โบตั๋น แห่ง บางกอกคณิกา

บทสนทนาตัวตนหลังกองถ่าย โบตั๋น แห่ง บางกอกคณิกา ซีรีส์ที่สะท้อนสิทธิสตรี เพื่อนหญิงพลังหญิง

Alternative Textaccount_circle
โบตั๋น แห่ง บางกอกคณิกา
โบตั๋น แห่ง บางกอกคณิกา

บทสนทนาตัวตนหลังกองถ่าย คุยกับ ก้อย-อรัชพร โภคินภากร หรือ โบตั๋น แห่ง บางกอกคณิกา พลังหญิงสู่ลุกขึ้นสู้เพื่อการกอบกู้ศักดิ์ศรี กับความฝันสูงสุดอยากนำพาในสังคมดีขึ้น

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ออกอากาศในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้แล้ว สำหรับ บางกอกคณิกา ละครร้อนแรงที่จะมาเรียกเรตติ้งจากผู้ชมของ oneD ORIGINAL ทางช่องวัน 31 โดยผลงานชิ้นนี้บอกเล่าเรื่องราวของ 3 นางคณิกา ที่ถูกด้อยค่าในสังคม และพยายามพาตัวเองทำตามฝันที่อยากเป็นอิสระ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่าง

ล่าสุด แพรว ได้มีโอกาสสัมภาณ์ ก้อย-อรัชพร โภคินภากร ซึ่งรับบทเป็นหนึ่งในดอกไม้งาม โบตั๋น แห่งหอบุปผชาติ โดยเธอบอกว่าผลงานชิ้นนี้ถือเป็นความฝันของเธอที่อยากจะนำพาในสังคมดีขึ้นผ่านอาชีพนักแสดงที่เธอรัก

โบตั๋น แห่ง บางกอกคณิกา

สานฝันที่อยากจะนำพาในสังคมดีขึ้น ผ่านอาชีพนักแสดงที่รัก

“จุดเริ่มต้นที่ได้มาร่วมในโปรเจกต์นี้คือ “พี่ป้อน-นิพนธ์ ผิวเณร” เรียกให้เข้าคุย เขาถามว่าเราอยากทำอะไร หรือ มีโปรเจกต์อะไรบ้างไหม ตอนแรกก็คิดว่าพี่ป้อนอาจจะอยากชวนเขียนบท เพราะก้อยก็เคยเขียนบทมาก่อน แต่สุดท้ายพี่เขาถามว่าเรามีแพชชั่นสูงสุดคืออะไร ก้อยตอบไปว่าชอบการแสดงที่สุด เขาถามต่อว่าอยากเล่นบทแบบไหน ก้อยบอกว่าอยากเล่นเกี่ยวกับ ความรัก มิตรภาพ หรืออะไรก็ตามที่เป็นความเอ็มพาวเวอร์ หรือ บทที่นำพาในสังคมดีขึ้น ก้อยค่อนข้างอิน หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ จึงได้รับการติดต่อให้มาเล่นเรื่องนี้ ยิ่งได้รู้เนื้อเรื่อง ยิ่งสนใจ ก้อยพูดตรงๆ เป็นบทที่น่าเล่น ไม่บ่อยเลยที่เราจะได้มีโอกาส บวกกับก้อยเองไม่เคยเล่นละครพีเรียดมากก่อนเลยรู้สึกเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ท้าทาย แต่ใดๆ คือก้อยรู้สึกว่าสิ่งที่มากกว่านั้นคือ เป็นงานที่ Live Up สังคม คนที่ดูจะรู้สึกถึงความเท่าเทียมของการเป็นมนุษย์ เลยไม่รู้สึกติดขัดกับการรับบทเป็นโสเภณี อีกอย่างหนึ่งก้อยรู้สึกว่าเป็นบทที่น่าจะทำให้ก้อยเติบโตขึ้นด้วย”

