สานต่อกิจกรรมดีๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อลูกค้าคนสำคัญ บัตรเครดิตกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ และบัตรเครดิตกรุงศรี ซิกเนเจอร์ โดย บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ชวนสมาชิกบัตรฯ มาสร้างสรรค์น้ำหอมที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง กับเวิร์กชอป “อัพ โมเมนท์ วิธ ซิกเนเจอร์ เวิร์กชอป : เพอร์ฟูม บาย อาร์ติซาน วัลเลย์” (Up Moment with Signature Workshop : Perfume by Artisan Valley) โดยเชิญนักปรุงน้ำหอมชื่อดัง เจ้าของแบรนด์ ‘Artisan Valley’ ที่ถึงแม้จะเป็นมือสมัครเล่นก็สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากด้วยการสอนที่เข้าใจง่ายบอกเล่าผ่านประสบการณ์จากการทำงานจริง
หัวใจสำคัญของการปรุงน้ำหอม คือ การบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งถือเป็นศิลปะชั้นสูงแขนงหนึ่งที่มีมานานในประเทศฝรั่งเศส ทุกกลิ่นนั้นมีความหมายแอบแฝงอยู่เสมอ การเลือกสรรกลิ่นสัมผัสที่แตกต่างและร้อยเรียงใหม่สร้างสุนทรียภาพได้ไม่ต่างอะไรกับงานดนตรีและงานประพันธ์ น้ำหอมนั้นมีทั้งส่วนของจินตภาพเหมือนภาพวาดและท่วงทำนองเหมือนบทเพลง การดำเนินไปของกลิ่นถูกทำให้เข้าใจได้ง่ายด้วยการแปลงเป็นโน้ต ซึ่งแต่ละโน้ตจะถูกจัดให้สวยงามเป็นลำดับขั้นและมีการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป โดยกลิ่นสัมผัสของน้ำหอม ประกอบด้วย
- Top Note คือ กลิ่นเปิดซึ่งเป็นกลิ่นแรกของน้ำหอม จะระเหยออกมาเมื่อฉีดและจางหายไปภายใน 10 – 15 นาที
- Middle Note คือ กลิ่นกลางซึ่งมีความสำคัญมากในการปรุงน้ำหอม กลิ่นนี้จะกระจายอย่างเต็มที่หลัง Top Note จางหายไปทำให้ช่วยบ่งบอกบุคลิกของน้ำหอมอย่างชัดเจน
- Base Note คือ กลิ่นสุดท้ายที่จะคงอยู่และติดผิวกายได้นานที่สุด โดยผสมผสานเข้ากับกลิ่นกายเป็นบุคลิกของผู้ใช้ มักจะหอมติดผิวในช่วง 4 – 5 ชั่วโมง ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
อุปกรณ์ในการปรุงน้ำหอม
- ขวดทดลอง 1 ขวด สำหรับใช้ปรุงน้ำหอม
- ขวดบรรจุน้ำหอมแก้วหนา 1 ขวด
- สารละลายเจือจางและสารเร่งปฏิกิริยาการหมักหัวน้ำหอม
- แอลกอฮอล์สำหรับผสมน้ำหอม
- สีผสมน้ำหอม
- สารตั้งต้นสำหรับการทำสูตรน้ำหอม 26 หมวดตามหลักสากล
ขั้นตอนการปรุงน้ำหอม
- สร้างแนวทางของกลิ่นลงบนสมุดงาน
- แปลงความต้องการเป็นโน้ตน้ำหอม
- จัดลำดับโน้ตน้ำหอมต่างๆ ตามแนวทางที่ตั้งไว้
- ทดลองผสมตามลำดับกลิ่นชนิดต่างๆ โดยเริ่มจากกลิ่นกลาง (Middle Note) ไม่เกิน 40 หยด เช่น Iris, Jasmine, Orchid, Rose เป็นต้น จากนั้นแต่งเติมกลิ่นให้สวยงามด้วยกลิ่นตกแต่ง (Modify Note) ไม่เกิน 5 หยด เช่น Iceberg, Citrus, Dairy เป็นต้น ตามด้วยกลิ่นประสาน (Blender Note) ไม่เกิน 20 หยด เช่น Linalool, Muguet เป็นต้น และกลิ่นพื้นหลัง (Fixative Note) ไม่เกิน 20 หยด เช่น Wood, Musk, Mossy เป็นต้น คนส่วนผสมให้เข้ากัน
- นำไปเติมสารเจือจางเแอลกอฮอล์
- เติมสีผสมน้ำหอมตามต้องการ
- บรรจุลงในขวดแก้วตอกฝาและตกแต่งขวดตามชอบใจ
- บ่มน้ำหอมไว้อย่างน้อย 1 อาทิตย์ก่อนนำมาใช้จริง
คุณเคนจิยังได้ฝากคำแนะนำเทคนิคในการเลือกน้ำหอมและการฉีดน้ำหอมให้ติดทนนานมาด้วยว่า แต่ละคนมีกลิ่นผิวกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ดังนั้น ไม่ควรซื้อน้ำหอมหากยังไม่ได้ทดลองใช้กับผิวกายของตนเอง สำหรับเทคนิคการเลือกน้ำหอมที่ดีที่สุดคือ การใช้กระดาษทดลองกลิ่นน้ำหอมเมื่อไปซื้อที่ร้าน โดยเมื่อเลือกกลิ่นที่ชอบได้แล้วให้ทดลองฉีดน้ำหอมบนตัวเพื่อจะได้ทราบว่ากลิ่นน้ำหอมนั้นเหมาะกับผิวกายของตัวเองหรือไม่ ส่วนเทคนิคการฉีดน้ำหอมให้ติดทนนาน คือ ควรฉีดน้ำหอมที่จุดความร้อนต่างๆ บนร่างกายซึ่งก็คือจุดชีพจรต่างๆ เช่น ข้อมือ ข้อพับ หลังหู ข้อเท้า เป็นต้น จะทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายดี ส่วนการฉีดมี 2 ลักษณะ คือ การฉีดแบบ Indoor คือ การฉีดน้ำหอมภายใต้ร่มผ้าเพราะจะมีเสื้อผ้าซับกลิ่นน้ำหอมทำให้กลิ่นไม่ไปรบกวนคนอื่น เหมาะกับการฉีดในวันที่ทำงานภายในสถานที่ต่างๆ เช่น ออฟฟิศ และการฉีดแบบ Outdoor คือการฉีดน้ำหอมบนผิวกายเพื่อให้คนอื่นได้กลิ่นมากขึ้น เหมาะกับการทำกิจกรรมภายนอกสถานที่
สำหรับกิจกรรม “Up Moment with Signature Workshop” เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ และบัตรเครดิตกรุงศรี ซิกเนเจอร์ เพียงแลกคะแนนสะสมเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsricard.com/signature และโทร. 02-296-5566 หรือ 02-627-4788