ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับคอร์สเมนูประจำ “เหมันต์ฤดู” หลอมรวมความลงตัวของวัตถุดิบสดใหม่จากทั่วโลก ผสมผสานเข้ากับสมุนไพรไทยที่ รอยัล โอชา ร้านอาหารไทย ไฟน์ ไดนิ่ง
ลิ้มรสชาติเมนูประจำ เหมันต์ฤดู ณ รอยัล โอชา ร้านอาหารไทย ไฟน์ ไดนิ่ง
ก่อนลมหนาวจะพัดผ่าน เพื่อไม่ให้พลาดสัมผัสกับรสชาติแห่งฤดูกาล ล่าสุด Royal Osha (รอยัล โอชา) ร้านอาหารไทย Fine Dining (ไฟน์ ไดนิ่ง) ที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินไกด์ถึง 2 ปีซ้อน และในครั้งนี้สองพี่น้องอย่าง ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล เจ้าของร้านรอยัล โอชา และ เกวลิน พิทยานุกุล เชฟผู้วิจัยและพัฒนาเมนู ยังได้ร่วมกับ เชฟวิชิต มุกุระ เชฟอาหารไทยชื่อดังเจ้าของมิชลินสตาร์ 1 ดาว นำเสนอเมนู Chef’s Table ใหม่ประจำ “เหมันต์ฤดู” ที่ถูกรังสรรค์มาอย่างละเมียดละไมกับ 8 คอร์สพิเศษ จากสุดยอดวัตถุดิบชั้นเลิศประจำฤดูกาลผสมผสานกับวัตถุดิบสมุนไพรไทยที่ยังคงรสชาติอาหารไทยแบบโบราณไว้อย่างครบรส ภายใต้แนวคิด “Classic Thai Elegance Reinvented” ความสง่างามของอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมสู่ระดับโลก
ท่ามกลางบรรยากาศร้านที่ถูกตกแต่งอย่างละเมียดบรรจงในสไตล์ไทยวิจิตรโมเดิร์น เสมือนการเข้าไปในพระราชวังสมัยโบราณ ตระการตาด้วยสถาปัตยกรรมโทนสีเข้มตัดกับสีทองจากทองคำแท้บริสุทธิ์แฝงกลิ่นอายความเป็นไทยไว้ในทุกรายละเอียด ทั้งจิตรกรรมฝาผนังบริเวณชั้นลอยที่บอกเล่าเรื่องราวรามเกียรติ์ และโคมแชน เดอเลียร์รูปชฎาสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ที่จะตราตรึง และ สร้างความประทับใจให้กับทุกท่านมิรู้ลืม รวมถึง โซนกลาส เฮ้าส์ สำหรับบริการในรูปแบบ Chef’s Table ที่สามารถเห็นทุกขั้นตอนการปรุงอาหารแบบสดใหม่จานต่อจานของเชฟอย่างใกล้ชิด ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์โดดเด่นของการทานอาหารแบบ Chef’s Table โดยทุกเมนูสุดหรูที่รังสรรค์ขึ้นได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ทำงานของเชฟวิชิต มุกุระ เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ ที่ได้เดินทางไปรอบโลกกว่า 40 ปี
สำหรับเมนู Chef’s Table ของร้านรอยัลโอชาจะหมุนเวียนไปตามฤดูกาล โหมโรงเรียกน้ำย่อยกันด้วย ทองม้วนต้มยำกุ้งคาเวียร์ ทองม้วนขนมขบเคี้ยวดั้งเดิมของคนไทย ถูกหยิบยกมาเล่าใหม่ ด้วยการสอดไส้กุ้งเข้าไปแล้วค่อยไส่มูสต้มยำ ตกแต่งเพิ่มสีสันด้วยมูสต้มยำ ซอสมะม่วง โรยดอกไม้ ใบมะกรูดกรอบ ออกมาเป็นแท่งขนาดพอดีคำ เวลากัดเข้าไปจะมีความเป็นทองม้วนกรอบๆ ผสานกลิ่นอายของต้มยำที่ครบรสและได้ความหอมอบอวลของสมุนไพร
