5 ปีแห่งการพิสูจน์ เบ็คกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง นักแสดงสาวนักสู้คนจริง พิสูจน์ความตั้งใจ ไม่เคยยอมแพ้
ตั้งแต่ซีรีส์ทฤษฎีสีชมพู GAP The Series ออนแอร์ ชื่อของเบ็คกี้ – รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ก็ไม่เคยหายไปจากกระแส ตลอดระยะเวลาการทํางานกว่า 5 ปี เบ็คกี้มีผลงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ โฆษณา แฟชั่น ร้องเพลง คอนเสิร์ต แฟนมีตติ้ง และอีกมากมายที่ทําให้เราเห็นถึงความตั้งใจ ไม่ยอมแพ้ ตามค่าที่เบ็คกี้บอกว่า “หนูเป็นนักสู้ค่ะ”
คิดว่าปี 2025 ของเบ็คกี้จะเป็นอย่างไรคะ
“น่าจะเป็นปีที่โฟกัสตัวเอง Take Care of Myself เลยค่ะ เบครู้สึกว่าปีก่อน ๆ มี Distraction เยอะ และ เรายังมีความใหม่กับอะไรรอบตัว แต่ปีนี้เราเริ่มคุ้นชินมากขึ้น เริ่มโอเคในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านอาชีพ งานแสดง ร้องเพลง เต้น รวมถึงด้านแฟชั่น นางแบบ เบ็คอยากทําให้ครบทุกอย่าง อยากเก่งในทุก ๆ ด้าน แน่นอนว่าเราไม่ได้เก่ง ตั้งแต่แรก แต่ค่อย ๆ ฝึก ส่วนเรื่องเรียน ปีนี้อยากเรียนให้จบค่ะ พยายามแบ่งเวลาให้บาลานซ์ที่สุด แล้วอีกอย่างคือการดูแลตัวเอง ทั้งสุขภาพร่างกาย ออกกําลังกายให้สม่ำเสมอ และด้านจิตใจ ดูแลรักษา Mental Health ตัวเองให้ดีตลอดเวลา ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นโฟกัสของเบ็คในปีนี้ค่ะ” (ยิ้ม)

ความต้องการหรือเป้าหมายของเบ็คกี้ในตอนนี้คืออะไรคะ
“เยอะมากเลยค่ะ เพราะหนูวางโกลไว้ใหญ่ ซึ่งมันยากที่จะสมหวัง แต่ก็คิดว่าถ้าทําได้คงจะดีมาก ๆ รู้สึก ประสบความสําเร็จ ตอนนี้เป้าหมายที่วางไว้ยังคงเป็นเป้าเดิม คืออยากเป็นนักแสดงที่เก่ง เวลาใครได้ยินชื่อรีเบคก้า อาร์มสตรอง ก็จะรู้สึกว่า อ่อ คนนี้เป็นนักแสดงที่เก่ง เคยดูผลงาน หรือว่า She’s such a nice lovely. รู้สึกว่า เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่เราอยากโฟกัสและทําให้ได้ ซึ่งเบ็คคิดว่าน่าจะทําได้นะคะ” (หัวเราะ)
อัพเดตชีวิตให้ฟังหน่อยค่ะ
“ช่วงนี้หลักๆ เป็นการถ่ายแบบ ถ่ายงาน เพราะยังไม่ได้ถ่ายซีรีส์ รู้สึกว่าตัวเองเป็นแฟชั่นโมเดล สนุกดีค่ะ (ยิ้ม) เบ็คเคยพูดว่าเวลาที่ตัวเองได้ใส่ชุด แต่งหน้า ทําผมหลาย ๆ แบบ ได้เปลี่ยนคาแร็คเตอร์สนุกดีค่ะ ได้ลองว่าลุคนี้ เข้ากับเราหรือเปล่า ถ้าไม่เข้าก็ไม่เป็นไร ลองใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่กําลังจะกลับไปเป็นนักแสดงแล้วค่ะ (ยิ้ม) เริ่มถ่ายซีรีส์ ซึ่งเหนื่อยนะคะ แต่ชอบมากกกก เพราะเป็น ความฝันอีกอย่างของเบ็คที่อยากลองเล่นหลายบทบาท หลายคาแร็คเตอร์ ซึ่งปีนี้ก็จะมีผลงานให้แฟน ๆ ได้ชมเยอะหลากหลายแน่นอน ซึ่งก็แอบกังวลนะว่าจะทําออกมาดีไหม แต่รู้สึกว่าแค่เราทํา ให้เต็มทีพอแล้วค่ะ (ยิ้ม) และต้องบาลานชีวิตให้ดี”

