainability ตลอดจนมอบประสบการณ์แปลกใหม่เหนือความคาด
หมายให้ผู้คนทั่วโลกได้ร่วมรับชมแฟชั่นวีคผ่านช่องทาง Social Media ของ สยามพารากอน และ ONESIAM ซึ่งไม่
เพียงนำเสนอแฟชั่นโชว์สุดตระการตา แต่ยังถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์และเหล่าดีไซเนอร์ให้ผู้รับชมได้ดื่มด่ำไปกับ
ทุกคอลเลคชั่นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเชื่อมโยงประสบการณ์แฟชั่นเข้ากับการ ช้อปปิ้งอย่างไร้รอยต่อด้วย ONESIAM SuperApp ที่พร้อมให้เหล่าคนรักแฟชั่นได้ Shop-Off the Runway จับจองช้อปคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากรันเวย์ BIFW2023 ได้เร็วและง่ายดายเพียงปลายนิ้ว พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย นับเป็นการสร้างสุดยอดประสบการณ์แห่งแฟชั่นอย่างเหนือระดับที่ครอบคลุมทุกมิติอย่างแท้จริง

Praew Recommend

keyboard_arrow_up