15 อย่างควรรู้ก่อนดู Tale of the Nine Tailed 1938 ซีซั่นใหม่

รวมตัวตึง! สรุป 15 อย่างควรรู้ก่อนดู Tale of the Nine Tailed 1938 ซีซั่นใหม่

Alternative Textaccount_circle
15 อย่างควรรู้ก่อนดู Tale of the Nine Tailed 1938 ซีซั่นใหม่
15 อย่างควรรู้ก่อนดู Tale of the Nine Tailed 1938 ซีซั่นใหม่

กลับมาอีกครั้งสำหรับซีรีส์แฟนตาซีภาคต่อเรื่อง Tale of the Nine Tailed 1938 (เทพบุตรจิ้งจอกเก้าหาง 1938) ที่ในครั้งนี้เรื่องราวพาเราย้อนกลับไปในปี 1938 ยุคแห่งความโกลาหลวุ่นวาย ในซีซั่นใหม่นี้นอกจากนักแสดงชุดเดิมจากซีซั่นแรกที่กลับมาร่วมสร้างความประทับใจอย่าง  อีดงอุคคิมบอม, ฮวางฮี และ คิมยงจี แล้ว ยังมีนักแสดงใหม่ที่จะมาเพิ่มสีสันและความน่าติดตามให้กับซีซั่นนี้ อย่าง คิมโซยอน (The Penthouse: War in Life) และ รยูคยองซู (Itaewon Class, Lovestruck in the City) อีกด้วย เรียกได้ว่ามีแต่ตัวตึงของวงการทั้งนั้นเลย

แต่ก่อนที่เราจะไปติดตามชมความสนุกของ Tale of the Nine Tailed 1938 (เทพบุตรจิ้งจอกเก้าหาง 1938)ที่จะเริ่มสตรีมให้ชมทาง Prime Video ตอนแรก ในวันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม นี้ มาติดตามความน่าสนใจของเรื่องกับที่ควรรู้ก่อนดูซีซั่นนี้กัน

1. ในซีซั่นนี้เรื่องราวดำเนินต่อเนื่องจากซีซั่นแรก หลังจากการเสียสละของอีรัง อียอนได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในฐานะมนุษย์และมีชีวิตที่มีความสุขกับจีอา แต่แล้วเมื่อเขาได้รู้ว่าอีรังจะไม่สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีก อียอนจึงได้ตัดสินใจทำสัญญาเพื่อให้อีรังกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ จากข้อตกลงนี้อียอนจึงได้กลับไปเป็นจิ้งจอกเก้าหางอีกครั้งและย้อนกลับไปยังปี 1938 ในยุคนั้นอียอนยังได้พบกับผู้คนที่คุ้นเคยในอดีตของเขา และบางคนมีความตั้งใจที่จะทำลายเขา อียอนต้องพยายามหาทางปกป้องคนที่เขารักและกลับมาในยุคปัจจุบันให้ได้

2. อีดงอุค รับบทเป็น อียอน จิ้งจอกเก้าหางผู้ย้อนกลับไปในปี 1938 และในยุคที่ ‘ไม่มีคนรักให้ปกป้อง’ เขาโหดร้ายกว่าที่เรารู้มาก เขาไม่ได้เป็นคนใจกว้างหรือมีเมตตาใดๆ ตรงกันข้าม เขาหยิ่งยโสและหยาบคายมาก

3. คืนก่อนที่จะเข้าฉากต่อสู้ อีดงอุค มักจะตื่นเต้นเป็นกังวล เพราะเขารู้ว่าฉากต่อสู้ทั้งยากและหิน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่างานจะออกมาดีเพราะมีทีมงานแอ็คชั่นที่เก่งและเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ซีซั่นแรก นั่นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเวลาถ่ายทำและรู้สึกขอบคุณทีมงานอยู่เสมอ

4. คิมโซยอน รับบทเป็น รยูฮงจู เจ้าของร้านอาหารที่ดีที่สุดใน “คยองซอง” (ชื่อเดิมของกรุงโซล) และมีเสียงร่ำลือกันว่าเธอไม่เคยแก่ เพราะแท้ที่จริงแล้วเธอคือ อดีตเทพเจ้าภูเขาแห่งทิศตะวันตก มีผู้คนมากมายรายล้อมเธอ แต่เธอไม่เคยนับใครเป็นเพื่อน เพราะเธอถือว่า “ผู้ที่อ่อนแอกว่าไม่ใช่เพื่อน” นั่นเลยทำให้เธอรู้สึกเหงาอยู่บ้าง เธอมีความสัมพันธ์ในอดีตเมื่อนานมาแล้วกับอียอน