ช่วงนี้ยังนอนดึกอยู่ไหมคะ
(หัวเราะ) มีบ้างค่ะ แต่ไม่ตึกเท่าเมื่อก่อน เพราะก่อนหน้านี้เปิดเรียนหนัก องเรียนออนไลน์ตอนตี 2 ตี 3 (เรียนด้านกฎหมาย Law with Criminology and Paychology ที่ University of Essex ประเทศอังกฤษ) แล้วก็ตื่นไปทํางาน เป็นแบบนี้ทุกวัน
มี”
“แต่ตอนนี้เหลือแค่ Internship ที่อังกฤษ ซึ่งต้องหาเวลาที่ลงตัวที่สุด เพราะตอนนี้เปิดก็ยังไม่อยากหายหรือจากแฟน ๆ ไปไหน ตอนนี้เช็คจึงต้องทําผลงาน ไว้เยอะ ๆ เพื่อเวลาเราไปฝึกงาน แฟน ๆ จะได้ไม่คิดถึงกันจนเกินไป แต่เปิดคิดว่า ยังไงก็คงคิดถึงอยู่ดีแหละ เพราะเปิดก็คิดถึงทุกคน แล้วก็รักงานตรงนี้มาก ๆ จะพยายามไม่หายไปนานค่ะ (ยิ้ม) “ตอนนี้ขอลุยงานแบบจัดเต็มก่อน หลายคนถามหนูว่าเมื่อไรจะเรียนจบ อายุเท่านี้ แล้ว (22 ปี) ควรจบได้แล้วนะ แต่หนูรู้สึกว่า อายุเท่าไรก็เรียนจบได้นะ อยู่ที่เราพร้อมตอนไหน ไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร บางคนอายุ 30 หรือ 50 เรียนจบได้ การเรียนไม่ได้มีเวลากำหนกสิ่งสําคัญที่สุดคือประสบการณ์ เปิดอยากให้คน เปิดใจเรื่องนี้มาก ๆ ค่ะ”
อะไรคือสิ่งที่เบ็คกี้ได้เรียนรู้ในช่วงที่ผ่านมาคะ
“ความรับผิดชอบค่ะ เราต้องเทคแคร์สิ่งนี้ มากๆ เพราะตอนนี้มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเยอะ มาก เยอะกว่าที่เคยคิดไว้ด้วยช้า เมื่อก่อนตอน เห็นคนในวงการบันเทิง เปิดไม่คิดว่าคนคนหนึ่ง จะต้องรับผิดชอบอะไรมากมายขนาดนี้ จากสมัยเล็กความรับผิดชอบใหญ่สุด คือตื่นไปโรงเรียนให้ทัน แค่นั้นเลย (หัวเราะ) แต่ตอนนี้มีทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน มีบทที่ต้องจ่า สคริปต์ที่ต้องท่อง หรือวันนี้ถ่ายแฟชั่น มัดเป็น อย่างไร ทุกอย่างต้องทําการบ้าน แต่ก็อยากบอก ว่าเปิดสนุกกับทุกงานเลยค่ะ” (ยิ้ม)
“หรือวันไหนที่เราป่วย จริงๆ ไม่อยากใช้ค่าว่าฝืนนะคะ แต่มันก็ฝืนตัวเอง ต้องออกมาทํางาน สู้ให้งานเสร็จ แต่เช็คที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านสิ่งนี้มาเหมือนกัน ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ต้องทําหน้าที่ให้สําเร็จ”
“อีกอย่างที่เปิดรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบคือต้องรู้จักรักตัวเองในเชิงที่ว่าถ้า วันนั้นไม่ไหวจริง ๆ ก็คือไม่ไหว ต้องหาทางแก้ แต่อะไรที่ทําได้ จะทําให้เต็มที่ก่อน ตอนนี้เรายังแข็งแรง ยังมีเอเนอร์จี้ ยังพร้อมกับทุก ๆ อย่าง จึงอยากทําให้เต็มที่ ที่สุดค่ะ”

