“จากรายงานสถานการณ์ขยะทะเลชี้ว่า พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเป็นหนึ่งในประเภทขยะที่พบมากที่สุด ทำให้ในแต่ละปีมีสัตว์น้ำกว่าร้อยล้านชีวิตต้องเสียชีวิต ร่วมด้วยปัญหาการลักลอบทำประมงในเขตอุทยานและวิถีการท่องเที่ยวที่ละเมิดกฎ ส่งผลให้ระบบนิเวศในหลายพื้นที่พังทลาย”
นี่คือความจริงอันน่าหวาดหวั่นที่ “ทราย – สิรณัฐ สก๊อต” ทายาทรุ่นที่ 4 ของบุญรอดบริวเวอรี่ และนักอนุรักษ์ท้องทะเลไทย ต้องการตอกย้ำให้ผู้คนหันมา ใส่ใจสภาพแวดล้อมทางทะเลจริงจัง ผ่านโครงการ Sea You Strong และภารกิจว่ายน้ำเดี่ยว ระยะทาง 30 กิโลเมตร (2022) เพื่อปลุกกระแสอนุรักษ์ในระดับประเทศ
My Safe Zone
“ตอนเด็กๆ ทรายไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ ด้วยความที่มีปัญหาครอบครัว คุณตากับคุณยายจึงเป็นเพียงสองคนที่คอยเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนด้วยความรัก ซึ่งทุกวันนี้ยังจำความอบอุ่นนั้นได้ จนกระทั่งพวกท่านจากไป รู้สึกเคว้งคว้าง ไม่เข้าใจตัวเองหลายอย่าง ทำให้ชอบวาดรูป เพื่อระบายความรู้สึก
“จนช่วงหนึ่งได้มีโอกาสไปทะเลที่หัวหิน โมเมนต์แรกที่จำได้คือตอนเดิน ลงไปกลางทะเลรู้สึกเป็นอิสระ เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ช่วยเยียวยาจิตใจ บรรเทาความวุ่นวายในใจให้ค่อยๆ สงบลง และสิ่งที่สัมผัสได้คือความอบอุ่นที่คุ้นเคยเหมือนตอนที่ได้รับจากคุณตาคุณยาย จึงเป็นเหตุผลที่ทรายหลงรักทะเลครับ
“จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากทำงานด้านสิ่งแวดล้อมคือ ตอนไปเรียนด้านภาพยนตร์และแอนิเมชั่น ที่ California Institute of the Arts ประเทศสหรัฐอเมริกา ความที่ทรายชอบศิลปะ ชอบวาดรูป ดูการ์ตูนดิสนีย์ เมื่อเรียนจบก็ไปสมัครเป็นพนักงานขายของในร้านค้าที่ดิสนีย์แลนด์แคลิฟอร์เนีย ขณะทำงานสังเกตเห็นว่าวันหนึ่ง เราใช้ถุงพลาสติกใส่ของเยอะมาก จึงเริ่มทักลูกค้าที่มาซื้อของว่าคุณต้องการ ถุงพลาสติกจริงหรือเปล่า และนำเสนอให้ซื้อถุงผ้าแทน แม้ราคาแพงกว่า แต่สามารถใช้ซ้ำได้ และตอนนั้นผู้จัดการร้านมีนโยบายใหม่คือการให้คะแนน Performance ของพนักงานที่ขายถุงผ้าได้มากที่สุด ซึ่งตรงกับเป้าหมายของทรายพอดี สุดท้ายจึงได้เป็นพนักงานที่ทำยอดขายถุงผ้าได้สูงที่สุด ทำงานอยู่ประมาณ 3-4 เดือน รู้สึกว่าตัวเองมีศักยภาพมากกว่านั้น และอยากทำประโยชน์ในขอบเขตที่ใหญ่ขึ้น จึงตัดสินใจกลับไทยเพื่อค้นหาตัวเองอีกครั้ง
“ช่วงนั้นทรายใช้เวลาอยู่กับทะเลเยอะมาก อาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่ทรายอยู่ทะเลตั้งแต่ 9 โมงเช้าจน 6 โมงเย็น ทั้งว่ายน้ำ ลอยตัว ทำสมาธิ เดินเล่นบนหาด เรียกว่าทิ้งชีวิตบนบกไปเลย จนวันหนึ่งเห็นขยะ เกลื่อนหาด ทรายจึงเดินเก็บทั้งวัน ได้ขยะมาเต็มกระสอบ ความรู้สึกนั้นสร้างพลังให้กับตัวเอง จึงคิดว่าชีวิตต่อจากนี้อยากทำอะไรเพื่อทะเลบ้าง จึงตั้งใจว่าจะทำงานอนุรักษ์ เพราะอยากสร้างโลกที่สวยขึ้น ดูแลสัตว์ในท้องทะเลให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นครับ” (ยิ้ม)