5. คิมโซยอน หลงใหลในเสน่ห์ที่คาดไม่ถึงของตัวละครของเธออย่าง รยูฮงจู ตั้งแต่อ่านบทครั้งแรก เพราะเป็นตัวละครที่มีหลายด้าน ทั้งฉลาดและมีพลังเหนือมนุษย์ อีกทั้งเธอยังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเทพเจ้าภูเขาทั้งสี่

6. คิมโซยอน ได้เรียนด้านการต่อสู้เพิ่มเติมก่อนที่จะเริ่มต้นถ่ายทำ ตัวละครของเธอ รยูฮงจู มีดาบเป็นอาวุธ และเธออยากให้ผู้ชมรอติดตามอยากแอ็คชั่นที่เธอใช้ดาบต่อสู้

7. คิมบอม รับบทเป็น อีรัง ลูกครึ่งมนุษย์กับจิ้งจอกเก้าหาง ผู้เป็นน้องชายของอียอน เขาเกลียดพี่ชายของเขาและตั้งตัวเป็นศัตรู ในปี 1938 อีรังได้มีความรักที่ทำให้เขาไม่อยากเป็นจิ้งจอก

8. ในปี 1938 อีรังเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร และยังเป็นหัวหน้ากลุ่มหมาป่า เขาทั้งหยิ่งยโสและดื้อรั้นมากกว่าในซีซั่นที่ 1

9. คิมบอมใส่วิกผมบางส่วน เพื่อถ่ายทอดให้ตัวละครของเขามีลุคที่ดูดุร้าย ซึ่งตอนแรกเขาก็กังวลว่าจะออกมาดีหรือเปล่า แต่หลังจากที่ได้ลองวิกแล้ว เขาก็ชอบมันมาก และชื่นชมในความสามารถของทีมแฮร์สไตลิสต์

10. นอกจากคิมบอมจะใส่วิกผมแล้ว เขายังมีส่วนในการแสดงความคิดเห็นและออกแบบเสื้อผ้าให้กับตัวละครของเขาร่วมกับทีมงานฝ่ายเสื้อผ้า เช่นประเภทของเนื้อผ้าหรือสีสันที่เหมาะกับตัวละคร เขามักจะให้สัมภาษณ์แบบติดตลกอยู่เสมอว่า “ถ้าให้พูดแบบเว่อร์ๆผมว่า ผมลองเสื้อผ้าไปกว่า 1,000 ชุดได้”

11. รยูคยองซู รับบทเป็น ชอนมูยอง เขาคือเสือจากภูเขาแบคดู ซึ่งเป็นอดีตเทพแห่งขุนเขาทางเหนือ ในอดีตเขามีชื่อเสียงว่าอ่อนโยนที่สุดในบรรดาเทพแห่งขุนเขาทั้งสี่ แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขากลายเป็นมูยองผู้โหดเหี้ยม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาอ่อนไหวได้ นั่นคือ รยูฮงจู เพราะเขามีใจให้เธอ ชอนมูยองเคยเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันเป็นอย่างดีกับอียอน แต่แล้วจากมิตรก็แปรเปลี่ยนเป็นศัตรู

12. ในซีซั่น 1 เรื่องราวจะเน้นไปที่ความรักของอียอน แต่มาในซีซั่นใหม่นี้เรื่องราวจะเน้นไปที่สิ่งที่เขาต้องยอมสละเพื่อความรัก และสิ่งที่เขาต้องชดใช้ ในซีซั่นนี้ผู้กำกับและทีมงานได้ถ่ายทอดหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้ชมไม่เคยเห็นในซีซั่นแรก เช่น สัตว์ประหลาดในตำนานจากนิทานพื้นบ้านของเกาหลีและญี่ปุ่น และในซีซั่นนี้จะมีเรื่องราวความรักมากมายจากหลากหลายตัวละคร

13. ผู้กำกับกล่าวว่า สำหรับซีรีส์แนวแฟนตาซี นักแสดงควรมีความแฟนตาซีในบุคลิกของพวกเขาเองด้วย และนักแสดงในเรื่องนี้ต่างก็มีบุคลิกดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ คิมโซยอน ที่เหมาะกับบท รยูฮงจู ของเธอเป็นอย่างมาก

14. ในซีซั่นนี้มีตัวละครใหม่ที่มีความสำคัญกับอีรังมาก นั่นคือ นางเงือก

15. ซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทำในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศเกาหลี เป็นระยะเวลากว่า 8 เดือน นักแสดงในเรื่องต้องเดินทางร่วมกัน และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอด ทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก และนักแสดงที่เป็นผู้สร้างบรรยากาศประจำซีรีส์เรื่องนี้ คือ อีดงอุค

และนอกจากนี้ 15 อย่างควรรู้ก่อนดู Tale of the Nine Tailed 1938 ซีซั่นใหม่นี้ เหล่านักแสดงยังได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมไว้ตามนี้

ซีรีส์ภาคต่อครั้งนี้ย้อนเวลาไปไกลในปี 1938 อยากรู้ว่ามีอะไรสนุกๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำในฉากย้อนอดีตเหล่านี้มาเล่าให้ฟังบ้างไหม?