สิ่งที่ท้าทายที่สุดในการทํางานตรงนี้
“ความท้าทายของเบ็ดยังคงเป็นภาษาค่ะ รู้สึกว่า 5 ปีที่ผ่านมาเราก็โอเค ขึ้นแล้วนะ แต่บางครั้งก็ยังเป็นอุปสรรคอยู่ดี บางทีเวลาเขาคุยกัน หนูก็ฟัง ไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เรากล้าที่จะถามว่าคํานี้แปลว่าอะไร อธิบายให้ฟัง หน่อยได้ไหม เมื่อก่อนอาจคิดว่าถามดีไหม จะถูกมองยังไงนะ แต่ตอนนี้กลับ รู้สึกว่าถ้าอยากเรียนรู้อะไร ต้องกล้าที่จะถาม ต้องกล้าพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น ตอนนี้จึงรู้สึกสบายใจและมั่นใจขึ้นค่ะ”
“เป็นช่วงที่สบายใจที่สุดหรือยังคะ “ตอนนี้ก็ยังนะคะ (หัวเราะ) เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรที่ต้องทําและโฟกัสเยอะมาก แต่ก็อย่างที่บอกว่าปิ จะโฟกัสเรื่องจิตใจ Mental Health มากขึ้น แบกทุกอย่าง ให้น้อยลง ปล่อยวางมากขึ้น บางอย่างไม่ต้องเก็บมาคิดก็ได้ หรือ Outside Noise เสียงรอบตัวที่ไม่ดี ก็ไม่ต้องใส่ใจทุกเรื่อง แต่ขนาดพยายามปล่อยแล้ว ก็ยังคิดมาก อยู่ดีค่ะ” (หัวเราะ)
เรื่องอะไรที่เบ็คกี้เป๊ะที่สุดคะ”
“ทุกเรื่องค่ะ (หัวเราะ) คนรอบตัวจะบอกว่าเบ็คเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ สมมติ ว่ามีถ่ายงาน ถ้าไม่รู้ว่าถ่ายอะไร ดีเทลเป็นอย่างไร ใส่ชุดอะไรบ้าง หนูจะเริ่มเครียด เพราะหนูต้องท่าการบ้านว่าหน้าผมเป็นอย่างไร ต้องเตรียมอะไรบ้าง หรือบางครั้ง ถ้าใกล้ถึงเวลานัดแล้วกําลังจะสายก็จะเริ่มเครียด คือไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นเลย จึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ทุกเรื่องเลยค่ะ ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย กับเรื่องส่วนตัวก็เป๊ะนะคะ แต่ก็พยายาม จะปล่อยวางมากขึ้น อนุญาตให้ตัวเองผิดพลาด บ้าง ประมาณว่า You make a mistake. ก็ไม่เป็นไร มีจุดให้เราได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาด ได้เสมอ นาสิ่งนั้นมาเป็นบทเรียนและทําให้ตัวเอง ปล่อยวางมากขึ้น แล้วก็รักตัวเองให้ มาก ๆ” (ยิ้ม)

แล้วชิลกับเรื่องไหนที่สุดคะ
“น้อยมากค่ะ (หัวเราะ) เพราะคิดอะไร เยอะตลอดเวลา ชิลสุดอาจจะเป็นเวลาที่อยู่กับ เพื่อนหรือครอบครัวมั่งคะ อยากไปไหน อยาก หาอะไรก็ท่า เปิดบอกเพื่อนเสมอว่ายูอยากหา อะไรหาเลย อยากไปไหนก็ไป อยากกินอะไร กิน คือแค่อยากใช้เวลากับเพื่อนให้เต็มที่ เพราะไม่ค่อยเจอกัน”
