โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ Cover

โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่แห่งแรกของไทยและของโลก

โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ Cover
โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ Cover

“หอมนสิการ” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่แห่งแรกของไทยและของโลก

สักการะพระบรมสารีริกธาตุ 18 พระองค์ ตื่นตากับพระพุทธรูปพระบรมโลกนาถ

ปิดทองคำแท้เนื้อสัมฤทธิ์ หนึ่งเดียวในโลกกับ ภาพปักพระบรมโลกนาถศิลปะงานปักมือ 651,000 ฝีเข็ม

หอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวใหม่เชิงวัฒนธรรม จังหวัดสระบุรี ตั้งอยู่เบื้องหน้าเขาพระพุทธบาทน้อย อำเภอแก่งคอย สร้างโดยมูลนิธิ โนอิ้ง บุดด้า เพื่อการปกป้องพระพุทธศาสนา ใช้เวลาก่อสร้างถึง 5 ปี พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนเข้าชม มีวัตถุประสงค์เพื่อการสืบสานวัฒนธรรมและปกป้องพระเกียรติพระบรมศาสดา และปลุกจิตสำนึกที่ดีงามให้แก่ปวงชน

โครงการ “หอมนสิการ” เกิดขึ้นตามดำริของอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ประธานมูลนิธิ โรงเรียนแห่งชีวิตประธานมูลนิธิโนอิ้ง บุดด้า เพื่อการปกป้องพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ในอ.แก่งคอย  ริมเทือกเขาพระพุทธบาทน้อยอันงดงามตระการตา

หอมนสิการมีขนาด 7.4  ไร่ ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี นอกจากหอมนสิการจะมีฉากหลังเป็นทัศนียภาพที่งดงามากแล้ว ยังมีนิทรรศการจำลองเส้นทางเดินของพระพุทธเจ้าในรูปแบบนิทรรศงานร่วมสมัยที่จะดึงผู้เข้าชมให้เหมือนย้อนเวลาไปที่อินเดียเมื่อ 2,500 ปีก่อน ที่ด้านในสุดของหอเรียกว่าหอจตุรัสประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อการสักการะ ที่จะทำให้ผู้มาเยือนเดินทางกลับไปแบบไม่ว่างเปล่าแต่จะได้ข้อคิดในหลักการดำรงชีวิต เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้ทางไว้ และยังมีสถานที่เรียนรู้ฝึกสมาธิเบื้องต้นแบบไม่มีพิธีรีตอง เป็นสมาธิชิมลองเพื่อให้สัมผัสความสงบใจงานทุกส่วนของมนสิการมีสองภาษากำกับเพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ประสบการณ์ทั้งหมด จะนำมาสู่การไตร่ตรองอย่างแยบคายในหลักการดำเนินชีวิตอย่างมีศีลธรรม การไตร่ตรองโดยแยบคายคือคำแปลของคำว่า “มนสิการ

โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่แห่งแรกของไทยและของโลก

สถาปัตยกรรมและการออกแบบภายใน

หอประดิษฐานพระบรมโลกนาถ พระพุทธรูปองค์สีทอง ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว ตลอดจนพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาต่างวาระ 18 พระองค์ และภาพปักพระบรมโลกนาถ รูปแบบสถาปัตยกรรมแรกเริ่มทั้งภายนอกและภายใน ออกแบบโดยอ.อัจฉราวดี โดยต้องการให้ตัวอาคารมีความร่วมสมัย ไม่เป็นแนวประเพณีจนเกินไป ยอดหลังคาได้แรงบันดาลใจมาจากโบสถ์วัดพุทธไธศวรรย์จ.อยุธยา เป็นศิลปะอยุธยาตอนต้นผสมผสานศิลปะแบบขอม ด้านหน้าอาคารมีกันสาดมีลวดลายอาคารแบบนีโอคลาสสิก ทางเดินด้านในช่วงนิทรรศการเป็นอุโมงค์โค้งมนแบบอุโมงค์ทางเดินริมฝั่งแม่น้ำ Arno ด้านหน้าของ Uffizi Museum ที่ฟลอเรนซ์ อิตาลี จากนั้นได้เชิญคุณนาคนิมิตร สุวรรณกูฏซึ่งเป็นทายาทของศิลปินชั้นครูระดับตำนานคุณไพบูลย์สุวรรณกูฏผู้เป็นศิษย์รุ่นแรกและใกล้ชิดกับศาสตราจารย์ศิลป์พีระศรีมาต่อยอดรับหน้าที่เป็นศิลปินและผู้ออกแบบลวดลายสถาปัตยกรรมและให้คำปรึกษาตกแต่งภายในคุณนาคนิมิตรผูกลวดลายตัวอาคารให้มีความเป็นสากลโดยการผสมผสานลวดลายสไตล์อินเดีย สไตล์วิกตอเรียและสุโขทัย เพื่อให้มีรูปแบบเฉพาะของมนสิการ
ทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่แนวคิด รูปแบบ ไปจนถึงวัสดุการก่อสร้าง ดีไซน์ ทั้งภายนอกและภายใน ผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดและเข้มงวด รวมทั้งเดินทางไปดูสถาปัตยกรรม โบราณสถานที่เมืองชัยปุระ ประเทศอินเดีย