คิมบอม: สำหรับผมอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทำแปลกใหม่มากเลยครับ ในฉากแอ็คชั่นก็เหมือนกัน ไม่ได้ใช้อาวุธที่ผมใช้อยู่ก่อนหน้านี้ แต่เปลี่ยนรูปทรงให้เหมาะกับยุคนั้น และไม่ใช่ฉากแอ็คชั่นที่ใช้รถยนต์แต่เป็นการขี่ม้าแทน หรือไม่ก็พวกปืนที่ใช้ได้แค่ในยุคนั้น ผมได้ยินมาว่าปืนที่ผมใช้ในฉากที่อยู่ใน trailer เป็นปืนที่ใช้จริงๆ ในยุคสงครามโลกครั้งที่สองครับ รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้แปลกใหม่มากเลยครับ

อีดงอุค: ทีมศิลปะของพวกเราสร้างฉากถ่ายทำกลางแจ้งที่สุดยอดมาก ๆ เพื่อที่จะสร้างภาพบรรยากาศของปีค.ศ. 1938 ออกมา เวลาที่ได้เข้าไปแสดงในฉากนั้น ทำให้รู้สึกราวกับว่าได้ไปในยุคนั้นจริง ๆ เลย ทีมศิลปะของพวกเราทุ่มเทกันมากจริงๆ ครับ และส่วนอื่นๆ ก็ต้องเติมเต็มต่อด้วย CG ซึ่งตอนนี้ทีม CG ของพวกเราก็กำลังทุ่มเทกันมากเช่นกันครับ ในระหว่างการถ่ายทำรู้สึกขอบคุณสตาฟมากๆ เลยครับ

คิมโซยอน: สำหรับฉัน ความประทับใจและความพิเศษของฉากและบรรยากาศในยุคนั้นก็คล้ายกับที่สองท่านได้พูดไปก่อนหน้าค่ะ และเนื่องจากเป็นซีรีส์แนวแฟนตาซี นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ไปกองถ่ายที่มี ฉาก Green Screen chroma key อยู่ล้อมรอบทั้งสี่ด้าน รู้สึกว่ามันพิเศษและสนุกมาก

รยูคยองซู: เรามีถ่ายกันที่ต่างจังหวัดเยอะเพราะฉากและบรรยากาศในเรื่องเป็นช่วงเวลาในอดีต ทำให้รู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วย ด้วยช่วงระยะเวลาถ่ายทำใช้เวลาถึงแปดเดือนทำให้ระหว่างถ่ายทำได้ชมวิวธรรมชาติของทั้งสี่ฤดู และผมคิดว่าในผลงานชิ้นนี้มีภาพความสวยงามของธรรมชาติในเกาหลีอยู่เยอะมากเลยครับ

ในภาคก่อนผู้ชมต่างชอบเคมีความเป็นพี่น้องของคุณทั้งสองคน ในภาคนี้จะได้เห็นความสัมพันธ์ของอียอนและอีรังเป็นยังไงบ้าง?

คิมบอม: ในยุคนั้นอีรังก็ยังคงเกลียดแค้นพี่ชายอยู่ครับ อยู่ในสถานะที่ยังคงมีความเข้าใจผิดเดิมอยู่ แต่จิตใจของผมก็เปลี่ยนไปเพราะอียอนที่รู้เรื่องราวในอนาคต คิดว่าการดำเนินเรื่องน่าจะแตกต่างออกไปจากซีซั่นแรกครับ และจะได้เห็นภาพของพี่น้องสุดเท่ ในชุดที่เข้ากับบรรยากาศของยุคนั้นครับ

ในภาคแล้วเป้าหมายของอียอนคือการตามหาคนรัก สำหรับภาคนี้เป้าหมายของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ สิ่งที่เขาตามหาในภาคนี้คืออะไร?

