หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา ‘คุณป๊อป-วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์’ และ ‘คุณบอน-ก้องกิดากร ขันมณี’ ในฐานะคู่หนุ่มสังคมที่มักเป็นแขกวีไอพีของงานดังๆ อยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ แพรว จะพาไปพบอีกด้านของทั้งคู่ คือพาร์ทการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยแพชชั่นและความเชี่ยวชาญ ณ โรงงานของ PremiumPops Digital & Screen Print ในจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน “ศิลป์มิตรพิมพ์ย้อม” ที่ก่อตั้งมากว่า 51 ปี
เจาะแพสชั่น “คุณป๊อป-วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์” และ “คุณบอน-ก้องกิดากร ขันมณี” แห่ง PremiumPops Digital & Screen Print
ตัวจริงเรื่องการพิมพ์
คุณป๊อปเล่าความเป็นมาของธุรกิจให้ฟังว่า “ครอบครัวผมทำธุรกิจพิมพ์ผ้า ย้อมผ้ามาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ สืบทอดต่อมาจนถึงรุ่นหลาน ผมเป็นหลานคนแรก ที่โตมากับการวิ่งเล่นอยู่แถวแท่นพิมพ์ในโรงงาน แต่มาเริ่มทำงานจริงๆ เมื่อประมาณ 20 ปีก่อนตอนที่ทางครอบครัวอยากให้ผมช่วยดูลูกค้าต่างประเทศ ผมเข้าไปดูตั้งแต่ผสมสี เทสต์ตัวอย่าง คือรู้ทุกขั้นตอน โรงงานเราเน้นการผลิตแบบแมส คือต้องมีการพิมพ์จำนวนมาก เช่น เสื้อที่ต้องใช้ในองค์กรใหญ่ๆ หรืองานระดับจังหวัด ระดับประเทศ สินค้าที่ต้องใช้ในภาพรวมจำนวนมากๆ แต่งบประมาณจำกัด
“พอมาถึงยุคปัจจุบัน ลูกค้ารุ่นใหม่ต้องการความรวดเร็วมากขึ้น แต่สั่งของจำนวนน้อยลง และต้องการสีสันลวดลายเยอะๆ เราจึงมีเครื่องดิจิทัลปริ้นต์เข้ามาเสริม โดยอากงบอกให้ผมเปิดอีกบริษัทไปเลย กลายเป็นจุดกำเนิดของ Premium Pops ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์ ข้อดีคือใช้คนน้อย แต่สามารถพิมพ์ได้ไว งานเป๊ะ ใช้สีได้ไม่อั้น คือจะทำลวดลายหรือสีอะไร หรือแค่ส่งรูปมา เราก็พิมพ์ให้ได้ตามรูปเลย ทำได้หลากหลายแบบตามใจลูกค้าเรียกว่า print on demand เลย แต่จะพิมพ์ได้จำนวนน้อยและราคาค่อนข้างสูงนิดหนึ่ง เดิมเราทำพวกงานต้นแบบที่ต้องการดูแค่ชิ้นสองชิ้น แล้วขยับมาเป็นพวกวอลเปเปอร์ ผ้าไวนิล ผ้าปูโต๊ะ สติ๊กเกอร์ กระทั่งภายหลังเราทำแผนกตัดเย็บเอง เพื่อทำของพรีเมี่ยมโดยเฉพาะให้บริการครบวงจรไปเลย ส่วนใหญ่ทำพวกไลฟ์สไตล์โปรดักส์ เช่น เสื้อ กางเกงช้าง กระเป๋า ผ้ากันเปื้อน ปลอกหมอน ของแต่งบ้าน ฯลฯ โดยเราจะสั่งทรัพยากรจากโรงงานใหญ่ของเรามาประกอบด้วย แล้วใช้ของเราแต่งเติมบ้างในบางครั้ง แล้วก็มีทำสินค้าให้องค์กรใหญ่ๆ อย่าง เอไอเอส โรงพยาบาล ธนาคารต่างๆ ซึ่งก็ดีตรงที่เราใช้แรงงานน้อยลง แต่โปรดักทีฟขึ้น ปัจจุบันเราเพิ่มเครื่องปริ้นดิจิทัลเป็น 10 เครื่องแล้วครับ