“อย่างครอบครัวของเบ็ด เราจะมีช่วง Family Movie Time ต้องดูหนังด้วยกัน ซึ่งคุณพ่อซีเรียสเรื่องนี้ เพราะเขาอยากให้ลูก ๆ รู้สึกว่าแม้จะโตหรือมีหน้าที่เยอะขนาดไหนก็ยัง ต้องมีเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน อย่างน้อยแค่เจอกัน ตอนดูหนัง พิเศษมาก ๆ แล้ว”
เวลาไปหาคุณพ่อที่ต่างประเทศมีกิจกรรม อะไรทีท่าด้วยกันอีกบ้างคะ
“เวลาไปหาคุณพ่อที่สิงคโปร์จะเป็นทริปสั้นมากค่ะ เราจะนั่งคุยกันให้เยอะที่สุด บางครั้งก็ไปเล่นเครี่องเล่นที่สวนสนุก คุณพ่อก็เล่นด้วยนะคะ และครอบครัวเรา ชอบเล่นกีฬาทุกคนเลย อย่างเล่นเทนนิส ตีกอล์ฟ ได้หมดเลย เพราะจริง ๆ ทุกคนก็ Workaholic เหมือนเปิดแหละค่ะ (หัวเราะ) พอมาเจอกันจึงชอบใช้เวลา อยู่ด้วยกันให้เต็มที่”
ในการทํางานกับฟรีน จากช่วงแรกจนถึงตอนนี้เป็นอย่างไรคะ
“ลงตัวค่ะ (ยิ้ม) พี่รินเป็นพี่สาวที่น่ารัก เราแคร์เขามาก หวัง กับเขามากๆ อยากให้เขาได้ดีในทุกเรื่องที่เลือก ไม่ว่าเขาจะอยากเป็นนักแสดง นางแบบ หรือว่า นักเขียน หนูยินดีกับทุกเรื่องของเขาเลย และจะคอยพพอร์ตทุกอย่างค่ะ “เราทํางานด้วยกันมาประมาณ 5 ปีแล้ว เรารู้จักกันดีมาก ๆ เราหวังดีต่อกัน และขอบคุณที่พี่ฟรีนเป็นพี่สาวที่น่ารักให้เปิดเสมอ”
มีมุมน่ารักของสองคนที่นึกทีไรก็อดยิ้มไม่ได้บ้างไหม
“น่าจะเวลามองตาแล้วรู้ใจกันมั้งคะ ประมาณว่าอยากพูดแต่พูดไม่ได้ พอมองตากันแล้วก็ขำออกมาเลย ซึ่งเป็นแบบนี้บ่อยค่ะๆค่ะ” (หัวเราะ)

คิดว่าอะไรที่ทําให้ความสัมพันธ์ของเราพิเศษคะ
“อาจเพราะเราทํางานด้วยกันมาประมาณ 5 ปีแล้ว เราต้องผ่านหลายเรื่อง มาด้วยกัน ซึ่ง 5 ปีมันเยอะนะ เราอยู่ด้วยกันแบบ….เขามองหนูเป็นน้องสาว หนูมองเขาเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งหนูมีแต่พี่ชาย พี่ฟรีนจึงเป็นเหมือนพี่สาว เป็นคนที่เราขอค่าปรึกษาได้ ไปเที่ยวด้วยกันได้ทุกทีอย่างล่าสุดเราก็เพิ่งไปมัลดีฟส์กันมา ซึ่งตอนแรกหนูจะไปกับพี่ฟรีน พี่นา (อรธารา พูลศักดิ์) แล้วพอพี่ชายและคุณพ่อรู้ก็อยากมาด้วย เพราะว่างตรงกันพอดีเลยกลายเป็น Family Trip ที่เราได้ใช้เวลาด้วยกันแบบดีมาก ๆ ไ ดินเนอร์ ไอ้คุยกัน มีความสุขมากค่ะ เพราะเราต่างหวังดีต่อกันมาก ๆ และหนูเชื่อว่าพี่ฟรีนก็อยากให้หนูได้หา ในสิ่งที่หนูรักจริงๆ จึงคอยชัพพอร์ต ซึ่งหนูก็จะคอยซัพพอร์ตเขาเหมือนกันค่ะ”
เบ็คกี้คิดว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากการเป็นคนดัง มีชื่อเสียง