โบตั๋น นักสู้แห่งหอบุปผชาติ

“ถ้าให้พูดถึงตัวโบตั๋น ถ้าไปรบโบตั๋นคือตัวบู๊ เป็นคนที่เอาตัวรอดได้ดีโดยใช้สัญชาตญาณดิบ เปรียบเทียบกับหมาจรจัดที่อยู่ริมถนนมีอันตรายเยอะแต่ต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ แล้วเวลาที่มีใครเข้ามาเราจะมีภาวะระวังสูงพร้อมที่จะตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะว่าชีวิตเจอมาเยอะ แต่ขณะเดียวกันถ้าใครพร้อมที่จะรักเขาหรือเลี้ยงเขา เขาสามารถที่จะถวายชีวิตให้กับคนนั้นได้เลย”

ทีมพาวเวอร์พัฟเกิร์ล

“ทั้ง อิงฟ้า และ ชาร์เลท เป็นนักแสดงที่เก่งมาก อย่างอิงฟ้า แม้จะเป็นผลงานแรกแต่เขามีของมาก ส่วนชาร์เลทคือถึงจะเป็นน้องเล็กแต่คือทั้งเก่งและมีประสบการณ์สูง สิ่งที่ก้อยมองว่าเราทั้งสามเข้ากันได้อย่างกลมกล่อมเพราะเรามีเลือดนักสู้เหมือนกัน แต่แค่มันอยู่กันคนละเฉด”

“สำหรับครั้งแรกที่เจอกับความรู้สึกงง แต่เข้าใจว่าเป็นปกติของคนที่ไม่เคยรู้จักหรือสนิทกัน แต่โชคดีที่เราทั้งสามคนได้มีการเวิร์คช็อปร่วมกันก่อนแสดงจริง พอจูนติดมันรู้สึกดีมากเลยที่พอเราหันไปเห็น กุหลาบและเทียนหยดแล้วรู้สึกอ่อนไหวในแบบที่ตัวละครควรจะรู้สึกอีกอย่างก้อยว่าตัวจริงของเราทั้งสามคนไม่ได้ต่างกันมากเลย ทำงานกันง่าย คุยกันง่าย”

ซีนดราม่าที่สุด

“จริงๆ มีซีนดราม่าเยอะมากค่ะ เอาแค่ตอนแรกชีวิตของการเป็นโสเภนีเราต้องโดนกระทำชำเรา แล้วโบตั๋นเป็นประเภทเลือกแขกไม่ได้ จะวิตถารแค่ไหนได้หมด แต่พอเราไปเล่นจริงมันกลัวมาก คือมันไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงคนไหนในโลกต้องมาเจอ แต่ด้วยอาชีพของเขาเลือกไม่ได้”

“ถ้าถามความตรากตรำของการเล่นเรื่องนี้ก้อยว่ามันเข้มข้นจริงๆ มันต้องสู้กับการโดนกดทับของสังคม ว่าอาชีพนี้ถูกมองว่าเป็นชนชั้นต่ำสุดของประเทศนี้ ไม่มีสิทธิ์อะไรในร่างกายตัวเองเลย รวมถึงการจะมีความรักก็เป็นไปไม่ได้ เพราะการแต่งงานกับโสเภณีเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย”

สุดท้ายในขณะที่ก้อยบอกว่าสิ่งที่อยากสื่อในละครเรื่องนี้คือการที่ผู้หญิงถูกกดทับในสังคม ในขณะเดียวกันอีกด้านก็มองว่าเราเชิดชูคนทำอาชีพนี้หรือเปล่า?

“ก้อยว่ามันอยู่ที่เรา เราจะเลือกเสพมุมไหน คือเราต้องยอมรับความจริงก่อนว่าอาชีพนี้มีอยู่จริง แม้ว่าพอไปตรวจสอบแล้วจะไม่พบก็ตาม คือมันเป็นไปไม่ได้เพราะเราทุกคนเห็นด้วยตาว่ามันมีอาชีพนี้ การทำละครเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเราเชิดชู คือถ้าคุณดูละครนี้แล้วได้สิ่งนั้นไปก็ต้องถามตัวเองคุณดูละครเรื่องนี้ด้วยแง่มุมไหนอยู่ แต่ถ้าดูแล้วรู้สึกว่านี่คือปัญหาของสังคม แล้วมีการแก้ไขปัญหา จะอยู่อย่างไรให้มีคุณภาพที่สุด หรือ อยู่ร่วมกันได้ดีที่สุด นั่นคือจุดสำคัญมากกว่าหรือเปล่า”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up