“ส่วนความท้าทายในการทำงาน น่าจะเป็นเรื่องการสื่อสาร ความที่งานพิมพ์เป็นงานละเอียด แต่ลูกค้ารุ่นใหม่ชอบอะไรไวๆ โดยอาจจะยังตีโจทย์ไม่เคลียร์ เราจึงจำเป็นต้องสื่อสารให้กระจ่างเสียก่อน ถ้ามี 100 คำถาม เราก็ยินดีจะตอบให้ครบ เพราะถ้าพิมพ์ไปแล้วมันแก้ไม่ได้ เสียทั้งเวลา วัสดุ ที่สุดอาจแก้โดยย้อมดำอย่างเดียว จึงต้องใช้เวลาคุยนานเพื่อให้เคลียร์ เพราะอยากให้ลูกค้าเสียเงินแล้วแฮปปี้กลับไปครับ”

เติบโตอย่างยั่งยืน
คุณบอนรับไม้ต่อเล่าถึงธุรกิจนี้ว่า “โชคดีที่งานพิมพ์ผ้า เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยสี่ คือเครื่องนุ่งหุ่ม ทำให้มีดีมานด์อยู่ตลอด แม้กระทั่งช่วงโควิดที่ผ่านมา เรากลับโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากช่วงนั้นมีการเลย์ออฟคนเยอะ คนที่ตกงานก็หันมาขายของออนไลน์กัน ว่างๆ ก็นั่งวาดรูปทำลายผ้าพันคอ ของแต่งบ้าน กระเป๋าฯลฯ เราจึงมีลูกค้ากลุ่มนี้เยอะ โดยเราเน้นคอนเซ็ปท์ “ถูก สวย ไว” คือราคาต้องดี แข่งขันได้ สวย เพราะเจ้าของดูแลเองตั้งต้นจนจบ ไวคือไม่ต้องรอ เราพิมพ์ลายลงผ้าแล้วก็ตัดเย็บให้เลย ครบทุกกระบวนการ คุณแค่รอโพสต์ขายของไป ขณะเดียวกันห้างก็โดนปิด แต่คนยังอยากช้อปปิ้ง ทำให้แพล็ตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์เติบโต จึงมีคนสั่งผลิตจากเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ทุกวันนี้เราสองคนจะมาโรงงานที่นครปฐมทุกเช้า แล้วตอนบ่ายไปเข้าออฟฟิศแถวเยาวราช เราลงลึกกับการทำงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่จัดซื้อ วัตถุดิบ อะไหล่ เคมี ผ้า เครื่องจักร อุปกรณ์ใหม่ๆ ใครมาเสนออะไร เรารับฟังหมด ถือว่าได้ศึกษาวิทยาการใหม่ๆ ไปด้วย อย่างที่โรงงานหลักเรามีเครื่องจักรทั้งจากอิตาลี เยอรมัน จีน อินเดีย ไต้หวัน เกาหลี เพราะฉะนั้นเราสามารถผลิตลายผ้าได้ตามความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากๆ ลูกค้าจึงชมว่า ได้งานคุณภาพแบบอิตาลี แต่ราคาถูกกว่า ก็เพราะเราก็มีเครื่องจักรจากอิตาลีไง (ยิ้ม)
“จากนี้ไป เราอยากผลักดันเรื่องความยั่งยืน อย่างเรื่องไนลอน ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้ทำบล็อคสกรีน ซึ่งเวลาใช้งานไปนานๆ ก็จะฉีกขาด เปื่อย ยุ่ย แต่ถ้านำไปทิ้งเฉยๆ ก็ใช้เวลาในการย่อยสลายทางธรรมชาตินานมาก ผมเลยลองนำไปเป็นโจทย์ให้นักศึกษาฝึกงานของเราคิดดู ปรากฏเขาคิดกันดีมากเลยนะ ได้ไอเดียว่าจะนำมาทำเป็นกระเป๋าแบบโปร่งๆ ซึ่งมีข้อดีตรงที่อากาศสามารถผ่านได้ ถ้าใส่พวกขนมทอดๆ เช่น ขนมเบื้อง ขนมครก ก็จะทำให้ยังกรอบอยู่ ไม่นิ่มเหมือนเวลาใส่ถุงผ้า กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาแบบ อยากให้มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ และอาจจะผลิตได้ไม่เยอะ เป็นแบบลิมิเต็ดนิดหนึ่ง
