โอสถสภา

ถอดตำนาน 4 เจเนอเรชั่น สู่ความสำเร็จข้ามศตวรรษของโอสถสภา

โอสถสภา
โอสถสภา

จากยาสมุนไพรตำรับโบราณ สู่สินค้าอุปโภคบริโภคที่หลายคนคุ้นเคย จากร้านขายยาเล็กๆ หนึ่งคูหา สู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตำนาน 130 ปี จากรุ่น สู่รุ่น จากวันนั้น ถึงวันนี้  “โอสถสภา” คือความภาคภูมิใจที่เติบโตคู่สังคมไทย

แม้การแข่งขันในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ “โอสถสภา” ยังคงเป็นชื่อที่คุ้นหูและไว้วางใจของคนไทย จากการเป็นองค์กรธุรกิจที่อยู่กับสังคมไทยมานานกว่าร้อยปี

โอสถสภา

ก่อนที่จะเป็นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ในวันนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2434 นายแป๊ะ แซ่ลิ้ม เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศจีน ก่อนลงหลักปักฐานที่ตึกเล็กๆ หนึ่งคูหาในย่านสำเพ็ง อันกลายเป็นที่ตั้งของร้านขายยา “เต๊กเฮงหยู” จุดเริ่มต้นของยากฤษณากลั่น ยาตำรับโบราณ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาโรคท้องร่วง และนายแป๊ะได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ไปช่วยบำบัดโรคท้องร่วงในกิจการเสือป่า ซึ่งมีการซ้อมรบที่จังหวัดนครปฐม ด้วยคุณสมบัติของยาใช้ได้ผลดี ทำให้สินค้าได้รับความนิยม ขายดิบขายดี จนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและยังมีขายจนถึงปัจจุบัน

โอสถสภา

สำหรับชื่อร้าน “เต๊กเฮงหยู” เป็นการผสม 3 คำ คือ เต๊ก หมายถึงคุณธรรม เฮง หมายถึง ความถาวรตลอดกาล และ หยู คือความเต็มเปี่ยม อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อนำมารวมกัน จะมีความหมายถึง มีความอุดมสมบูรณ์และคุณธรรม ความดีที่ยืดยาวตลอดกาล หรือการสร้างความเจริญรุ่งเรืองจากการช่วยเหลือผู้อื่น เช่นเดียวกันกับคำว่า โอสถานุเคราะห์ ที่มาจากคำว่า โอสถ และ อนุเคราะห์ ซึ่งเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราขทานจากรัชกาลที่ ๖ จากการที่นายแป๊ะ นำยากฤษณากลั่น ตรากิเลน ไปช่วยบำบัดโรคท้องร่วงในกิจการเสือป่านั่นเอง

โอสถสภา

ธุรกิจ “โอสถสภา” ดำเนินกิจการมาเรื่อยๆ จนถูกส่งต่อมายังทายาทรุ่น 2 สวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ ที่ริเริ่มสร้างความน่าเชื่อถือ และเข้าถึงชุมชน ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยใช้หนังกลางแปลง หนังขายยา หน่วยปลูกนิยม ถือเป็นการโฆษณาสินค้าอย่างแยบยล ต่อมาได้มีการออกอากาศทางสถานีวิทยุศาลาแดง ซึ่งเป็นวิทยุชุมชนแห่งเดียวในสมัยนั้น และด้วยความรู้ ความกล้าได้กล้าเสียของ สวัสดิ์ยังได้ริเริ่มระบบเครดิตขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ขายก่อน จ่ายทีหลัง ทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

โอสถสภา

ธุรกิจถูกส่งต่อมายังทายาทรุ่น 3 คือ “สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์” ที่มีแนวคิด กล้าบุกเบิกกรุยทาง กล้าทดลองอะไรใหม่ๆ ไม่กลัวที่จะแตกต่าง หนึ่งในนั้นคือการเปิดตลาดเครื่องดื่มให้กำลังงานเป็นเจ้าแรกของไทย จากการนำเข้าลิโพวิตันดีมาจากประเทศญี่ปุ่น และเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มให้กำลังงานของไทยจวบจนปัจจุบัน

โอสถสภา

โอสถสภาในยุคของทายาทรุ่นที่ 4 นั้น รัตน์ โอสถานุเคราะห์ สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการโฆษณาและการตลาด ริเริ่มกลยุทธ์ Idol Marketing นำศิลปินเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้าเป็นเจ้าแรก ดันทเวลฟ์ พลัส ให้เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นในยุคนั้น

โอสถสภา

“โอสถสภา” บริหารงานโดยทายาทตระกูล “โอสถานุเคราะห์” มาแล้ว 4 เจเนอเรชั่น และได้เปลี่ยนจากธุรกิจครอบครัวสู่การบริหารงานโดยมืออาชีพ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเพชร โอสถานุเคราะห์  ซึ่งนับเป็นอีกก้าวที่สำคัญ มั่นคง และยิ่งใหญ่ในเส้นทางธุรกิจของโอสถสภา ที่วันนี้ เส้นทางแห่งนี้ได้ขยายออกไปต่างแดน เพื่อให้แบรนด์ไทยได้ผงาดในระดับภูมิภาค

 

โอสถสภา

การที่องค์กรหนึ่งๆ จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ยาวนานกว่า 100 ปีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องผ่านเหตุการณ์ บทพิสูจน์ต่างๆมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าแนวคิด กลยุทธ์ ที่ช่วยให้ผ่านบทพิสูจน์ต่างๆ ย่อมเป็นองค์ความรู้ เป็นมรดกที่สำคัญให้แก่คนรุ่นหลัง ดังเช่น เรื่องราวตลอด 130 ปีของโอสถสภา ที่เต็มไปด้วยแนวคิดในการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการตอบแทนสังคม และกลยุทธ์ด้านการตลาดที่ไม่จำกัดอยู่แค่ในตำรา

ชมคลิปวีดีโอ คลิ๊ก

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up