แพทริค คุณ “ชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยมายากล”

แพทริค คุณ “ชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยมายากล”

account_circle

มายากล สำหรับคุณคืออะไร? แต่สำหรับ “แพทริค คุณ” (Patrick Kun) หรือ “บุณยกร คุณวัฒนาการ” นักมายากลไทยระดับโลกคนนี้ เขาบอกว่า มายากล คือ ชีวิตของเขา”

  • 22 ปี คือ จำนวนปี บนเส้นทางมายากล
  • เริ่มฝึกเล่นมายากลเป็นงานอดิเรก ด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 15 ปี
  • หนึ่งในผู้ออกแบบโชว์ให้กับนักมายากลระดับโลก David Copperfield
  • เข้าร่วมการแข่งขันรายการ America’s Got Talent Season 16 (ปี 2021)
  • กำลังจะมีการแสดงมายากลแบบ Theatre Show อย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย ร่วมกับนักมายากลระดับโลก 5 คน ในงาน THE MAGICIANS – Live in Bangkok 2024 (วันที่ 15 – 16 มิถุนายน 2024)

22 ปีบนเส้นทางมายากล จากจุดเริ่มต้น..จนถึงวันนี้

“งานมายากลมีหลายรูปแบบมาก ซึ่งตลอด 22 ปี ที่ผ่านมาก็ได้ทำงานที่แตกต่างกันไป ย้อนกลับไปตอนอายุ 15 ปี ผมเริ่มเล่นมายากล เพราะความสนใจ เล่นเป็นงานอดิเรก แต่ไม่เคยคิดว่าจะทำเป็นอาชีพ ผมชอบเวลาที่ได้เล่น ได้ซ้อม เริ่มจากการที่เราเล่นมายากลพื้นฐาน แบบ close-up จากนั้นก็เริ่มดีไซน์มายากล คิดกลไพ่ กลเหรียญ ในแบบของตัวเอง

“เริ่มถ่ายคลิปลงในช่องทางออนไลน์ ทำให้เริ่มมีคนในวงการรู้จัก เพราะด้วยสไตล์ของเรามีความแตกต่าง ภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า visual คือมายากลที่เห็นได้ชัด เป็นการใช้เทคนิคฝีมือ ที่ดูเหมือนการตัดต่อ ผมชอบสไตล์แบบนี้ ก็เลยฝึกเล่นมาเรื่อย ๆ

“แต่ก็ไม่คิดจะเล่นมายากลเป็นอาชีพจริงจัง และพอจบมหาวิทยาลัย (อายุ 22 ปี) ก็มีโอกาสได้ทำงานกับ เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ (David Copperfield) ในฐานะที่ปรึกษา และดีไซน์โชว์ ทำไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีเพื่อนชวนว่าสนใจทำรายการโทรทัศน์ไหม ซึ่งก็เป็นการทำงานอีกแบบหนึ่งเลย

“จากที่ผมเริ่มต้นเล่นมายากลแบบ close-up ขยับมาเป็นที่ปรึกษา คิดโชว์ illusion เน้นเสียงสี ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา หลังจากนั้นก็มาทำมายากลในด้านโทรทัศน์ ซึ่งแต่ละงานมีความแตกต่างกันหมดเลย จึงตัดสินใจลองดู จึงได้ทำงานกับนักมายากลชื่อดังเชื้อสายญี่ปุ่น ชื่อว่า Cyril  (ซีริล ทาคายามะ) และเดินทางไปทำงานที่บราซิล อังกฤษ และอีกหลายประเทศ

“เป็นการออกแบบกลสำหรับถ่ายเพื่อออนแอร์ทางโทรทัศน์โดยเฉพาะ ซึ่งก็เป็นมายากลอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะไม่ได้มีแค่เวที ต้องเราต้องดูสถานที่ องค์ประกอบรอบตัวด้วย เช่น เดินอยู่ริมทะเล จู่ๆ ก็หยิบโปสเตอร์ขึ้นมา แล้วมะพร้าวก็หลุดออกมาจากรูปในโปสเตอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่เราได้ลอง ได้ฝึกสกิลใหม่ๆ และก็ได้คอนเน็คชั่นเพิ่มขึ้น ได้โอกาสไปทำโชว์ใหญ่ ๆ หลายงาน”