“นักศึกษาหลายคนนำผ้าเหลือใช้จากเราไปทำโคมไฟ โซฟา กรอบรูป ประติมากรรม ไปจนถึงงานสาน เราบอกเลยว่า ถ้าเขานำไปต่อยอดเป็นรายได้ได้ เรายินดีซัพพอร์ตแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ หรือจะนำไปให้กลุ่มชุมชนต่างๆ พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อก็ได้ เราจะยินดีมากๆ ครับ”

ต่อยอดอนาคต
คุณป๊อปเล่าถึงแผนปิดท้ายว่า “ทุกวันนี้ผมดูเรื่องการผลิตและการบริหารในภาพรวมทั้งหมดเป็นหลัก ส่วนบอนจะดูเรื่องลูกค้า เวลามีปัญหาอะไร เขาเป็นคนยกหูไปขอโทษและเจรจากับลูกค้าให้ เขาถนัดงานไกล่เกลี่ย (ยิ้ม) แต่ด้านอื่นๆ เขาก็ช่วยผมด้วย ที่จริงเราทั้งคู่ทำงานหนักมากนะ แต่คนไม่ค่อยเห็นภาพนี้ มีแพรวนี่แหละที่ได้เห็น (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะเห็นเราไปเดินห้างกับออกงาน ซึ่งจริงๆ เราก็ชอบช้อปปิ้งและดูสินค้าใหม่ๆ เพื่อศึกษาเทคนิค โทนสี งานแฟชั่น งานพิมพ์ผ้าและการตัดเย็บ แล้วนำมาปรับใช้ เวลาไปต่างประเทศก็เหมือนไปดูงาน เก็บตัวอย่างดีๆ กลับมาด้วย
“ส่วนในอนาคต เรามีแผนจะขยายงานให้กว้างขึ้น ด้วยการทำธุรกิจอื่นๆ ต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ เช่น ร้านอาหารหรือร้านกาแฟ โดยกั้นส่วนหนึ่งของตึกโรงงานมาทำเป็นคาเฟ่แบบล็อฟต์ดิบๆ เก๋ๆ เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาดูบรรยากาศของการพิมพ์ผ้าหรือแท่นพิมพ์ ที่ยังใช้ทักษะฝีมือคนทำงานอยู่ ซึ่งสมัยนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น แล้วก็อาจจะมีเวิร์คช็อปเล็กๆ ให้ได้มาลองสกรีนลายเป็นของที่ระลึกกลับไป ตั้งใจให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ ไปพร้อมกับชิมของอร่อย ในขณะเดียวกันก็สร้างกำลังใจให้ทีมงานด้วย เพราะเราทำงานต้นน้ำ คนของเราไม่เคยได้เห็นเลยว่าปลายทาง ลูกค้าแฮปปี้กับสินค้ายังไง เขาจะได้ชื่นใจ และถ้าสามารถต่อยอดไปจนถึงให้ชุมชนได้มาทำอะไรเพิ่มกับเราในพื้นที่นี้ ได้มีสินค้าชุมชนหรือภูมิปัญญาจากชุมชนเข้ามาผสมผสานก็น่าจะดีมากๆ
“ดังนั้น ผมพูดได้ว่า เรารักงานของเรามาก รวมถึงองค์กรต่างๆ และลูกค้าด้วย ความสุขของเราคือการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงได้แบ่งปันองค์ความรู้ให้คนอื่นด้วย ทุกวันนี้บอนก็มีไปสอนตามมหาวิทยาลัยที่เขาเชิญมา ต้องขอบคุณอากง คุณพ่อ คุณลุง คุณป้า ที่วางรากฐานมาดี ทำให้เราสามารถต่อยอดให้เติบโตและสร้างผลผลิตออกดอกออกผลได้เยอะและไวขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ภายใต้ร่มหลังคาเดียวกัน จะราคาถูกหรือราคาสูง งานละเอียด เรามีครบ ทำให้จบแบบประทับใจได้ในที่เดียว”
ที่มา : นิตยสารแพรว