อภิมหาแผ่นดินไหวร่องลึกนันไก…. Coming soon

อภิมหาแผ่นดินไหวร่องลึกนันไก…. Coming soon

Alternative Textaccount_circle

จากข่าวการพยากรณ์ถึงการเกิดอภิมหาแผ่นดินไหวที่ร่องน้ำลึกนันไก ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น จะเกิดแผ่นดินไหวราว 8-9 ริคเตอร์และสึนามิสูงราว 7 เมตรขึ้นไป จนได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก ซึ่งปกติร่องลึกนันไกจะเกิดแผ่นดินไหวและสึนามึทุกๆ 100 ถึง 150 ปี ครั้งล่าสุดคือเดือนธันวาคม ปี 2489 ด้วยแผ่นดินไหวขนาด 8.1 และคลื่นสึนามิสูงถึง 6 เมตร ซึ่งครั้งนี้ประเมินไว้ว่า เพราะผลกระทบของมันจะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายแสนคน

          และในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ญี่ปุ่นก็เกิดแผ่นดินไหวถี่รวมกันว่า 400 ครั้ง จนทางการต้องเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังถึงแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ศาสตราจารย์ ดร.สันติ ลี้หลบภัย อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเจ้าของเพจมิตรเอิร์ธ จะมาเล่าถึงเรื่องราวของนันไก สึนามิ และภาวะโลกรวน

นันไกมาแน่…แค่รอเวลา

“นันไกจะเกิดขึ้นจริง นักวิทยาศาตร์สามารถบอกได้ว่าตรงไหนมีโอกาสเกิด ซึ่งตอนนี้เขาทำแผนที่ออกมาแล้วว่าอยู่ทางตอนใต้โตเกียวลงไป เช่น จังหวัดชิซูโอกะ จังหวัดมิเอะ หมู่เกาะอิซู แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่า เกิดวันพุธหน้า เวลา 5 โมงเย็นนะ แต่เขาสามารถพยากรณ์ได้ว่า จะมาเร็วๆ นี้แหละ

“นิสัยของนันไกคือ เขาจะสร้างแผ่นดินไหวครั้งแรกด้วยขนาด 6.0 ริคเตอร์  อีก 2-3 ปีถัดมาเกิดแผ่นดินไหวครั้งที่สอง ขนาด 6.0 ริคเตอร์กว่าๆ และ 2-3 ปีถัดมาจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.0 ริคเตอร์กว่าๆ เขาจะเกิดในรูปแบบนี้ทุก 100-150 ปี เท่ากับว่า พอปล่อยลูกสมุนออกมาสองตัว ตัวแม่ถึงจะออกมา ซึ่งปัจจุบันนี้ลูกสมุนระดับ 6.0 ริคเตอร์ ออกมาครบสองตัวเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว วันนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นถึงกับยกระดับเตือนภัยฉุกเฉิน ทั้งๆ ที่จริงแผ่นดินไหวระดับ 6.0 ในญี่ปุ่นถือว่าสบายมาก แต่ที่เขายกระดับเพราะกลัวตัวแม่

            “ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นประเมินว่า จะมีคนเสียชีวิตจากนันไกราวๆ 2 แสนกว่าคน ประมาณ 2 ปีต่อมาเขาลดความเสี่ยงลงด้วยการสร้างอาคารต้านทานแผ่นดินไหวและสร้างอาคารหลบสึนามิ ปัจจุบันนี้การประเมินตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงอยู่ที่ราวๆ หนึ่งแสนคน ญี่ปุ่นจึงเป็นตัวอย่างประเทศที่เดินตามวิถีที่มนุษย์ควรตั้งรับมือภัยพิบัติได้สมบูรณ์แบบสุดๆ

            “ส่วนอีกข่าวใหญ่ของญี่ปุ่นคือภูเขาไฟฟูจิจะปะทุ อยากอธิบายว่า เป็นคนละเรื่องกับร่องลึกนันไกนะครับ ต้องเข้าใจก่อนว่า วันที่เกิดแผ่นดินไหว ไม่ว่าจะวันไหนก็ตามในญี่ปุ่น ไม่เกี่ยวกับแม็กม่าที่จ่อปากปล่องฟูจิ เพราะแม็กม่าเกิดเป็นล้านๆ ปีแล้ว และสะสมพลังงานของตัวเองรอวันปะทุเท่านั้น เพราะฉะนั้นการเกิดแผ่นดินไหวไม่ได้ไปกระทบแม็กม่าดังกล่าว

“สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น ไม่อยากให้ตระหนก ไปเที่ยวได้และเพื่อความสบายใจ ควรเลือกนอนโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงที่รัฐบาลประกาศไว้ว่าจะได้รับผลกระทบจากนันไก (รายละเอียดตามรูปประกอบ) ผมคิดว่า ตึกรามบ้านช่องของเขาปลอดภัยมาก เพราะผมเคยประสบแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริคเตอร์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งสั่นรุนแรงกว่าบ้านเรามาก แต่โครงสร้างอาคารแข็งแรง และคนญี่ปุ่นใช้วิธีย่อตัว หลบใต้โต๊ะ พอแผ่นดินไหวผ่านไปแล้วก็สามารถออกไปกินราเม็งต่อได้เลย”