ไอเดียในการคิดโชว์หรือกลใหม่ๆ มาจากอะไรคะ

“ผมพกไพ่ติดตัวเสมอ เป็นสิ่งที่มาก่อนมือถือ และผมเคยทำคลิปแซวด้วยนะว่า ไพ่มาก่อนภรรยา (หัวเราะ) เพราะผมพกไพ่ติดตัวตลอดจริงๆ เวลาเดินๆ อยู่ แล้วเกิดไอเดีย ก็จะลองซ้อม ลองทำดู ไพ่เป็นสิ่งที่ทำให้สมองผมคิดนู่นคิดนี่ตลอดเวลา สนุกที่ได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดครับ

“และเวลาที่เราคิดกลใหม่ๆ ได้ ก็สามารถนำไปขายในตลาดมายากล เพื่อให้นักมายากลคนอื่นสามารถซื้อไอเดียเราไปเล่นได้ เหมือนชอปขายของทั่วไป ที่ใครๆ ก็มาซื้อได้ มีวิดีโออธิบายว่าเป็นกลอะไร แต่เขาจะโชว์ร้อยเปอร์เซ็นต์ กันคนลอกเลียนแบบ ซึ่งความลับของมายากลจะไม่ได้ถูกเปิดเผย จนกว่าคุณจะซื้อมันไป มีตั้งแต่ราคาหลักสิบ ไปจนถึงหลักแสน หลักล้าน”

เพราะอะไรจึงตัดสินใจจากคนเบื้องหลัง มาสู่เบื้องหน้า

“ชีวิตผมกว่า 10 ปี ใช้เวลากว่า 70% ไปกับการทำเบื้องหลัง คิดกลต่างๆ ขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นโชว์ดีๆ ได้ทำโชว์กับคนเก่งระดับโลก อย่าง เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ และ Cyril แต่พอเราแสดงมายากลของเราเอง กลับรู้ว่าประสบการณ์ด้าน performer ของเรายังขาด

“เหมือนกับนักแต่งเพลงกับนักร้อง บางทีนักแต่งเพลงเขาก็ร้องดี แต่ประสบการณ์เวทีเขาไม่ได้มีเยอะเท่านักร้องที่เอนเตอร์เทนคนดูได้ และนักร้องบางคนก็เก่งด้านการแสดงบนเวที แต่อาจจะแต่งเพลงไม่เก่งเท่านักแต่งเพลง เพราะฉะนั้นแต่ละคนมันมีความเก่งไม่เหมือนกัน

“ซึ่งช่วงที่ผมทำงานเบื้องหลัง ผมก็โพสคลิปมายากลของตัวเองอยู่เรื่อยๆ เป็นงานอดิเรกสนุกๆ ตามความชอบของตัวเอง จึงทำให้มีคนเริ่มรู้จัก ได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์ที่เมืองไทย อันนี้เป็นเหมือนอีกโลกหนึ่งที่เราไม่เคยเจอ จากนั้นก็เริ่มมีงานติดต่อเข้ามา ก็เลยฝึกฝนไปเรื่อยๆ กระทั่งเส้นทางเราเริ่มขยับมาด้านการแสดงมากขึ้น ยิ่งพอจบจากรายการ America’s Got Talent แล้วกลับมาเมืองไทย ก็มีงานเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งกลายเป็นงาน fulltime ในทุกวันนี้”