ทางเดินนิทรรศการเส้นทางเดินของพระพุทธเจ้า (The Buddha’s Path: An Exhibition Passageway)

จุดแรกที่ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสคือ ทางเดินนิทรรศการ “เส้นทางเดินของพระพุทธเจ้า” นิทรรศการร่วมสมัย “Journey to the Life of Buddha” วิถีแห่งความเสียสละกว่าที่พระพุทธองค์จะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าที่จะปลุกจิตสำนึกในธรรมแท้ผ่านการจัดแสดงแบบInteractive อันเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยงานศิลปะร่วมสมัยภาพแสงสีเสียงบรรยายและวิดีโอสื่อผสมระดับภาพยนตร์ให้ได้ซึมซับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 นำพาผู้เข้าชมย้อนสู่ครั้งพุทธกาลบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงกำเนิดมาอย่างสมบูรณ์พร้อมแต่กลับปรารถนาค้นหาหนทางแห่งการพ้นจากความทุกข์ส่วนที่น่าสนใจอย่างมากคือห้องพุทธกาลช่วงที่ 5 ที่กล่าวถึงการ “หนี” จากพระราชวังเพื่อออกผนวชบำเพ็ญเพียรค้นหาทางรอดจากกงล้อแห่งวัฏสงสารกับช่วงที่ 6 “การทรมานร่างกายครั้งประวัติศาสตร์” ที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้ง (เสมือนจริง) พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาตามความเชื่อในแบบลัทธิดั้งเดิมจนพระวรกายผ่ายผอมเพื่อค้นหาธรรมแห่งการพ้นไปและช่วงที่ 7 “การค้นพบทางหลุดพ้นและความจริงอันสูงสุดของสรรพสิ่ง”

กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธรูปและภาพปักพระบรมโลกนาถ

ณหอจตุรัสอันศักดิ์สิทธิ์และงดงามอร่ามด้วยสีทองตัดกับผ้าไหมสีแดงที่ตกแต่งอย่างละเอียด ประณีตเป็นที่ประดิษฐาน “พระบรมโลกนาถ” พระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 30 นิ้วปิดทองคำบริสุทธิ์งดงามผุดผ่องโดยหนึ่งในมวลสารที่ใช้หล่อพระพุทธรูปคือมวลสารดินจากกุสินาราและทองคำบริสุทธิ์เป็นมวลสารหลักซึ่งพิธีเททองหล่อพระจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ณบริเวณหน้าหอมนสิการองค์พระบรมโลกนาถนั้นเป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบอินเดียที่มีลักษณะเสมือนจริงกับมนุษย์เพื่อให้ผู้บูชาสามารถน้อมจิตได้ใกล้ชิดพระพุทธองค์ในแบบกายเนื้อมนุษย์มากยิ่งขึ้น

ภายในหอยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาด้วยพุทธปาฏิหาริย์ใน 3 วาระรวมทั้งสิ้น18พระองค์และยังมีภาพปักพระบรมโลกนาถที่ปักโดย สุวลักษณ์ เสนานุช มีขนาดความกว้าง 67.2 ซม. สูง 85.6 ซม. จำนวนฝีเข็มกว่า 651,000 ฝีเข็ม ใช้ไหมทั้งหมด 49 สี

นิทรรศการ “Spiritual Life” เพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อพระพุทธศาสนา

ด้านนอกหอมนสิการมีอาคารจัดแสดงนิทรรศการ “Spiritual Life” เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อพระพุทธศาสนาซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหลักการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องต่อพระบรมศาสดาและพระพุทธสัญลักษณ์ และมีอาคารสอนและปฏิบัติสมาธิโดยอาจารย์สอนสมาธิจัดสอนฝึก นั่งสมาธิเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจ

หอมนสิการจะเปิดให้เข้าชมในวันที่ 30 กันยายน 2565  เป็นต้นไป

เปิดบริการ

อังคาร – ศุกร์ : 10.00 – 17.00 น.

เสาร์ – อาทิตย์ : 09.30 – 18.00 น.

(หยุดทุกวันจันทร์)

ค่าเข้าชม คนไทย 20 บาท คนต่างชาติ 50 บาท

เด็ก นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงวัยผู้พิการ นักบวช เข้าฟรี*ค่าเข้าชมนี้เพื่อช่วยสนับสนุนค่าน้ำค่าไฟ

หอมนสิการ : 63/3  หมู่ 10  ต.สองคอน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

โทรศัพท์ :  095 7600885  

แผนที่เดินทาง : https://maps.app.goo.gl/8EcesozVyF8E8efr8?g_st=ic

ฝ่ายประชาสัมพันธ์สื่อมวลชน  : คุณมลธิรา โยธี  โทร : 085 175 1411  Email: [email protected]

Email : [email protected] | FB : manasikarn.hallI website :  www.manasikarn.com

Praew Recommend

keyboard_arrow_up