(แผนที่สีแดงคือบริเวณที่จะได้รับผลกระทบจากร่องลึกนันไก)

สึนามิ แผ่นดินไหว …พี่น้องร่วมโลก

             “เรื่องที่คนมักเข้าใจผิดคือ สึนามิไม่ใช่ลูกแผ่นดินไหว การที่น้ำกระเพื่อมไม่ได้เกิดจากแรงสั่นสะเทือนไปเขย่าน้ำ เพราะสึนามิมีช่วงเวลาการเกิดตามรอบไม่ต่างจากแผ่นดินไหวเลยครับ และจะเกิดจากการยกตัวของพื้นที่ภูมิประเทศในแนวดิ่งเท่านั้น

            “ปกติเวลารอยเลื่อนเคลื่อนตัว จะสามารถเลื่อนตัวในแนวราบหรือแนวดิ่งก็ได้ แต่ถ้ามันเลื่อนตัวในแนวดิ่งจะเกิดสึนาม เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ คุณลองนำมือลงไปแช่ในขันน้ำ พอนับ 1-10 ให้ยกมือขึ้นมา เปรียบเทียบว่ามือเราคือแผ่นดิน ส่วนน้ำที่ยกคือน้ำทะเล เวลาเรายกมือ น้ำก็จะยกตัวตาม สึนามิเกิดขึ้นแบบนั้นเลยครับ เพราะฉะนั้นต่อให้เกิดแผ่นดินไหวระดับ 9.9 ริคเตอร์ที่สุมาตรา แต่ถ้าแผ่นเปลือกโลกเลื่อนในแนวราบ น้ำจะกระเพื่อมเพียงเล็กน้อย แต่มวลน้ำจะไม่ถูกยกขึ้น จึงไม่เกิดสึนามิ

            “สำหรับบ้านเราที่เคยโดนสึนามิไปเมื่อปี 2547 ก็มีโอกาสกลับมาเกิดซ้ำครับ เพราะเขตมุดตัวสุมาตราอันดามัน มีโอกาสสร้างแผ่นดินไหวใหญ่ได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว และธรรมชาติของเขามักเลื่อนตัวในแนวดิ่ง ซึ่งจากที่เราศึกษาพบว่า 300 ปีจะเกิดครั้ง”

ภัยพิบัติไม่ได้มีไว้หนี

“ภัยพิบัติไม่ได้มีไว้ให้หนี แต่มีไว้ให้เราเข้มแข็งขึ้น ญี่ปุ่นคือตัวอย่างที่ดี บ้านเขาเกิดแผ่นดินไหวถี่มากเลย แต่คนไม่เคยหนีไปไหน เพราะเขามีอาคารที่มั่นคง ตึกไม่เปราะ ผมอยากให้ชวนคิดนะ ถ้าวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ตึกสตง. ไม่ถล่ม คิดว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีใช่ไหมครับ ถึงแม้จะมีตึกเอียง ร้าว โยก ก็ไม่เป็นไร เพราะแกนหลักของเรื่องนี้คือตึกต้องไม่ถล่ม ถ้าอาคารแข็งแรงจะไม่มีใครเสียชีวิต และเมื่อภัยหาย เราค่อยมาซ่อมบำรุงตึกได้ เพราะฉะนั้นสิ่งก่อสร้างคือประเด็นสำคัญ ณ ตอนนี้ควรจะตรวจสอบโครงสร้างตึกในกรุงเทพฯ และควรสร้างความมั่นใจให้ประชาชน อย่างคนที่อาศัยอยู่ในคอนโด นิติฯ ต้องพร้อมให้ลูกบ้านตรวจสอบข้อมูล เพื่อครั้งหน้าคนจะไม่กระเจิงวิ่งออกจากตึก ผมคิดว่า ความโกลาหลเป็นอีกมิติหนึ่งที่ทำให้เราอ่อนแอมากขึ้น เพราะฉะนั้นระหว่างที่รอภัยครั้งหน้า ซึ่งมาแน่ๆ เราควรสร้างความมั่นใจให้ตัวเองว่า บ้านฉันต้องแข็งแรง”

            “รองลงมาคือหลักการอพยพ ยังมีการเถียงกันอยู่ว่าแผ่นดินไหวควรวิ่งหรือไม่ คำตอบคือวิ่งไม่ได้ เพราะถ้าคุณวิ่งระหว่างเกิดแผ่นดินไหว จะเหมือนเรากำลังวิ่งขณะเครื่องบินออกตัวเลย และถ้าวิ่งสะเปะสะปะโอกาสที่ของจะตกใส่หัวมีสูงมาก ที่ผมแนะนำคือ หากคุณอยู่ในห้องพัก เมื่อรู้สึกว่าแผ่นดินเริ่มสั่นไหว ให้เดินไปเปิดประตู แล้วรีบกลับมาย่อตัวและหมอบใต้โต๊ะแทน ที่ต้องเปิดประตูเพราะแรงของแผ่นดินไหวจะทำให้วงกบประตูเสียได้ มันจะล็อคเราอยู่ข้างใน ทำให้ออกนอกบ้านไม่ได้เหมือนอย่างที่เห็นในข่าว 