“เบ็คใช้คําาว่าคนดังได้เลยเหรอ (ยิ้มเขิน) เปิดรู้สึกว่าเวลาทําอะไรต้องคิด เยอะ ๆ และต้องรอบคอบมาก ๆ แต่จริง ๆ เป็นคนคิดเยอะอยู่แล้ว เปิดรู้สึกว่า อยู่ตรงนี้มีทั้งคนที่รักและไม่รัก คนที่หวังดีและไม่หวังดี มีคนหลายรูปแบบมากมีทั้งคนในโชเชียลที่อาจจะไม่เคยเจอเรา แต่เขาคิดว่ารู้จักเราดี และใช้คําพูดที ไม่น่ารัก หรือคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก แต่น่ารักกับเรามาก ๆ ส่งข้อความให้กําลังใจ ตลอดเลย คือมีคนทุกรูปแบบจริง ๆ ค่ะ ซึ่งเราก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไป บางอย่างเรา ควบคุมได้ บางอย่าง ควบคุมไม่ได้ก็ต้องปล่อย”
“เบ็คแค่อยากจะบอกว่าถ้าอยากรักกัน อยากให้มารู้จักหนูจริง ๆ มาท่า ความรู้จัก เบ็คกี้เป็นแบบนี้นะ รักในแบบที่เบ็คกี้เป็น”
“เบ็ครู้สึกว่าทุกปีจะมีคนเข้ามาใหม่ แล้วก็จะมีคนที่หายไปเป็นเรื่องปกติ แต่ก็อยากขอบคุณที่เคยมารักกัน ดีใจที่ได้รู้จักกัน และกับคนใหม่ที่ยินดีที่ได้รู้จัก เช่นกันค่ะ (ยิ้ม) ซึ่งสิ่งที่เราทําได้ดีที่สุดคือเทคแคร์คนที่อยู่ตรงนี้ อยากทําผลงาน ๆ ออกมา หาให้ทุกคนภูมิใจ รวมถึงตัวเปิดเองด้วย อยากให้รักที่เบ็คเบ็นเบ็ค” (ยิ้ม)
เบ็คกี้ชอบฟรีนมุมไหนที่สุดคะ
“อืม…เครู้สึกว่าพี่ฟรีนไม่ได้ยิ้มง่าย ๆ แต่พอเขายิ้มแล้วน่ารัก แบบอยากยิ้ม
ตามค่ะ (ยิ้ม)
แล้วชอบตัวเองมุมไหนคะ
“เปิดชอบในมุมที่ตั้งใจ ไม่ท้อง่าย ๆ ทั้งที่อาจจะสู้มาหลายรอบแล้ว แบบว่าจะทําได้เหรอ ไหวเหรอ แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ค่ะ เปิดชอบตัวเองตอนทํางานแล้วไม่ท้อ เป็นนักสู้” (หัวเราะ)

เวลานักสู้คน เหนื่อยหรือท้อ มีวิธีอีลใจตัวเองอย่างไรคะ
“เปิดมีหลายวิธีนะ แล้วแต่วัน อยู่ที่ว่าวันนั้นแบตเตอรี่ตัวเองเหลือเท่าไร ถ้ายังพอมีแรงแบบ 80 – 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ฟังเพลงก็รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ถ้าแบต ลดลงเยอะกว่านั้น (หัวเราะ) การได้อ่านหนังสือ ดูหนัง คุยกับหมา คุยกับ ครอบครัว การนอนแบบ 1 นอนจริงๆ นอนแบบไม่ได้คิดอะไร Good Sleep, Deep Sleep ซึ่งทําได้น้อย แต่สําคัญมาก เปิดรู้สึกว่าทุกอย่าง ลใจได้หมดเลยแต่ถ้าวันไหนไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องปล่อยความรู้สึกนั้นออกมา สมมติบางวัน เราเหนื่อยมาก ท้อมาก เสียใจ เป็น Bad Day สุด ๆ ก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ได้ ไม่ได้ผิดอะไร แล้วค่อยทําตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น พยายามดูว่าทําไมมันถึงเกิดปัญหานี้ เราจะแก้ไขอย่างไร หรือควรหาทางออกอย่างไรบ้าง เปิดเชื่อว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป วันพรุ่งนี้กําลังจะมา เราก็ทําให้วันพรุ่งนี้ให้ดีขึ้นได้” (ยิ้ม)
ยอมให้ตัวเองอ่อนแอได้?