แตงโมหอยสังข์กับบีทรูทปลาแห้ง จานนี้เชฟผู้วิจัยและพัฒนาเมนู ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกุ้งแช่น้ำปลากับแตงโมปลาแห้ง นำแตงโมสดฉ่ำมาท็อปด้วยหอยสังข์จากประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในวัตถุดิบล้ำค่าที่พลาดไม่ได้ หอยสังข์หั่นบางเหยาะเกลือหิมาลัย แล้วนำมาย่างให้เกิดกลิ่นหอมอบอวล เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มซีฟู้ด ซุกซ่อนลูกเล่นด้วยการทำอินฟิวส์กับบีทรูท รังสรรค์เป็นกรานิต้าให้สีม่วงแดง รสจัดจ้าน นอกจากจะช่วยตัดเลี่ยนแล้วยังเพิ่มความสดชื่นได้ดี
ถัดมาเป็นจานซิกเนเจอร์ของเชฟวิชิต ยำสมุนไพรตะไคร้มะแขว่นส้มโอกับขาปูทาราบะ มะแขว่นได้รับฉายาว่าราชาเครื่องเทศเมืองเหนือ มีกลิ่นหอมฉุนคล้ายผักชี มีรสเผ็ดเล็กน้อย นำมาคลุกเคล้ากับยำสมุนไพรไทยนานาชนิด อาทิ ตะไคร้ ต้นหอม หอมแดง ผักชีใบเลื่อย ผักแพรว และมีส้มโอเคล้าตัดรส เสิร์ฟคู่กับขาปูทาราบะจากประเทศญี่ปุ่นที่ย่างยั่วกลิ่นหอม
นิยามใหม่ของแกงจืดลูกรอก ต้มลูกรอกฟัวกราส์ไก่ฝรั่งเศสหนังไก่กรอบ ซุปตุ๋นไก่น้ำใสรสเข้มข้น ผ่านกระบวนการตุ๋นตามวิธีการปรุงแบบคนจีน นำมาเคี่ยวกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อดึงความหอมหวานตามธรรมชาติของกระดูกไก่ออกมา ส่วนลูกรอกถูกผสมด้วยฟัวกราส์แล้วค่อยนำไปนึ่ง ตบท้ายด้วยฟัวกราส์หั่นเต๋าที่ผ่านการย่าง ช่วยเติมเต็มรสชาติที่สมบูรณ์แบบ จัดเสิร์ฟอยู่ในถ้วยก่อนเทน้ำซุปร้อนลงไป เพิ่มความกรอบให้กับหนังไก่มากยิ่งขึ้น
แกงเหลืองปลาฮิราเมะ ยอดมะพร้าวอ่อนและก้านทูน กับขนมจีน เป็นอีกเมนูหนึ่งที่เชฟอยากนำเสนอวัตถุดิบแปลกใหม่ และหารับประทานยากในเมืองกรุง นั่นคือ “ก้านทูน” ซึ่งจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับบอน นำมาหั่นแฉลบบางๆ แล้วทำให้สุกกับน้ำแกงเหลือง ยามตักเข้าปากจะได้เท็กซ์เจอร์คล้ายกับสายบัว แต่หวานกลมกล่อมกว่า แกงเหลืองสุดโมเดิร์นจานนี้ เสิร์ฟพร้อมปลาฮิราเมะจากประเทศญี่ปุ่น รับประทานคู่กับขนมจีน และมีของดองจัดวางไว้สำหรับแนม ได้แก่ มะละกอดองพริกเกาหลีและหัวไชเท้า
เข้าสู่เมนคอร์สอย่างเต็มตัว ล็อบสเตอร์ผัดฉ่า แกะย่างจิ้มแจ่วข้าวหอมมะลิแดง เมนู Surf & Turf อาหารจานหลักที่รวมอาหารทะเลและเนื้อแดงไว้ในจานเดียว ล็อบสเตอร์เนื้อหวานฉ่ำให้อารมณ์ “บัตเตอร์เซียร์” คือนำไปย่างแล้วทาด้วยซอสผัดฉ่าที่มาในรูปแบบเจล มาพร้อมแกะย่างกับข้าวคั่วและพริกแห้ง ข้าวหอมมะลิแดงผัดแล้วคลุกงาขี้ม่อน เพิ่มความอร่อยล้ำและสัมผัสกรุบกรอบอบอวลอยู่ในกระพุ้งแก้ม
