Sol and GRAVITE Bridal

account_circle

     ขอบอกว่า WE ตื่นเต้นแทนว่าที่เจ้าสาวสุด ๆ เมื่อได้ข่าวว่ามีร้านชุดเจ้าสาวที่รวมแบรนด์ระดับท็อปของโลกเอาไว้ถึง 11 แบรนด์มาเปิดที่เมืองไทย เพราะแต่ละแบรนด์ได้แต่เคยเห็นจากรันเวย์หรือเห็นเจ้าสาวเซเลบใส่ ส่วนสาวไทยถ้าอยากจะใส่ก็ต้องลงทุนบินไปซื้อหาจากต่างประเทศ แล้วกว่าจะเลือก ตัด ลอง แก้ บางทีก็ต้องเสียเวลาบินไปบินมาหลายรอบ แต่นี่ทางร้านคัดสรรมาให้ว่าที่เจ้าสาวทุกคนได้สัมผัสกันง่าย ๆ ถึงเมืองไทยแล้ว


 







 


     ว่าแล้วก็ขอพาว่าที่เจ้าสาวไปสำรวจร้านใหม่ด้วยกันดีกว่า ทันทีที่ก้าวเข้าไปในร้านเราก็สัมผัสได้ถึงความเรียบหรูและเอกซ์คลูซีฟสุด ๆ ชุดเจ้าสาวแต่ละแบรนด์ที่โชว์อยู่มีความงดงาม ประณีต เนี้ยบ และโดดเด่นกันไปคนละแบบ ตอบโจทย์เจ้าสาวได้ทุกคาแร็คเตอร์จริง ๆ


 







 








 


MONIQUE LHUILLIER


…………………………………


 


     ชุดแต่งงานสุดฮิตจากฝั่งอเมริกา มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก (ตีคู่มากับVera Wang เลยทีเดียว) เห็นได้จากการที่เจ้าสาวฮอลลีวู้ดหลายคนเลือกสวมใส่ในวันสำคัญของพวกเธอ ทั้งรีส วิเทอร์สปูน,บริทนีย์ สเปียร์ส, แอชลีย์ ซิมป์สัน, อลิเซียซิลเวอร์สโตน, แคร์รี่ อันเดอร์วู้ด และพิ้งค์


     Monique Lhuillier ขึ้นชื่อเรื่องการใช้ลูกไม้ที่ประณีตและมีเอกลักษณ์ ชุดทรงเอไลน์และทรงบอลกาวน์ที่ให้อารมณ์เจ้าหญิง สไตล์ของชุดอยู่กึ่งกลางระหว่างความหวานกับความเท่ ไม่ได้หวานจัดหรือใส่ยากเสียจนต้องเป็นผู้หญิงที่มีคาแร็คเตอร์เด่นชัดถึงจะใส่ได้ จึงน่าจะถูกใจเจ้าสาวชาวไทยเป็นที่สุด


     นอกจากนี้ยังมีหลายระดับราคาให้เลือกสรรตามงบ โดยแบรนด์นี้แบ่งชุดเจ้าสาวเป็น 3 ไลน์ คือ Monique Lhuillier Blissซึ่งราคาไม่แรงนัก เริ่มต้นที่หลักหมื่นปลาย ๆไปจนถึงแสนกว่าบาท (ไลน์นี้ทางร้านไม่ได้นำเข้ามา แต่ถ้าสนใจสามารถสั่งได้) MoniqueLhuillier Collection ราคาราว 2 – 4 แสนบาทและ Monique Lhuillier Platinum เน้นงานปักที่ประณีตขึ้น เช่น งานปักสามมิติ ปักซ้อนลูกไม้ ฯลฯ สนนราคาเรมิ่ ตน้ ที่ 4.5 – 7 แสนบาท


 











 


ZUHAIR MURAD


……………………….


 


     แบรนด์อิตาลีขวัญใจดีว่าสาวเจนนิเฟอร์โลเปซ ที่โด่งดังเรื่องความเป็น “กูตูร์” และงานปักอลังการตามสไตล์ของดีไซเนอร์ซึ่งเป็นชาวเลบานอน ทรงชุดจะค่อนข้างใหญ่เหมาะกับงานแต่งในห้องแกรนด์บอลรูมที่เชิญแขกเป็นพัน ๆ คน ซึ่งเจ้าสาวจะต้องสวยเว่อร์วังและโดดเด่นพอจะเป็นจุดสนใจท่ามกลางแขกจำนวนมหาศาล


     ความจริงแล้วงานกูตูร์จะมีสนนราคาอยู่ที่ 1 – 10 ล้านบาท ซึ่งยากที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ แต่ Zuhair Muradได้ทำไลน์ชุดแต่งงานออกมาโดยประยุกต์ดีเทลของความเป็นกูตูร์มาใช้เพื่อให้เจ้าสาวที่หลงใหลความเป็นกูตูร์ได้ใส่ในราคาที่เบาลง…ราว ๆ 6 แสนไปจนถึงล้านบาท


 








 






 


AMSALE


……………


 


     ชุดเจ้าสาวสไตล์โมเดิร์น เรียบหรูดูดี เหมาะกับเจ้าสาวที่ชอบอะไรคลีน ๆ เรียบ ๆ แต่ยังคงความเนี้ยบกริบของคัตติ้งเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม จึงไม่แปลกที่จะเห็นนางเอกฝรั่งสวมใส่ชุดของแบรนด์นี้เข้าฉากแต่งงานในหนังและซีรี่ส์ดังหลายเรื่องเช่น When in Rome, The Hangover, 27 Dresses,Grey’s Anatomy