Sea You Strong
เมื่อตัดสินใจมุ่งหน้าทำงานอนุรักษ์อย่างจริงจัง ทรายจึงเริ่มลงพื้นที่สำรวจเพื่อเรียนรู้ถึงปัญหาที่แท้จริง จนจัดตั้งโครงการ Sea You Strong เมื่อปี 2021 “ขณะที่ทรายกำลังสำรวจเกาะต่างๆ ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งพบขยะจำนวนมาก โดยเฉพาะที่หาดสามร้อยยอด ด้วยความที่เป็นหน้ามรสุม ทำให้ขยะถูกซัดขึ้นฝั่งจำนวนมาก จึงถือโอกาสจัดโครงการเก็บขยะร่วมกับสิงห์อาสา เพื่อสร้างการตระหนักรู้ในชุมชนให้เห็นความสำคัญของปัญหาขยะ และช่วยกันลดปริมาณขยะที่เป็นมลพิษทางทะเล
“โดยทรายได้ชวน 12 โรงเรียนในพื้นที่ตำบลตลิ่งชันและตำบลเกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ เริ่มจากติดต่อให้คุณครูและเด็กๆ นักเรียนมาช่วยกันเก็บขยะไปคัดแยกและรีไซเคิลเป็นวัสดุเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมพานักวิชาการมาช่วยอบรมด้วย
“ต่อจากนั้นก็มีปฏิบัติภารกิจเก็บกู้อวนที่ชาวประมงทิ้งไว้ใต้ทะเลตามเกาะ ในจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต และพังงา เพื่อรักษาระบบนิเวศและการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเล เพราะทุกปีจะมีเศษอวนใช้แล้วถูกทิ้งลงทะเลมากถึง 640,000 ตัน คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณขยะทั้งหมดในโลก หากปล่อยไว้นานอวนจะสะสม สิ่งสกปรกจนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างปะการังที่อยู่ใกล้เคียงและตายในที่สุด”
Thailand’s Aquaman
แม้จะเก็บข้อมูลและลงพื้นที่มาไม่รู้กี่ครั้ง แต่กลับพบว่าเสียงร้องขอความช่วยเหลือให้ทะเลยังดังไม่พอ ทรายจึงตัดสินใจว่ายน้ำข้ามเกาะคนเดียวกว่า 30 กิโลเมตร เพื่อเปลี่ยนความเงียบให้กลายเป็นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในแวดวงอนุรักษ์ จนได้รับฉายา “อะควาแมนเมืองไทย”
“เมื่อปี 2022 นึกอยากทดลองว่ายน้ำเดี่ยวข้ามทะเลไป-กลับจากอ่าวนางถึงเกาะปอดะ จังหวัดกระบี่ รวม 6 ชั่วโมง เพื่อแสดงจุดยืนของตัวเองด้านอนุรักษ์และกระจายเสียงไปถึงผู้คนให้ได้รับรู้ปัญหาขยะและสารพิษในท้องทะเลที่สัตว์น้ำต้องเผชิญ
