ราชวงศ์อังกฤษ กับ Social Media ควีนทรงทวีตข้อความ แถมจ้างงานเมเนเจอร์

ทุกวันนี้ Social Media เป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญ และส่งต่อข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่ “ราชวงศ์อังกฤษ” ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน

กระทั่ง “ควีนเอลิซาเบ็ธ ที่ 2” ยังทรงเคยทวีตข้อความด้วยพระองค์เอง รวมถึงมีการจ้างงานผู้ดูแล Social Media ในระดับเมเนเจอร์ ด้วยค่าตอบแทนสูงถึง 2.5 ล้านบาท/ปี เลยทีเดียว

ราชวงศ์อังกฤษกับ Twitter

สำนักราชวังอังกฤษ เริ่มสร้างแอคเคานท์ Twitter ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2009 หรือเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว โดยมุ่งใช้ในการนำเสนอข่าวการหมั้น และพิธีเสกสมรส ของเจ้าชายวิลเลียม และแคเธอรีน มิดเดิลตัน จากนั้นจึงใช้เผยแพร่ข่าวพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ของราชวงศ์อังกฤษ สืบมาจนถึงทุกวันนี้

queen twitter

เริ่มแรกนั้นใช้ชื่อแอคเคานท์ว่า @BritishMonarchy แต่ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อเป็น @RoyalFamily เพื่อให้คำจำกัดความในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารกว้างขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 2.38 ล้าน Followers ทวีตภาพและข่าวสารไปแล้วกว่า 2.31 ล้านครั้ง นอกจากนี้ ยังมีแอคเคานท์ @KensingtonRoyal ผู้ติดตาม 7.31 แสน Followers ที่คอยทวีตข่าวสาร ภาพ วิดีโอ และข้อความ ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์โดยเฉพาะ

queen twitter

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในช่วงแรก สำนักราชวังจะเคยแถลงไปว่า “การทวีตข้อความต่าง ๆ มาจากเจ้าหน้าที่ สมาชิกราชวงศ์ไม่มีส่วนในการดำเนินการ” แต่ล่าสุด มีการเผยแพร่พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบ็ธ ที่ 2 ทรงกำลังทวีตข้อความด้วยพระองค์เอง พร้อมลงท้ายข้อความด้วยพระนามของพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันเฉลิมฉลองครบรอบ 90 พรรษา ว่า “เรารู้สึกยินดียิ่ง ที่ได้รับข้อความถวายพระพรผ่านสื่อออนไลน์มากมาย เราอยากขอบใจในน้ำใจของทุกคน – เอลิซาเบ็ธ อาร์.” ซึ่งต่อมาสำนักราชวังแถลงยืนยันว่า ข้อความดังกล่าว พิมพ์และกดทวีตโดยควีนเอลิซาเบ็ธที่ 2 จริง

ราชวงศ์อังกฤษกับ Facebook

ในช่วงปลายปีค.ศ. 2010 สำนักราชวังบักกิงแฮม จับมือกับคลาเรนซ์เฮาส์ และมูลนิธิรอยอลคอลเล็คชั่น สร้างแฟนเพจ Facebook ขึ้นมา โดยใช้เชื่อว่า The British Monarchy (www.facebook.com/TheBritishMonarchy) เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการส่งต่อข้อมูลข่าวสารราชวงศ์ให้กับประชาชนคนรุ่นใหม่ ปัจจุบันมียอด Like เกือบ 3.4 ล้าน Like

queen twitter

ทั้งนี้ Facebook ถือเป็นสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุด มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 1.6 พันล้านราย การใช้งานแฟนเพจนั้น ผู้ใช้งานสามารถแสดงความคิดเห็นกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีการแบ่งปันได้ แฟนเพจของราชวงศ์อังกฤษ จึงตั้งข้อความต้อนรับไว้ว่า “ยินดีต้อนรับสู่ Facebook Page ทางการของราชวงศ์อังกฤษ เรานำเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหว ภาพเหตุการณ์ และวิดีโอ ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 รวมทั้งสมาชิกราชวงศ์ทุกพระองค์ ทั้งในสหราชอาณาจักร และทั่วโลก การใช้ถ้อยคำไม่สุภาพและถ้อยคำกระทบกระทั่งในการแสดงความคิดเห็น อาจถูกลบทิ้งและผู้นั้นอาจถูกปิดกั้นในการเข้าถึง”

Screen-Shot-2559-06-26-at-2.58

ราชวงศ์อังกฤษกับสื่อออนไลน์อื่น ๆ

นอกจาก Twitter และ Facebook แล้ว ราชวงศ์อังกฤษ ยังเปิดแอคเคานท์กับเว็บไซต์ และสังคมออนไลน์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน อาทิ Instagram ที่มีด้วยกันมากถึง 4 แอคเคานท์ ประกอบด้วย The Royal Family, Buckingham Palace Shop, Carence House และ Kensington Royal

ราชวงศ์อังกฤษ ยังร่วมเป็นสมาชิกของพื้นที่แบ่งปันวิดีโอรายใหญ่ Youtube ด้วย โดยมีชื่อแอคเคานท์ว่า Royal Channel (www.youtube.com/user/TheRoyalChannel) เมื่อปีค.ศ. 2007 ที่ผ่านมา เคยมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง Youtube ครั้งแรก ปัจจุบันมีผู้ติดตาม กว่า 1.55 แสนราย ส่วนอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่สำนักราชวังอังกฤษ ได้เปิดแอคเคานท์ไว้ คือ Flickr (www.flickr.com/photos/britishmonarchy/albums) เป็นแหล่งแชร์ภาพถ่าย มีการสร้างอัลบั้มต่าง ๆ ของราชวงศ์อังกฤษไว้ ประชาชนสามรถเข้าไปเยี่ยมชมได้ มีภาพตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้มีผู้ติดตาม 15.7 หมื่นราย

Screen-Shot-2559-06-26-at-3.05

แค่ไหนเรียกว่าจริงจัง! ราชวงศ์อังกฤษประกาศจ้างงาน Social Media Manager

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวว่า สำนักราชวังอังกฤษ ประกาศสรรหาบุคคลากรในตำแหน่ง Social Media Manager เพื่อมาดูแลสังคมออนไลน์ และเว็บไซต์ต่าง ๆ ของราชวงศ์อังกฤษ โดยคุณสมบัติที่ต้องการคือ ต้องเป็นผู้ที่มีความหลงไหล และเชี่ยวชาญในการทำงานกับสื่อออนไลน์ทุกแขนง เป็นคนที่มีความคิดเชิงนวัตกรรมและก้าวหน้า พร้อมเสนอค่าตอบแทนสูงถึง 45,000 – 50,000 ปอนด์/ปี (ราว 2-2.5 ล้านบาท/ปี) กับการทำงานสัปดาห์ละ 37.5 ชั่วโมง สำหรับสวัสดิการอื่น ๆ ที่มีการประกาศให้ทราบนั้น ประกอบด้วย อาหารกลางวันฟรี และวันลาพักร้อน 33 วัน/ปี

 

เรื่อง : Ladyfern

Source: The Royal Family / Twitter, people.com, telegraph.co.uk, royalcentral.co.uk

Praew Recommend

keyboard_arrow_up