“ยอมค่ะ แต่ก็ไม่ชอบให้ใครเห็นมุมนี้นะมุมร้องไห้ อ่อนแอ หรือมุมไม่รู้ ไม่ชอบเลย ไม่อยากให้ใครเห็นเวลาร้องไห้แล้วต้องมาปลอบ คือเบ็ดจะพยายามเก็บไว้ข้างใน แล้วส่งรอยยิ้ม ให้คนรอบตัว ส่วนใหญ่ที่แฟนคลับได้เห็นน้ําตา คือหนูซึ้ง (หัวเราะ) สืบแล้วนะ แต่หนูซึ่งจริง ๆ”
อะไรคือแรงผลักดันที่ทําให้เบ็ด และ ไม่ยอมแพ้ในเส้นทางนี้
“เบ็ควางไว้ 3 อย่างใหญ่ ๆ อันแรกเป็น โกลสําคัญ คืออยากเป็นนักแสดงที่เก่ง มี พัฒนาการที่เก่งขึ้นตลอด หรือได้ร่วมงาน International Project ซึ่งเป็นโกลใหญ่มาก หลายคนก็บอกว่าฝันใหญ่ไปหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่เบ็ครู้สึกว่าฝันใหญ่ไปเลยเป็นสิ่งที่ดีนะ จะได้ เป็นแรงผลักดันในทุก ๆ วัน และจะไม่หยุด จนกว่าจะทําสิ่งนั้นได้”
“อย่างที่สองคือแฟนคลับค่ะ แฟนจ๋า My Sunshine เปิดรู้สึกว่าเขาน่ารักมาก ๆ จนไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร แค่คําว่าขอบคุณคงไม่พอ อย่างบางคนไม่เคยเจอกันเลย แต่เขารักและบัพพอร์ตมาก ๆ หรือ บางคนมารอตั้งแต่เข้าเพื่อเจอเราแป๊บเดียว”
“ซึ่งเบ็คเคยพูดกับแฟน ๆ ว่าอย่าลืมหาความสุขจริง ๆ ของตัวเองด้วยนะ อยากให้แฟนจ่าหาแพสชั่นของตัวเองด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข ไม่อยากให้ เครียด ไม่อยากให้กดดัน อยากให้การรักหนูเป็นเรื่องที่สนุก สบายใจ และแฮปปี้” (ยิ้ม)
“อย่างที่สามอาจจะคล้ายกับข้อแรก คืออยากทําทุกอย่างที่เคยฝันไว้ให้ได้ เช่น นักแสดง ร้องเพลง มีเพลงของตัวเอง มิคอนเสิร์ตของตัวเอง อยาก Wark Hard ตอนนี้แล้วสบายตอนโต หลายคนอาจจะบอกว่าเบ็คกี้ You come from a good family. แล้ว ยูจะทํางานหนักไปทําไม แต่เบ็คอยากบอกว่านั่นคือ Family not me สําหรับหนูต้องเริ่มใหม่ จากศูนย์ เราถึงจะภูมิใจกับสิ่งที่มีตอนเราโตขึ้น ฉะนั้นตอนนี้อยากทํางานให้หนัก เลย ตอนโตไปก็จะชิด แฮปปี้ และคงภูมิใจกับตัวเองมาก ๆ (ยิ้ม) ทั้งหมดนี้เป็น สิ่งที่ผลักดันเราในทุกวันให้ไปถึง Main Goal ให้ได้ค่ะ”

ความรักในมุมของเบ็คกี้เป็นอย่างไรคะ
“ความรักมีหลายแบบ ทั้งความรักจากแฟน ๆ จากครอบครัว จากเพื่อน ๆ เปิดรู้สึกว่าความรักสําคัญนะ เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราตลอด และเวลาที่เราได้ความรักที เราก็อยากให้ความรักที่ดีตอบกลับเหมือนกัน มีประโยคที่พูดอยู่เสมอคือ Treat people how you want to be treated as well. เราอยากให้เขาเป็นแบบไหน เราก็ต้องเป็นอย่างนั้นกับเขาเหมือนกัน มันคือสิ่งเล็ก ๆ ที่ควรทําแต่หลายคนอาจมองข้าม”