“หลังจากทำภารกิจนี้สำเร็จก็ถูกพูดถึงในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก ทรายดีใจสุดๆ เพราะคนเริ่มหันมาสนใจเรื่องท้องทะเลมากขึ้น ต่อมาจึงจัดโครงการ “Sea You Strong : หยุด bully ทะเล’ (2023) เป็นกิจกรรมว่ายน้ำข้ามทะเลฝั่งอันดามัน เริ่มจากกระบี่ พังงา และไปสิ้นสุดที่ภูเก็ต รวมระยะทางราว 70 กิโลเมตร ภายในเวลา 2 วัน เพื่อตอกย้ำและเรียกร้องสิทธิ์แทนทุกสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลอีกครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในอันดามันให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักกันอีกด้วย
“วินาทีที่ขึ้นฝั่งพบว่ามีคนให้ความสนใจอย่างล้นหลาม ต่างจากเมื่อก่อนที่แทบไม่เคยเห็นข่าวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม พอมีโครงการนี้เกิดขึ้น หลายสื่อก็เริ่มนำเสนอเรื่องราวนี้ลงในโซเชียลมีเดีย ในขณะเดียวกันประเด็นเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทะเลก็กลายเป็นบทสนทนาในสังคมมากขึ้น จึงดีใจมากๆ ครับ”

Sea the Truth
“ต่อมาปี 2024 ทรายได้มีโอกาสทำงานเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หน้าที่คือ ทำงานด้านการอนุรักษ์และเป็นสื่อกลางด้านการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น คอยแนะนำนักท่องเที่ยวที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บหอยไปเป็นที่ระลึก การเหยียบปะการัง รวมถึงคอยจัดการกับผู้ประกอบการหรือกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมาย
“เคสหนักๆ ที่ทรายเจอคือ มีกลุ่มประมงบางกลุ่มมักลักลอบทำประมงในเขตพื้นที่อุทยาน อย่างที่กระบี่ เมื่อก่อนมีปลาใบเยอะมาก แต่พวกเขาไปตกปลาจนหายจากพื้นที่ จนกลายเป็นสัตว์หายากมากไปแล้ว รวมถึงทัวร์บางกลุ่ม ถ้าตามกฎหมายต้องมีมัคคุเทศก์ที่มีบัตรรับรองการทำงานอยู่ด้วย ซึ่งหลายเจ้าไม่มี และไม่มีการตักเตือนนักท่องเที่ยว
“ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ทำงานที่นี่ ทรายได้เรียนรู้และเห็นความจริงในทุกๆ มิติ ได้ลงมือปกป้องทะเลอย่างเต็มที่เท่าที่คนหนึ่งจะทำได้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องออกมาเพื่อใช้เวลาวิเคราะห์ทบทวนตัวเองสักพัก ทำงานช่วยทะเลมาเยอะแล้ว อยากจะมองหาวิธีการในการช่วยทะเลในรูปแบบอื่นๆ ต่อไป อย่างตอนนี้ที่ให้สัมภาษณ์หลายๆ สื่อก็เป็นการทำงานอนุรักษ์เช่นเดียวกัน และได้ผลมาก เพราะคนในสังคม หันมาสนใจกันมากขึ้น (ยิ้ม)

“สุดท้ายนี้อยากฝากถึงทุกคนว่า ถ้ามนุษย์มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดี สิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็สมควรได้รับสิทธิ์นั้นเช่นกัน หากเรายังเพิกเฉยต่อเรื่องนี้หรือมัวแต่รอให้คนมีจิตสำนึก ไม่ตักเตือนกัน ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสูญเสียสิ่งมีค่าในธรรมชาติไปอย่างถาวร”
ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในสกู๊ป Let’s Save The World นิตยสารแพรว ฉบับเดือนมิถุนายน 2568
เรื่อง: Prince
ภาพ: วรสันต์