     บริษัทนี้ยังมีอีก 2 แบรนด์ย่อยสำหรับเจ้าสาวคาแร็คเตอร์ต่าง ๆ คือ Christos เป็นชุดแต่งงานแนวหวาน ๆ ดูเบา ๆเน้นลูกไม้ งานปักดอกไม้ หรือชุดสีพาสเทล และ Kenneth Pool เน้นงานปักเลื่อม ส่วนใหญ่เป็นสีเงิน ดูแกลม ๆ น่าจะถูกใจเจ้าสาวที่ชอบความหรูหราแบบพอดี ๆ ทั้ง 3 แบรนด์นี้อยู่ในเรตราคาที่จับต้องได้คือแสนกว่า ๆ ไปจนถึง 3 แสนบาท


 


 








 


MARCHESA


…………………


 


     อีกแบรนด์อเมริกันที่ดังมาจากงานพรมแดงท้งั หลาย ความโดดเด่นของแบรนด์นี้ยังคงอยู่ที่งานปักมือด้วยลวดลายที่มีดีไซน์เฉพาะตัว ให้อารมณ์โรแมนติกและหวานหน่อย ๆ ทรงชุดที่ได้รับความนิยมคือทรงปริ๊นเซสและบอลกาวน์


     ขอบอกว่า สาว ๆ ฮอลลีวู้ดก็กรี๊ดแบรนด์นี้ไม่เบานะ นอกจากนางเอกแถวหน้าจะพร้อมใจกันใส่เดินพรมแดงจนแทบจะกลายเป็นเครื่องแบบแล้ว คนดังระดับโลกหลายคนยังเลือกใส่ชุดของ Marchesa เดินสวย ๆ เข้าพิธีแต่งงานด้วย อาทิ นิโคล ริชี่ และเบลก ไลฟ์ลี่ ส่วนสนนราคาจัดว่าพอเอื้อมถึงโดยอยู่ที่ 3 – 5 แสนบาท เหมาะกับเจ้าสาวที่อยากได้ลุคเจ้าหญิงและชื่นชอบแบรนด์ดัง


 








 







 


JENNY PACKHAM


………………………….


 


     หนึ่งในแบรนด์อังกฤษที่เจ้าหญิงเคทโปรดและสวมใส่ออกงานราตรีบ่อย ๆ จนทำให้แบรนด์มีชื่อเสียงขึ้นเป็นเท่าตัว ในช่วง 6 – 7 ปีที่ผ่านมานอกจากทำชุดราตรีแล้ว Jenny Packham ยังหันมาทำชุดแต่งงานด้วย


     แบรนด์นี่มีสไตล์เฉพาะตัว ฝีมือปักประณีตมาก เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นผลงานของที่นี่ ชุดแต่งงานเป็นแนว Glamour แบบ Old Hollywoodมีการปักเลื่อมหรูหรา เป็นทรงตรง เอวสูง และมีกลิ่นอายวินเทจ เหมาะกับงานแต่งในโบสถ์งานแต่งธีมวิทเทจ ธีมแกตส์บี้ และธีมทะเล(เพราะชุดไม่ฟูมาก) ราคาอยู่ที่ประมาณแสนกว่าไปจนถึง 3 แสนบาท เจ้าสาวคนดังที่เลือกใส่ชุด


ของ Jenny Packham ก็เช่น เอลิซาเบทเฮอร์ลีย์, ฮัลลี เบอร์รี, เจมี่ เพรสลีย์


     นอกจากนี้ยังมีชุดเจ้าสาวชื่อดังในตำนานอีกเพียบ อาทิ Pronovias แบรนด์เก่าแก่ของยุโรปที่มีอายุกว่า 50 ปี Elie Saab แบรนด์ดังที่ตัดชุดแต่งงานให้กับเจ้าหญิงสเตฟานีแห่งลักเซม-เบิร์ก Carolina Herrera เจ้าแม่แห่งความคลาส-สิกผู้ตัดชุดให้นางเอกเบลล่าในฉากแต่งงานของหนังดัง Twilight และ Oscar de la Rentaเจ้าพ่อแห่งความไฮคลาสของวงการแฟชั่น ฯลฯ


รวมทั้งแอ๊กเซสซอรี่ส์สำหรับชุดแต่งงานทั้งเวลและแฮร์พีซของแบรนด์ดีไซเนอร์มากมาย


 


     ทั้งนี้ เกือบทุกแบรนด์ได้ตบเท้ามารายงานตัวกับเจ้าสาวชาวไทยเรียบร้อยแล้ว…รอเพียงคุณเดินเข้าไปเลือกให้เหมาะกับความฝันและความเป็นตัวเอง


 


 






 


 


 


ข้อดีของการซื้อชุดแต่งงานไฮแบรนด์ในเมืองไทย


 


• ไม่ต้องบินไปบินมาหลายรอบ


• ได้ลองโดยมีช่างดูแลและวัดไซส์ให้ตั้งแต่ต้นจนจบ ขณะที่ในต่าง-ประเทศบางร้านอาจมีแค่พนักงานขาย


• ได้เลือกหลายแบรนด์ในคราวเดียวกัน ไม่ต้องเดินหาหลายร้านเพราะร้านในต่างประเทศส่วนใหญ่จะรวมไว้แค่ 3 – 4 แบรนด์


• สั่งเพิ่มเติมรายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆ ได้ (หากไม่กระทบกับดีไซน์มากนัก)


• การสั่งปรับไซส์ใช้เวลา 1 เดือนซึ่งลูกค้าสามารถเข้าไปลองได้ทันทีจึงรับชุดที่พอดีตัวได้เร็วกว่าไปซื้อเมืองนอก

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

Praew Recommend

keyboard_arrow_up