FALL/WINTER 2023 INSPIRATION AND SHOW NOTES
Tory Burch Looks Cover

FALL/WINTER 2023 INSPIRATION AND SHOW NOTES

Tory Burch Looks Cover
Tory Burch Looks Cover

“คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 นี้ มีต้องการที่จะท้าทายมุมมองของความงามและความเป็นผู้หญิง ผ่านการทำลายขอบเขตเครื่องแต่งกายอันล้าสมัยและสร้างขึ้นใหม่ด้วยแนวคิดที่แตกต่าง รูปทรงซิลูเอตที่คุ้นเคยได้ถูกนำมาดัดแปลงผ่านการปรับแต่งและบิดรูปทรง โดยยังคงรูปแบบที่เรียบง่ายไว้ องค์ประกอบต่างๆ ล้วนสื่อถึงความงามของความไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัสดุอันหรูหราที่ถูกตัดและทำให้ดูเก่า โลโก้ห้อยหลุดจากกระเป๋า และส้นของรองเท้าที่หัก ไปจนถึงการนำรายละเอียดที่มักถูกซ่อนไว้ออกมายังพื้นผิวภายนอก”

“คอลเล็กชั่นนี้ต้องการแสดงถึงความมั่นใจที่มาจากความรักและการเป็นตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข ผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะแสดงความเป็นตัวตนผ่านการแต่งกาย ดังนั้น เสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับทุกชิ้น ถูกออกแบบมาเพื่อผสมผสาน เลเยอร์ และแสดงอัตลักษณ์ของแบรนด์ทอรี่ เบิร์ชอย่างชัดเจน” – ทอรี่ เบิร์ช

FALL/WINTER 2023 INSPIRATION AND SHOW NOTES

SILHOUETTES : คอลเล็กชั่นนี้เปรียบเสมือนการนำเสนอตู้เสื้อผ้าสมัยใหม่อันเต็มไปด้วยชิ้นส่วนที่สามารถใช้งานทั้งกลางวันและกลางคืน มีการนำองค์ประกอบที่ตรงข้ามกันมาผสมผสานกัน อย่างการนำรูปทรงไม่เข้ารูปมาจับเข้าชุดกับรูปทรงรัดรูป กางเกงปล่อยชายและเสื้อปล่อยแขนที่ยาวถึงปลายนิ้ว รวมถึงชุดชั้นในอย่างชุดเดรสโปร่งแสงและเสื้อสายเดี่ยวลูกไม้ประดับด้วยดอกกุหลาบปัก

CONSTRUCTION : คอลเล็กชั่นนี้ต้องการแสดงความหลากหลายในการสวมใส่เสื้อผ้า ที่ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตว่าแต่ละชิ้นต้องใส่อย่างไร จะเห็นได้จากชุดเดรสผ้าแจ็คการ์ดที่ดูเหมือนกลับด้าน กระโปรงพลีทปลายเฉียง ไปจนถึงรายละเอียดภายในอย่างชุดชั้นใน เข็มกลัดต่างๆ ที่สามารถเห็นได้จากภายนอก

FABRICATIONS : การเลือกใช้วัสดุตรงข้ามกันถูกนำเสนออีกครั้ง ทั้งการใช้วัสดุหรูหรา วัสดุทึบแสงและโปร่งแสง วัสดุเงาและด้าน พื้นผิวของผ้าบางชนิดเมื่อนำมารังสรรค์แล้วกลับมีการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกใหม่ เช่น กระโปรงผ้าลินินที่สามารถยืดออกได้ 4 ด้าน พร้อมลูกเล่นของผ้ากำมะหยี่ซึ่งคล้ายกับขนแกะ เสื้อโค้ทหนังสัตว์ถูกแต่งชายเสื้อด้วยผ้านิตต์ทรงกลม กระโปรงยีนส์พร้อมลูกเล่นผ้าลุ่ยบริเวณปลาย ทั้งหมดต่างเน้นย้ำว่ามีความสวยงามในการสวมใส่เสื้อผ้าทั้งสิ้น ไม่ว่าเสื้อผ้านั้นจะใหม่หรือเก่า ก็สามารถพบความงามเหล่านั้นได้

PALETTE : สีโทนร้อนอย่างสีแดงเชอร์รี่ สีน้ำเงินโคบอลต์ และสีเขียวมะกอก ถูกนำมาใช้ในคอลเล็กชั่นนี้ ชุดเดรสสีขาวงาช้างและเสื้อโค้ท ประดับด้วยเครื่องประดับสีดำที่ตัดกันและถุงน่องตาข่าย ในขณะที่เสื้อสายเดี่ยวและเซตชุดชั้นในถูกออกแบบมาในสีชมพูอ่อน สีขาวครีม และสีดำ อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์คลาสสิค

HANDBAGS & SHOES : คอลเล็กชั่นนี้ได้มองย้อนกลับไปยังดีไซน์กระเป๋าและรองเท้าในรูปทรงคลาสสิคและนำมาดัดแปลงใหม่ ทั้งฮาร์ดแวร์ลายโซ่รุ่น Jessa, กระเป๋า Marshmallow ในผ้าซาติน ไปจนถึงการนำเอกลักษณ์ของชุดชั้นในมาผสมในเครื่องแต่งกาย รองเท้าแตะพร้อมสายรัดบริเวณนิ้วโป้งรุ่นไอคอนิกได้นำเสนอใหม่ในรูปทรงที่แตกต่าง พร้อมนำเสนอโลโก้ดับเบิลทีใหม่ กระเป๋าทรง Top-Handle ประดับด้วยโลโก้โลหะที่ห้อยออกมาจากหูจับ กระเป๋าทรงเลดี้ถูกล้อมด้วยโลโก้ดับเบิลทีรอบฐานกระเป๋า รองเท้าส้นสูงหัวป้านถูกประดับด้วยโลโก้ดับเบิลทีที่ถูกแบ่งครึ่ง รองเท้าส้นเข็มรุ่นคลาสสิคที่ถูกดีไซน์ให้ดูหักงอ

JEWELRY & ACCESSORIES : เครื่องประดับของคอลเล็กชั่นนี้สื่อถึงการลองผิดลองถูก คริสตัลเป็นวัสดุที่นำมาใช้เป็นต่างหูแบบหนีบเพื่อให้สวมใส่ได้ทุกบริเวณ สร้อยโซ่ทองถูกนำมาใช้ประดับรอบเอวและกระเป๋า แหวนคอกเทลทำจากหยก ควอตซ์ และมูนสโตนเหมาะสำหรับการแต่งกายสบายๆ เข็มกลัดถูกนำมาใช้ประดับชุดเดรสด้านหลัง และยังมีต่างหูดีไซน์เข็มกลัดแบบสองมิติ

THE SHOW : ก่อนเริ่มโชว์ที่ 51 Chambers Street ภาพของเทพีวีนัส (Venus de Milo) ถูกฉายขึ้นในอากาศ รูปปั้นของเทพีวีนัสถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความเฟมินีน หรือความเป็นผู้หญิง ที่แม้ตัวรูปปั้นจะถูกทำลายไปบ้างแล้วแต่ยังคงเหลือความงามไว้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสวยงามของความไม่สมบูรณ์แบบ โดยในโชว์นี้ได้รับการประพันธ์เพลงโดย Wladimir Schall ซึ่งประกอบไปด้วยเพลง Smalltown Boy โดย Bronski Beat, เพลง Casta Diva โดย Bellini, เพลง Sweet Dreams โดย Eurythmics และเพลง You’re So Vain โดย Carly Simon

Praew Recommend

keyboard_arrow_up