แพทริคเข้าร่วมการไปแข่งรายการ America’s Got Talent ถึง 2 ครั้ง ใช่ไหมคะ

“ใช่ครับ รอบแรกปี 2019 ตอนนั้นก็รู้สึกผิดหวังนิดหนึ่ง เพราะตอนแรกเราคิดว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเรา ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันที่ได้ไปรายการนี้ ซึ่งผมได้ 4 ผ่านแล้ว แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะได้ออนแอร์ ซึ่งสุดท้ายเทปของผมไม่ได้ออนแอร์ ก็เลยรู้สึกว่า อเมริกาอาจจะไม่ใช่เส้นทางของเรา ก็เลยกลับไทยดีกว่า

“และผมอยู่ลาสเวกัสมา 10 ปีแล้ว ก็อยากทำกลับไปทำงานที่ไทย เพราะตอนนั้นก็เริ่มมีคนที่ไทยติดต่อมาเพิ่มขึ้น อีกอย่างตอนนั้นภรรยาของผมอยู่เกาหลี ก็เหมือนเรา long distance มาหลายปี และก็อยากกลับมาอยู่ใก้ลคุณพ่อคุณแม่ด้วยครับ จึงตัดสินใจกลับเมืองไทย”

แต่ก็มีโอกาสได้เข้าแข่งขันอีกครั้งในปี 2021

“ใช่ครับ ทางรายการติดต่อผมมาอีกครั้ง ตอนนั้นก็ลังเลนะครับ เพราะกลัวจะผิดหวังอีก แต่ก็ตัดสินใจลองอีกครั้ง ซึ่งพอรายการออนแอร์ แล้วมีคนแชร์ว่าผมเป็นคนไทย จึงเกิดเป็นกระแสและทำให้มีคนรู้จักมากขึ้นครับ”

ตอนไหนที่รู้สึกว่า นักมายากลคืออาชีพหลักของเรา

“พอกลับไทย ก็มีค่อย ๆ มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ ครับ ผมเห็นช่องทางว่ามายากลเป็นงานที่จ้างไปโชว์ตามงานต่างๆ ได้นะ ไม่ใช่เหมือนนักมายากลสมัยก่อนที่ต้องโชว์อยู่บนเวทีอย่างเดียว บวกกับก็มีงานจากแบรนด์เนมต่างๆ เข้ามา เราก็ปรับให้มายากลของเราเข้ากับงานต่างๆ ก็ถือว่าได้งานอีกตลาดหนึ่งครับ จากนั้นก็เริ่มมีงานเข้ามามากขึ้นๆ จนกลายเป็นอาชีพหลักในตอนนี้ครับ”

บนเส้นทางอาชีพนักมายากล อะไรคือเป้าหมายที่อยากไปให้ถึงคะ

“ผมว่าทุกคน ทุกอาชีพ ก็คงมีเป้าที่อยากไปให้ถึง อย่างนักร้อง เริ่มต้นก็อาจจะอยากไปร้องตามอีเวนต์ อยากแต่งเพลงของตัวเอง อยากมีอัลบั้ม แล้วก็อยากมีคอนเสิร์ต ค่อยๆ เพิ่มสเกลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมายากล เมื่อก่อนก็ไม่เคยมีการแสดงแบบเปิด พอช่วงหลังก็มีแสดงงานอีเวนต์ งานโชว์ต่างๆ

“และล่าสุดกับงาน THE MAGICIANS – Live in Bangkok 2024 ซึ่งเป็นการแสดงมายากลแบบ Theatre Show อย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย ในวันที่ 15 – 16 มิถุนายน 2024 ณ โรงละครเอ็มเธียเตอร์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ที่เราอยากให้ทุกคนได้ดูครับ

“ส่วนสเต็ปต่อไป เชื่อว่าทุกคนก็คงอยากมีโชว์เดี่ยวแบบ one man show ที่เราสามารถดีไซน์โชว์ทั้งหมด ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายในอนาคตครับ ซึ่งทุกปีผมจะพยายามจะเซ็ตโกลให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เราไม่อยู่จุดเดิม และก้าวต่อไปเรื่อย”

“ทุกวันนี้ผมพยายามศึกษามายากลทุกวัน ไม่มีวันไหนเลยที่ตื่นมาแล้วผมไม่ได้อ่านข่าวมายากล”

