ฟางเส้นสุดท้าย Sussex Couple อาจถูกเทจากสถาบัน เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ขึ้นครองราชย์

ANGELA LEVIN นักเขียนพระราชประวัติชื่อดังชาวอังกฤษได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เมื่อใดที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ขึ้นครองราชย์ แน่นอนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของราชวงศ์ และก็อาจจะรวมไปถึงสถานะของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ (Sussex Couple) ที่จะไม่รับการเหลียวแลอีกต่อไป

9 พระจริยวัตรสุดแปลก แต่กลายเป็นความเนี๊ยบเป๊ะของ ควีนเอลิซาเบธที่ 2

9 พระจริยวัตรสุดเนี๊ยบ ที่หลายอาจจะมองว่าแปลก แต่จริงๆ แล้วเป็นความละเอียดรอบคอบที่สุดแสนจะเพอร์เฟคของ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งสิ่งที่พระองค์ทรงทำ กลับกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ยอดเยี่ยม เราทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์ และความเป็นตัวเอง ซึ่งบางครั้งพฤติกรรมที่แสดงออกมา ก็สร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะได้ ในขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นเรื่องแปลก และชวนฉงนให้กับคนที่พบเห็น เช่นเดียวกับ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่พระองค์ก็ทรงมีพระจริยวัตรแปลกๆ เช่นกัน แต่ความแปลกนี้กลับเป็นเสน่ห์ เป็นความเนี๊ยบ และความรอบคอบ ซึ่งเป็นพระจริยวัตรที่มีคำอธิบาย และสมเหตุสมผลมากเลยทีเดียวสำหรับการเป็น พระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร 1.ทรงพกถุงเลือดของพระองค์เองทุกครั้งในการเดินทาง ทุกครั้งที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 จะเสด็จประพาสไปยังที่ใด พระองค์ทรงพกถุงเลือดของพระองค์ไปด้วยเสมอ เพราะหากเกิดกรณีฉุกเฉินใดๆ ขึ้นกับพระองค์ ถุงเลือดนี้จะมีประโยชน์ในกรณีที่ต้องมีการถ่ายเลือด และทุกครั้งในการเดินทางมักจะมีแพทย์ประกอบโรคศิลป์ที่คอยติดตามไปด้วยเสมอ ซึ่งแพทย์กลุ่มนี้จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการทราบที่ตั้งของโรงพยาบาลใกล้เคียงทั้งหมด ที่พระองค์เสด็จประพาส และยังมีกระเป๋าแพทย์ขนาดใหญ่ที่ภายในบรรจุเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบพกพาและยาฉุกเฉิน 2.ทรงห้ามเปิดหน้าต่างในพระราชวัง ฟังดูแล้วอาจจะแปลกแต่เป็นเรื่องจริง ที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงห้ามเปิดหน้าต่างในพระราชวัง! เมื่อย้อนกลับไปในปี 2003 “Paul Burrel” นักข่าวจากเว็บไซต์ Daily Mirror ได้รับการว่าจ้างให้ปลอมเอกสารเพื่อสมัครเข้าไปเป็นคนรับใช้ในพระราชวังบัคกิงแฮม ซึ่งทำให้เขามีโอกาสเขียนบทความเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของสมาชิกราชวงศ์ โดยหนึ่งในนั้นคือเรื่องที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 […]

ราชวงศ์อังกฤษ กับ Social Media ควีนทรงทวีตข้อความ แถมจ้างงานเมเนเจอร์

ทุกวันนี้ Social Media เป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญ และส่งต่อข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่ “ราชวงศ์อังกฤษ” ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน

keyboard_arrow_up