ตั้งแต่ปลายปีก่อนต่อเนื่องถึงวันนี้ ข่าวที่ได้รับความสนใจทุกครั้งที่มีการพูดถึงคงหนีไม่พ้นความรักของเจ้าสัวหมื่นล้าน ‘บุญชัย เบญจรงคกุล’ กับนักแสดงสาว ‘ตั๊ก- บงกช คงมาลัย’
รักที่ลงล็อคของ… ‘บุญชัย เบญจรงคกุล’
เรื่อง : อภิญญา ภาพ: รัฐพล
ตั้งแต่ปลายปีก่อนต่อเนื่องถึงวันนี้ ข่าวที่ได้รับความสนใจทุกครั้งที่มีการพูดถึงคงหนีไม่พ้นความรักของเจ้าสัวหมื่นล้าน ‘บุญชัย เบญจรงคกุล’ กับนักแสดงสาว ‘ตั๊ก- บงกช คงมาลัย’ นับจากวินาทีที่ประกาศแต่งงาน ชีวิตของเขาก็โดนสปอร์ตไลท์ส่องเข้ามาอย่างจัง เรื่องราวชีวิตส่วนตัว ความรัก ครอบครัว ถูกยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง ณ ตอนนี้ไม่ว่าชีวิตของผู้ชายคนนี้จะดำเนินไปถึงบทไหนก็ตาม แต่สิ่งที่รับรู้ได้ตลอดการสัมภาษณ์คือ สีสันการใช้ชีวิตที่จัดจ้าน ชัดเจน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องความรักของเขาเลย
ถ้าให้คุณบุญชัยวิเคราะห์ชีวิตที่ผ่านมา ช่วงไหนถือเป็นจุดเปลี่ยนของตัวเองบ้างคะ
เมื่อก่อนผมเป็นคนอวดเก่ง อวดรู้ ชอบเถียงพ่อ เป็นลูกเศรษฐี เรียนอยู่เมืองนอก 8 ปี มีรถสปอร์ตขับ มีบ้านอยู่ ใช้เงินอย่างเดียว เเต่พอกลับมาเมืองไทยพ่อเคี่ยวเข็ญให้สู้ชีวิต จำได้ว่าท่านส่งผมไปขายประกันครั้งแรกตอนอายุ 24 ปี รู้เลยว่า ขายระบบสื่อสาร ขายมือถือง่ายกว่าการขายประกันเยอะ (หัวเราะ) แต่ทำให้ได้เรียนรู้ทักษะการเจรจา แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้ไปขายประกัน จึงประชดด้วยการหนีออกจากบ้าน ครั้งแรกผมไปเช่าอพาร์ทเมนท์เดือนละ 3,000 บาท อยู่แถวคลองเตย ตอนนั้นทำงานกับพ่อได้เงินเดือนละ 7,000 บาท ขึ้นรถเมล์ไปทำงานทุกวัน จากที่เคยอยู่สุขสบาย พอเจอสภาพแบบนั้นก็ทนไม่ได้ ไหนจะค่ารถเมล์ ค่าข้าว ซึ่งเฉพาะค่ากินอย่างเดียวก็ปาเข้าไปสามพันบาทแล้วอยู่ได้ 2 เดือน จึงตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านดีกว่า
ครั้งที่สองผมยังไม่หายดื้อ ออกไปซื้อบ้านอยู่คนเดียว ราคาหลังละ 3 แสนบาท พื้นที่ 45 ตารางวา ผ่อนเดือนละ 3,000 บาท 15 ปี ทุกเช้าขึ้นรถเมล์ไปทำงาน ผมอยู่บ้านหลังนั้นเป็นปี จนพ่อป่วยหนักเป็นมะเร็งตับขั้นที่ 3 -4 จึงได้กลับไปอยู่กับท่าน และนั่นทำให้ผมรู้ว่าท่านต้องแบกรับภาระ และเจอกับอะไรบ้าง พอพ่อป่วย ธุรกิจทรุด กิจการหลายอย่างพลอยย่ำแย่ตาม จากที่เคยมีกำไรกลายเป็นขาดทุน เจ้าหนี้บางคนก็มาทวงหนี้กับผม วันนี้แบงค์จะฟ้อง รุ่งขึ้นจะโดนโชคร้ายอะไรก็ไม่รู้ แต่ละวันผมแทบไม่อยากตื่น เพราะไม่รู้จะมีอะไรอีก คู่แข่งทางการค้ามองเราเป็นลูกเสือ กินเสียตอนนี้จะง่ายกว่า บางครั้งก็ถูกข่มขู่เอาชีวิตสารพัด คิดในใจ ขนาดนี้เชียวหรือ เราไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นมาก่อน