ในการเป็นนักมายากลมืออาชีพ ต้องฝึกซ้อมทุกวันไหมคะ

“สำหรับผม ถ้าซ้อมได้ก็ดี…ไม่เสียหาย ช่วยให้สมองเราคิดตลอดเวลา เหมือนกับถ้าเราไม่ได้ออกกำลังกายนาน ๆ พอกลับมาเล่นอีกที แรงเราก็ไม่เหมือนเดิม ร่างกายก็ไม่พร้อม

“ทุกวันนี้ผมพยายามศึกษามายากลทุกวัน ไม่มีวันไหนเลยที่ตื่นมาแล้วผมไม่ได้อ่านข่าวมายากล เพราะกลัวว่าเราตกหล่นไป 1 วัน ก็จะกลายเป็นตกหล่นไป 2 วัน เหมือนเราเล่นเวท ถ้าเราหยุดวันสองวัน อาจจะยังโอเค แต่ถ้าเป็นอาทิตย์ จะเริ่มรู้สึกว่าเราหลุดออกนอกเส้นทางแล้ว และยิ่งถ้าหยุด 1 เดือน หรือ 2 เดือน เราก็จะขี้เกียจ ไม่อยากออกกำลังกายแล้ว

“มายากลก็เช่นกัน ผมไม่อยากให้มีวันนั้น ฉะนั้นทุกวันนี้ผมจะอ่านข่าว เติมความรู้ และพยายามฝึกเล่นกลใหม่ๆ ทุกวัน หรือเวลาเจอเพื่อนๆ เราก็จะแชร์กัน ลองเล่นให้กันดู เพื่อแชร์ไอเดีย และเปลี่ยนเทคนิคใหม่ๆ กันครับ”

20 กว่าปีที่ผ่านมา เคยเบื่อมายากลบ้างไหมคะ

(ตอบทันที) “ไม่เลยครับ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกนะ คือผมนึกภาพตัวเองตอนไม่มีมายากลไม่ได้เลย จริงอยุ่ที่บางช่วง อาจจะมีท้อบ้าง หรือไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร ซึ่งนั้นคือเรื่องชีวิตกับเงิน แต่ถ้าตัดเรื่องเงินออก ผมไม่มีวันเบื่อมายากลเลย”

คำว่า “นักมายากล” ในปัจจุบันเป็นอย่างไร

“ต้องบอกว่าจริง ๆ คนที่ดูมายากลมีจำนวนค่อนข้างน้อย ถ้านึกถึงมายากล ก็อาจจะนึกถึง เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ หรือนักมายากลที่เคยเห็นตามงาน ซึ่งต้องบอกว่าภาพลักษณ์นักมายากลจริงๆ ในปัจจุบันก็ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น

“อย่างตอนที่ผมเจอกับคุณแม่ของภรรยาครั้งแรก เขาก็ถามว่าผมทำอะไร พอผมบอกว่าเป็นนักมายากล เขาก็อึ้งสักพักหนึ่ง แล้วก็ถามต่อว่า…หาเงินได้ใช่ไหม ฉะนั้นในสายตาผู้ใหญ่ยังมองภาพไม่ออกว่านักมายากลจะเป็นอาชีพหลักได้ แต่ผมว่าในมุมมองของคนรุ่นใหม่อาจจะเปลี่ยนไปแล้ว เพราะปัจจุบันก็มีสื่อโซเชียลที่ช่วยทำให้ภาพชัดและกว้างขึ้น

“ส่วนถ้าในมุมของผม นักมายากลเหมือนคนที่สามารถทำ CG ในชีวิตจริงได้ เป็นการคิดนอกกรอบ มีคำภาษาอังกฤษบอกไว้ว่า นักมายากลต้องใส่หมวกหลายใบ ต้องพูดได้ ต้องพรีเซนต์ได้ ต้องคิดได้ ต้องประดิษฐ์ได้ ต้องแสดงได้ ฉะนั้นการที่เป็นนักมายากลทำให้เรา เห็นทุกอย่างในอีกมุมมองหนึ่ง