ตามตำรับไทย รับประทานของคาวแล้วต้องปิดด้วยของหวาน ที่ร้านรอยัล โอชา เสิร์ฟ เจลลี่ส้มฉุนผลไม้กับมะกรูดเชื่อม ขนมโบราณหากินยาก ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคยกับการใส่ขิงซอยกับหอมเจียวในขนม ทางเชฟจึงพัฒนาสูตรจากน้ำส้มซ่ามาเป็นลอยแก้ว รับประทานพร้อมกับมะกรูดเชื่อมจนเนื้อใส เติมรสชาติความหอมด้วยเจลลี่ส้มซ่า และเรียกความสดชื่นด้วยผลไม้ไทยและญี่ปุ่นตามฤดูกาล ปิดท้ายกับการรมควันหอมเจียวกับขิง ถ้วยนี้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยเท็กซ์เจอร์ที่หลากหลาย
ถั่วแปบ ขนมครกข้าวเหนียวมะม่วง ขนมสอดไส้ เสิร์ฟพร้อมกัน 3 เมนู “ถั่วแปบ” ทำจากแป้งข้าวเหนียวดำ จับตั้งแต่งให้สวยงาม รองด้วยน้ำตาลงา ส่วนขนมครกสูตรของเชฟวิชิต เปลือกนอกจะมีความกรอบ แตกต่างจากขนมครกปกติ หยอดหน้าด้วยข้าวเหนียวมูน ครีมกะทิ แนะนำให้รับประทานทั้งคำมอบรสสัมผัสของข้าวเหนียวมะม่วง บวกกับความกรอบของเปลือกขนมครกด้านนอก และขนมสอดไส้โบราณหน้ากะฉีด ห่อด้วยใบตอง เสิร์ฟบนสาแหรก จบคอร์สอย่างอิ่มเอมภายใต้ความรู้สึกรื่นรมย์ต่อรสสัมผัสแห่งฤดูหนาวตลอดกระทั่งคำสุดท้าย
เมนู Chef’s Table ใหม่ประจำเหมันต์ฤดู มีให้เลือกแบบ 5 คอร์ส ราคา 5,000++ บาท, 8 คอร์ส ราคา 8,000++ บาท และ 12 คอร์ส ราคา 12,000++ บาท บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 – 31 มกราคม 2566
นอกจาก Chef’s Table แล้ว ทางร้านยังมีในส่วน Main Dining ที่บริการอาหาร A La Carte และ Set Menu โดยมีเมนูไฮไลต์ ได้แก่ คร็อกเก้ตำขนุนอ่อนสอดไส้ฟัวกราส์สมุนไพรและส้มซ่ามาโยซอส, ยำมะม่วงเบาหนังหมูกรอบกับกุ้งแม่น้ำย่างน้ำปลาหวาน, แกงเหลืองโชนเนื้อปลาเก๋าแดง, เนื้อสันนอกวากิวย่างซอสน้ำพริกข่า แหนมเห็ดทอดและเห็ดย่าง และ ตูโบ้ แกงบวชธัญพืช และเม็ดบัวงาขาว ทั้งนี้เพื่อให้ทุกท่านได้เลือกทานอาหารไฟน์ ไดนิ่งในแบบที่ต้องการ
“รอยัล โอชา” (Royal Osha) ร้านอาหารไทย ไฟน์ ไดนิ่ง (Fine Dining) ที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินไกด์ ตั้งอยู่ที่ ซอยร่วมฤดี ถนนวิทยุ เปิดทุกวัน มื้อเที่ยง เวลา 11.00 – 15.00 น. และมื้อเย็น เวลา 18.00 – 23.00 น. สำหรับบริการ Chef’s Table โดย เชฟวิชิต มุกุระ กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-256-6555 หรือ อีเมล [email protected]