มีอยู่วันหนึ่งตื่นเช้ามาทำงาน เจอกองปราบกับกรมศุลกากรเกือบ 10 คน สั่งปิดบริษัทไม่ให้ใครเข้าออกแล้วมาค้นเอกสารที่ห้องทำงานผม ที่หนักคือเขาวางปืนกลบนโต๊ะแล้วจับให้ผมเซ็นรับข้อหาว่า ค้าขายกับคอมมิวนิสต์ ตอนนั้นงงมากว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอตั้งสติได้ก็นึกออกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเมื่อ 27 ปีที่แล้ว รัฐบาลสนับสนุนชนกลุ่มน้อยที่ตะเข็บชายแดนให้ต่อสู้ จึงซื้ออุปกรณ์สื่อสารทหารจากบริษัทผม แล้วเอาไปให้ชนกลุ่มน้อยใช้ วันดีคืนดีรัฐบาลไปทลายเขา แล้วเจออุปกรณ์สื่อสารของผม ซึ่งมีแต่บุญชัยคนเดียวที่นำเข้า สรุปว่าต้องขึ้นโรงขึ้นศาลวุ่นวาย ทำให้วิถีชีวิตผมถูกหล่อหลอมให้ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน เป็นคนที่ไม่นึกถึงอนาคต เพราะกลัวไปไม่ถึง
ดูเหมือนคุณบุญชัยเป็นคนค่อนข้างปล่อยวางนะคะ
ผมเรียนรู้แล้วว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน อย่างตัวผมเองก็เจอกับเหตุการณ์เฉียดตายหลายครั้ง ที่จำได้ขึ้นใจคือ ผมไปโรงงานห้องเย็นของคุณแม่ ขึ้นลิฟท์ที่ทำจากรอกไฟฟ้าแล้วเกิดขัดข้องร่วงลงมา โชคดีที่โซ่ผ่อนลงไปไม่หมดจึงไม่กระแทกพื้น แต่กระแทกอากาศ วันนั้นกระดูกทรุดสามข้อ หัวแตก สลบไปเลย ฟื้นอีกทีตอนกำลังเย็บหนังศีรษะ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยบอกทุกคนแล้วว่าอันตราย ไม่ควรใช้รอกไฟฟ้ามาทำลิฟท์ สุดท้ายผมก็ต้องกลายเป็นเหยื่อสังเวย เพื่อเปลี่ยนแปลงมัน
หรือมีอีกครั้งหนึ่งผมกำลังขับรถแล้วเจอพวกคาราวานรถบรรทุก แข่งกัน 3-4 คัน ขับมาเร็วมาก ตรงถนนเส้นมิตรภาพ ผมต้องเบี่ยงรถออกข้างทาง หลบได้แค่ครึ่งคัน รถบรรทุกคันแรกเบรคไม่ทันจึงชนด้านท้ายรถผมหายไปครึ่งคัน ทำให้รถหมุนไปกระแทกอีกคัน แล้วตกคูน้ำข้างทาง ตอนนั้นสติยังดี เห็นชายคนหนึ่งฉายไฟลงมาที่รถ นึกในใจมีคนมาช่วยแล้ว แต่ที่ผิดสังเกตคือ เขาถือปืนยาวมาด้วย ผมไม่รู้ว่ามาดีมาร้าย ฉุกนึกถึงเรื่องชนแล้วปล้นทรัพย์ขึ้นได้ จึงตะโกนตอบไปว่า ปลอดภัยครับ ขอบคุณมาก มืออีกข้างก็ถือปืนพกโบกโชว์ให้เห็นด้วย สักพักเขาก็ดับไฟฉายแล้วเดินหายไป รถผมถูกลากไปจอดที่ตำรวจทางหลวง ตื่นเช้ามาอีกวัน ไปเห็นซากรถ ลำโพง พรม ยางรถ โดนถอดไปหมดเลย (หัวเราะ)
โอ้ย…ผมเจอเรื่องราวโลกแตกมาเยอะ มีหุ้นส่วนคนหนึ่งเคยไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน เขาเป็นโรคหัวใจ วันหนึ่งโทรมาหาผมบอกว่า อยากฟังเรื่องตลก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยจะได้สบายใจ ผมก็เล่าให้ฟัง เขาหัวเราะชอบใจใหญ่ พอวางสายไป ชั่วโมงต่อมาเลขาฯ เขาโทรมาบอกว่า ท่านรองตายแล้วนะคะ นอนฟุบอยู่หน้าคอม ปรากฏว่าหัวเราะจนตาย ผมต้องรีบไปโรงพยาบาล มีโอกาสแต่งศพให้ด้วย เชื่อไหมชีวิตนี้ผมแต่งตัวให้ศพมาเจ็ดศพแล้ว พ่อ แม่ ลุง อา เพื่อนรุ่นน้อง ย่า และเพื่อนอีกคน
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 807 วันที่ 10 เมษายน 2556 คอลัมน์