“เป๊ครู้สึกว่าความรักที่อยู่รอบตัวตอนนี้น่ารักมาก ๆ ค่ะ อย่างความรักที่ได้จาก ครอบครัว การซัพพอร์ตในทุกอย่างที่อยากทํา ช่วยสนับสนุนหนูไปให้ถึงโกลที่อยากเป็น เพราะเขารู้ว่าหนูอยากหาจริง ๆ มีคําพูดของคุณพ่อ หนูชอบคือ พ่อบอกหนูว่าถ้า วันไหนหนูไม่ไหวไม่ต้องฝืนนะ แต่ที่ยัง Puanh You ในทุกวัน เพราะรู้ว่าอยากทํา ต่อมาความรักของแฟน ๆ ที่ส่งข้อความน่ารัก ๆ มาให้ทุกวัน (ยิ้ม) และ วันไหนที่เขารู้สึกว่าเปิดพลังไม่เต็มร้อย ซึ่งไม่รู้ว่าเขาดูออกได้ยังไง เก่งมากเลย เขา ก็จะส่งข้อความหรือรูปน่ารัก ๆ มาให้ เปิดรู้สึกว่า เราแคร์เรามากเลย (ยิ้ม) ”
“และความรักจากเพื่อน ๆ ที่คอยเทคแคร์ คอยถามตลอดเลยว่าเบ็คยูไหวไหม เป็นคําถามที่เพื่อนถามทุกครั้งเวลาเจอกัน (หัวเราะ) เพื่อน จะบอกว่า เบ็ดรัก วเองด้วยนะ เทคแคร์ตัวเอง เยอะ ๆ รู้ว่ารักงาน แต่ต้องรักตัวเองด้วย” ซึ่งเบ็คจะตอบว่าไม่ต้องเป็นห่วง เราดีขึ้นเยอะมาก แล้วในการบาลานซ์ทุก ๆ อย่าง รู้สึกว่าจัดการ ทุกเรื่องได้ดีขึ้น แล้วรักตัวเองมากขึ้นจริง ๆ อยากขอบคุณทุกความรักที่เข้ามา เปิดประทับใจ จริง ๆ ค่ะ (ยิ้ม)
รักตัวเองในแบบเบ็คกี้?
“เบ็คคิดว่าการรักตัวเองสําคัญมาก ๆ เพราะถึงคุณจะมีเพื่อนเยอะแค่ไหน แต่สุดท้าย พอหมดวันเราก็ต้องอยู่กับตัวเอง เราต้อง Root กับตัวเองว่าวันนี้เป็นยังไง มีช่วงหนึ่งที่ เคยรู้สึกว่าไม่รู้จะหันไปหาใคร ไม่ใช่ว่าไม่มีใคร อยู่ตรงนั้นนะคะ แต่เราแค่รู้สึกว่าเราไม่อยาก ทําให้เขาเครียดหรือเป็นภาระใครซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ควรคิดเลย เพราะจริง ๆ คนที่อยู่รอบตัวก็อยากฟัง อยากรับรู้อยากช่วยเรา ซึ่งเราก็เป็นแบบนั้นให้ทุกคนเหมือนกัน เช็คจะเป็นผู้ฟังที่ดี คอยฟัง คอยปลอบ คอยกอดคนรอบตัว ซึ่งตอนนี้ความคิดเหล่านี้ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ”
ความสุขของเบ็คกี้คืออะไรคะ
“ความจริงเป็นสิ่งเล็ก ๆ ในแต่ละวันอย่างการได้อ่านข้อความ น่ารักจาก แฟนจ๋า ดื่มชานม แต่ตอนนี้ชอบกินชาเขียวด้วยนะ (หัวเราะ) เล่นกับน้องหมา หรือเวลาได้ยินข่าวดีเล็ก ๆ น้อย ๆ เช็ดก็ยิ้มได้แล้วค่ะ แต่การที่เราเป็นคนยิ้มง่าย ความเครียดหรือความคิดเยอะก็เข้ามาง่ายเหมือนกัน เราจึงต้องพยายามเก็บโมเมนต์ ที่เป็นความสุขมาก ๆ ไว้ให้ได้เยอะที่สุด”
ขอ 1 ค่าที่แทนความเป็นเบ็คกี้ในวัย 22 ปี
“น่าจะคําว่า Self-contidance ค่ะ รู้สึกว่าสิ่งนี้สําคัญมากในทุกวันเพราะผู้คนมีความคิด หลากหลาย ต่างความคิด ต่างมุมมอง สิ่งที่สําคัญคือเรามั่นใจใน สิ่งไหนก็ทําสิ่งนั้น เปิดรู้สึกว่าสิ่งที่จะทําให้คุณออร่าที่สุด สวยที่สุด ก็คือความมั่นใจเพราะ The best dress you can wear is confidence มั่นใจและยิ้มไว้ค่ะ”
เรื่อง Minim
ภาพ วรสันต์