อีดงอุค: ในเรื่องของความรักเนี่ยสมหวังไปแล้ว และก็ยังคงรักษาความรักเอาไว้อยู่อย่างมั่นคงครับ ส่วนในซีซั่นสองนี้ Tale of the Nine Tailed 1938 เขาจะไม่ได้ต่อสู้เพื่อหญิงสาวที่เขารัก แต่เป็นเพื่อครอบครัว เหล่าเพื่อน และประเทศที่เขารักครับ

คุณคิดว่ามีอะไรที่คุณรู้สึก Relate กับตัวละครที่ได้รับ จนเข้าใจความรู้สึกของตัวละครนั้นๆ และมีอะไรที่แตกต่างมาก จนต้องทำความเข้าใจบ้างไหม?

คิมบอม: จริงๆ แล้วของผมเนี่ย แตกต่างมากเลยครับ อีรังเป็นคนที่ชอบใช้อารมณ์ แต่ส่วนตัวผมเองเป็นคนใช้เหตุผลครับ ส่วนที่คล้ายกันก็น่าจะจุดที่รักพี่ชายครับ

อีดงอุค: จุดที่อียอนและผมต่างกันคือ อียอนฉลาดกว่าผมมากครับ นอกจากนั้นคล้ายกันเกือบหมดเลยครับ

คิมโซยอน: เป็นคนซึนเดเระ ส่วนจุดที่คล้ายกับฮงจูคือเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรัก และเป็นคนที่แสดงออกความรักได้เก่ง แต่อาจจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับฮงจู ส่วนจุดที่ต่างกันก็คือ ฮงจูเนี่ยเป็นคนที่ชอบแต่งตัวมาก ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย แต่ส่วนตัวแล้วสำหรับฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น คิดว่าจุดนี้น่าจะต่างกันค่ะ

รยูคยองซู: จุดที่ต่างกันคือตัวละครของผมมีพลังใช้ไฟได้ แต่ผมใช้ไฟไม่ได้ครับ ใช้ได้แต่ไฟเตาแก๊สที่บ้าน ส่วนจุดที่คล้ายกันคือ ชอนมูยองเขาอยู่คนเดียว ผมเองก็อยู่คนเดียวเหมือนกัน แล้วก็ชอนมูยองเป็นคนที่ร้องไห้เก่งมาก ผมเองก็ร้องไห้เก่งเหมือนกันครับ คิดว่าเป็นจุดที่คล้ายกันครับ

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณคิมโซยอนและคุณรยูคยองซู ตัดสินใจเข้าร่วมแสดงในเรื่องนี้?

คิมโซยอน: เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือตัวฉันเองอยากเล่นแนวแฟนตาซีมากๆ เลยค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสในชีวิตที่ได้เล่นแฟนตาซีที่ตัวฉันได้ลองโบยบินบนท้องฟ้าดู เป็นจุดที่ชอบที่สุดเลยตอนที่ได้รับบทนี้มาค่ะ

รยูคยองซู: ก่อนอื่นของผมเป็นตัวบทครับ บทสนุกมาก อ่านจบเร็วมากๆ ส่วนจุดที่ผมกังวลคือต้องเล่นเป็นบทเพื่อนของคุณอีดงอุคและคุณคิมโซยอน กังวลว่าในเชิงของประสบการณ์ผมจะเล่นออกมาได้เข้ากับทั้งสองท่านไหม แต่ผู้กำกับทำให้ผมกล้าและมีความเชื่อ ก็เลยทำให้แสดงออกมาได้มั่นใจมากขึ้นครับ

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าเทพและสัตว์ในตำนาน อยากทราบว่ามีความยากหรือความท้าทายอะไรบ้างไหม ที่ต้องมารับบทเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้?

คิมบอม: สำหรับผมตั้งแต่ในซีซั่น 1 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคูมีโฮในร่างจิ้งจอกพื้นเมืองเกาหลี ผมเลยดูสารคดีเกี่ยวกับจิ้งจอกพื้นเมืองเกาหลี ดูว่าจุดนี้น่าจะเอามาใช้ในฉากแอ็คชั่นได้ อย่างเช่น มนุษย์จะใช้การต่อยกัน แต่อันนี้จะเป็นการข่วนกันแทน จะใส่ใจในเรื่องแบบนี้ครับ

อีดงอุค: เนื่องจากไม่ได้ต้องเล่นเป็นตัวสัตว์จริงๆ ผมเลยไม่ได้ใส่ใจในส่วนนั้น ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราอินไปกับโลกที่นักเขียนสร้างขึ้นมาให้ได้มากแค่ไหน สิ่งที่สำคัญสำหรับซีรีส์แนวแฟนตาซีคือการที่นักแสดงและผู้ผลิตต้องสามารถทำให้คนดูเชื่อได้ ผมจะคอยคิดว่าผมจะแสดงออกมาเหมือนกับคูมีโฮที่มีชีวิตมานานกว่า 1,600 ปีจริงๆ ไหม มีคุณสมบัติ ความเฉลียวฉลาด และการแสดงแอ็คชั่นพวกนั้นได้ไหม