“อย่างผมไปดิสนีย์แลนด์ล่าสุด ได้เห็นของเล่น เห็นความมหัศจรรย์ เขามีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้น ซึ่งมายากลก็เหมือนกันครับ คือการเอาเทคนิค ทั้งวิทยาศาสตร์ ทั้งเทคโนโลยีมาผสมกัน ช่วยในการสร้างภาพลวงตา

“อย่างเห็นตุ๊กตาที่ขยับเหมือนจริงได้ เราก็รู้สึก magical แล้ว ผมไปดิสนีย์แลนด์ที่เซี่ยงไฮ้ นั่งอยู่บนรถ แล้มันวิ่งบนพื้นที่ไม่มีราง เราก็สงสัยนะว่าทำได้ยังไง ต้องใช้แม่เหล็กหรือ Projection Mapping หรืออะไร ที่มันน่าอัศจรรย์มาก ซึ่งเวลาผมเห็นอะไรพวกนี้ ในหัวก็จะคิดตามว่าถ้าเราจะแบบนี้ ต้องใช้เทคนิคอะไร ต้องทำยังไง

“มายากลทำให้เราคิดทุกอย่างแบบไม่มีกรอบ และทำให้เราเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ในอีกมุมมองหนึ่ง”

แล้วมายากลในมุมของแพทริคเป็นอย่างไรคะ

ถ้าคิดว่าเราเป็นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ เลือกพลังพิเศษได้ หลายคนน่าจะอยากจะเป็นมนุษย์ล่องหน หรือสามารถเสกของได้ ซึ่งจริง ๆ นักมายากลก็ทำสิ่งเหล่านั้นได้นะ สามารถทำของลอยได้ สามารถอ่านใจคนได้ สามารถทำให้ของหายได้

“หรือเวลาเราดูภาพยนตร์ คนที่มีพลังพิเศษที่ทำให้ให้ชีวิตดีขึ้น เช่น ถ้าเงินหมด ก็เสกเงินขึ้นมา หรือน้ำมันหมด ก็เสกเติมน้ำมันได้ หรือเวลารถติด เราก็สามารถหายตัวไปยังอีกทีได้ นี่คือความมหัศจรรย์ เหมือนเราวาร์ปได้

“เพราะฉะนั้นมายากลยิ่งเหมือนจริง ยิ่งต้องกลมกลืนในชีวิตจริง แบบที่คนดูแยกไม่ออกว่ามันคือมายากล หรือชีวิตจริงที่มหัศจรรย์ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้คนดูจำเราได้นาน แต่ถ้าคุณหยิบหมวกขึ้นมา มีกระต่ายออกมา คนดูจะรู้ว่าเขากำลังดูมายากลอยู่ แต่ว่ามายากลจะจดจำที่สุดคือ มายากลที่คนดูแยกไม่ออกระหว่างโลกจริงกับโลกมายา มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และมันเกิดขึ้นตอนไหน”

ถ้ามายากลคือความลับ ฉะนั้นขอรู้ความลับ 1 อย่างที่คนไม่รู้เกี่ยวกับมายากลได้ไหมคะ

“มีประโยคที่ผมเคยบอกว่า จริง ๆ มายากลสามารถซื้อได้ ทุกความลับมันมีราคาที่เราต้องแลก แต่ที่นักมายากลเขาไม่เปิดเผยความลับหลาย ๆ อย่าง คือเขาไม่ได้จะปิดบังความลับเพื่อตัวเอง แต่เขาเก็บความลับเพื่อคนดู เพราะถ้าคุณรู้ความลับไปแล้ว คุณจะไม่สามารถมองมายากลได้เหมือนครั้งแรกที่คุณดูได้อีกเลย

“เพราะฉะนั้นนักมายากลเก็บรักษาความลับ เพื่อให้ผู้ชมมีประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการชมมายากลครับ”

Photo : Vorason Dvi-vardhana

Praew Recommend

keyboard_arrow_up