“ถ้าขณะเกิดแผ่นดินไหว คุณอยู่นอกบ้าน หากเป็นไปได้ อย่าอยู่ใกล้รั้วบ้านเพราะมีโอกาสหล่นลงมาทับสูง และควรออกห่างจากอาคาร โดยเฉพาะตึกที่มีป้ายบิลบอร์ด เพราะโครงสร้างป้ายเหล่านี้ไม่ได้แข็งแรง ส่วนถ้ากำลังขับรถอยู่ตรงทางด่วน ให้ค่อยๆ ชะลอรถ จากนั้นแอบรถไว้เลนซ้ายเพื่อเปิดทางให้รถพยาบาลวิ่งเลนกลาง สุดท้ายคือ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เราไม่ควรอยู่ใกล้พื้นที่สูงชันเกิน 15 องศา เพราะโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มสูงมาก ที่สำคัญหลังเกิดแผ่นดินไหว หากจะออกไปไหน ควรใส่รองเท้า อย่างคนญี่ปุ่นเตรียมรองเท้าผ้าใบไว้หน้าบ้านเสมอ เพราะเวลาเกิดแผ่นดินไหวมีโอกาสที่ข้าวของจะแตกกระจาย ถ้าวิ่งเท้าเปล่าจะอันตรายมาก

            “สำหรับหลายคนที่อาจจะตื่นตระหนกจากการฟังเนื้อหาแนวโหราศาตร์ ผมอยากให้ทุกคนตื่นรู้ว่า ภัยพิบัติคือเรื่องของวิทยาศาสตร์ สามารถอธิบายเป็นเหตุเป็นผลได้หมดทุกเรื่อง อยากให้ฟังข่าวสารด้วยสติ เพราะเมื่อนำโหราศาสตร์มาใช้กับภัยพิบัติ จะกลายเป็นสาธารณภัยที่สร้างความเสียหายให้คนกลัวมากขึ้น และไม่ได้ช่วยให้อาคารบ้านเรือนแข็งแรงขึ้นครับ”

แผ่นดินไหว ไม่ใช่โลกร้อน

            หลายคนสงสัยว่า การเกิดแผ่นดินไหว เป็นผลจากโลกที่ร้อนขึ้นหรือไม่ อาจารย์สันติได้ไขข้อสงสัยดังนี้ “ไม่เกี่ยวข้องกันครับ เพราะแผ่นดินไหวคือเรื่องภายในโลก ถ้านำสถิติการเกิดแผ่นดินไหวครั้งที่ผ่านมามาดู เราจะพบว่า อัตราการเกิดแผ่นดินไหว ไม่ว่าพื้นที่ใดๆ ของโลก และจะมีขนาดใดก็ตาม ทุกอย่างเกิดขึ้นคงที่

            “แต่ถ้าเป็นเรื่องโลกร้อนที่ส่งผลต่อผืนดินจะมาพร้อมฝนครับ สังเกตตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นปีแรกที่ผมเห็นสัญญาณว่า ฝนตกเกรี้ยวกราดขึ้น เมื่อก่อนเวลาฝนตก จะตกทั้งภูมิภาค ทั่วทุกพื้นที่โดนฝนเท่าๆ กัน  แต่ปลายปีที่แล้ว ฝนตกแบบจองกฐิน เช่น จะตกในที่แคบและแรงมาก ซึ่งความกระโชกโฮกฮากของฝน หากไหลแรงจะแทงหน้าดินทำให้ความอุดมสมบูรณ์หายไปหมด โดยเฉพาะพื้นที่ภูเขาหัวโล้น จะอันตรายมาก เมื่อไม่มีพืชคลุมหน้าดิน แรงของน้ำจะพัดพาดินโคลนไปกับน้ำ อย่างเหตุการณ์น้ำท่วมที่แม่สาย มีโอกาสเกิดซ้ำทุกปีแน่นอนหากฝนยังตกแรงแบบนี้อยู่ ซึ่ง ผมไม่แน่ใจว่าฝนจะตกแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า และไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า การปลูกต้นไม้อาจจะช่วยได้ไม่มาก แต่ตอนนี้ผมศรัทธาการปลูกต้นไม้มาก ว่าจะช่วยพยุงหน้าดินและลดแรงกระแทกจากน้ำป่าได้ อย่างน้อยการไม่ตัดไม้ และเผาหน้าดิน ก็เป็นวิธีเบื้องต้นที่ทำให้ธรรมชาติยังช่วยดูแลพวกเราอยู่ครับ

ถึงเวลาที่มนุษย์ต้องดูแลธรรมชาติได้แล้ว


เรื่อง: Fai

ภาพ: อิทธิศักดิ์

Praew Recommend

keyboard_arrow_up