คิมโซยอน: อีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันเลือกแสดงละครเรื่องนี้ก็คือ ตัวละครของฉันจริงๆ แล้วเป็นนกเค้าอินทรีค่ะ เป็นจุดที่สนุกและมีเสน่ห์มากๆ ตัวฉันเองก็ได้ไปหาสารคดีเกี่ยวกับนกเค้าอินทรีดูเหมือนกัน ก็เลยอยากจะลองแปลงร่างเป็นนกเค้าอินทรีในละครดูสักครั้ง ฝากทุกคนช่วยรอติดตามดูว่าฉันจะได้แปลงร่างหรือไม่นะคะ

รยูคยองซู: ผมคิดว่ายังไงก็คงต้องใช้การจินตนาการเอาครับ เพราะเป็น CG ด้วย อย่างเวลาที่มีไฟออกมาจากมือผม ในความเป็นจริงมันไม่ได้มีไฟออกมาใช่ไหมล่ะครับ ต้องเอาไปทำ CG คอมพิวเตอร์กราฟิคต่อทีหลัง ทำให้บางครั้งก็เกิดสถานการณ์ที่ทำให้เขินอายอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ต้องสะกดจิตตัวเองครับ เพราะผมต้องเชื่อในสิ่งนี้ก่อน เหมือนกับที่พี่ดงอุคพูดเมื่อกี้ว่าเราต้องทำให้คนดูเชื่อให้ได้ครับ

ได้เรียนรู้อะไรจากตัวละครในซีซั่นใหม่นี้

คิมบอม: ได้รู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับยุคค.ศ. 1938 ที่เป็นฉากหลังของซีรีส์เรื่องนี้มากขึ้นครับ ถึงแม้ว่าตัวละครของพวกเราจะไม่ได้มีอยู่จริง แต่ทีมงานและนักเขียนของเราก็มีการค้นคว้าอย่างมาก เพื่อที่จะแสดงภาพของยุคนั้นออกมาให้ได้สมจริงที่สุด ในมุมของพวกเราที่เป็นนักแสดงก็เช่นกัน ก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับยุคนั้นมากขึ้นครับ

อีดงอุค: ส่วนตัวแล้วเป็นครั้งแรกสำหรับผมที่ได้เล่นผลงานที่มีซีซั่นต่อมาแบบนี้ ผมก็ได้ศึกษาว่าจะต้องดำเนินเรื่องต่อไปยังไง ด้วยวิธีไหนดี ถ้าเกิดว่าTale of the Nine Tailed 1938 มีซีซั่นต่อไปอีก ผมคิดว่าทั้งตัวผมเอง ผู้กำกับและนักเขียนน่าจะมีเคล็ดลับต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการผลิตผลงานที่ดียิ่งกว่านี้ได้อีกครับ

คิมโซยอน: สำหรับฉันในช่วงที่อ่านบทก็สนุกมากๆ ได้เรียนรู้และศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำนานเทพนิยายของเกาหลี หวังว่าผู้ชมจะได้รู้ว่าตำนานของเกาหลีมีส่วนที่สนุกเยอะขนาดนี้เลยค่ะ

รยูคยองซู: ในบรรดาผลงานที่ผมแสดงมาจนถึงตอนนี้มีแอ็คชั่นผสมอยู่เล็กน้อย แต่ต่อให้รวมฉากแอ๊คชั่นทั้งหมดที่ผมแสดงมา ก็ยังไม่เยอะเท่าฉากแอ็คชั่นในผลงานชิ้นนี้ครับ เลยได้เรียนรู้เกี่ยวกับแอ็คชั่นเยอะมากครับ พอได้ลองแสดงดูแล้วก็สนุกมาก รู้สึกว่ายิ่งได้แสดงก็ยิ่งพัฒนามากขึ้น คิดว่าเล่นแอ็คชั่นได้ดีมากขึ้นครับ

อ่านจบแล้วใครรู้สึกว่าโดนป้านยาอย่าลืมดูซีรีส์ภาคต่อที่ทุกคนเคยตกหลุมรัก Tale of the Nine Tailed 1938 (เทพบุตรจิ้งจอกเก้าหาง 1938) พร้อมสตรีมให้ชมทั่วโลก ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ สัปดาห์ละ 2 ตอน เริ่มตอนแรกวันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม นี้ เวลา 21.30 น. ที่ Prime Video นะคะ


Praew Recommend

keyboard_arrow_up