ซีรีส์ที่นักแสดงเตรียมตัว 1 ปีเต็มๆ กว่าจะได้เป็น START-UP เวอร์ชันเมืองไทย…

Alternative Textaccount_circle

เรียกว่าเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับซีรีส์เรื่อง START-UP เวอร์ชันไทยที่ดัดแปลงจากเกาหลี ผลงานล่าสุดจากทางค่าย True CJ Creations ออนแอร์ที่ True ID ที่ขนนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง อัพ-ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง, เบลล์-เขมิศรา พลเดช, เกรท-สพล อัศวมั่นคง, ก้อย-อรัชพร โภคินภากร, เล-ทะเล สงวนดีกุล, มาร์ท-กฤษณะ โมราขาว ฯลฯ

       เสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้คือ แม้จะยังคงยึดโครงเรื่องเดิมจากเกาหลีไว้ แต่จุดที่แตกต่างและทำให้คนมีโอกาส ‘ลุ้น’ มากขึ้นคือการดัดแปลงบริบทต่างๆ ให้เหมาะกับเมืองไทย ไปจนถึงการเพิ่มปมให้ตัวละครมีรสชาติมากขึ้น

ตัวละครเวอร์ชั่นไทยกับเกาหลี มีความแตกต่างกันยังไงบ้าง

อัพ : “ผมรับบทเป็น กรณ์ เป็นคนมีความสามารถ เก่งทั้งเลข การทําโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง เขามีความเชื่อว่า ถ้าอยากจะได้อะไรต้องลงมือทํา แต่จุดด้อยของตัวละครนี้คือขาดแพชชั่นหรือความฝันในการนําทางไปสู่เป้าหมาย  ผมรู้สึกว่าโครงเรื่องมีความคล้ายคลึงกับเวอร์ชั่นเกาหลีแต่ก็มีความต่าง ตรงที่ปรับคาแรคเตอร์ให้เข้ากับบริบทความเป็นไทยมากขึ้น

มาร์ท : “ส่วนผมรับบทเป็นคีย์-คิรากร คาแรคเตอร์ไม่ต่างจากเวอร์ชันเกาหลีมาก คือสนุกสนาน ร่าเริง เป็นสีสันของเพื่อน ๆ ในกลุ่ม คิดอะไรแล้วจะพูดเลย

ทะเล : “สำหรับผมรับบทเป็น แบงค์-ธนากร ด้วยความที่ถนัดด้านเทคโนโลยี จึงไม่ค่อยมีความรู้ด้านธุรกิจ และเป็นคนกลัวการถูกเอาเปรียบ ไม่ใช่แค่ตัวเองนะ แต่กลัวคนอื่นมาเอาเปรียบเพื่อนด้วย ถ้าเทียบกับเวอร์ชันออริจินัลของเกาหลี ตัวละครตัวนี้จะต่างตรงที่มีปมเพิ่มขึ้นกว่าเดิมครับ

เกรท: “ส่วนผมรับบทเป็นจิรภัทร คือนักลงทุนที่คอยดูเรื่องการลงทุนกับสตาร์ทอัพ คาแรคเตอร์มีความคล้ายคลึงกับต้นฉบับ แต่อาจจะไม่เกรี้ยวกราดเท่า อย่างเวลาที่ต้องเข้าฉากกับหนุ่มๆ จาก 3 กรไทยเทค เราจะนุ่มกว่า มีความเป็นพี่ชายมากขึ้น แต่ก็ยังมีความโหดอยู่นะ ในขณะที่เวลาเข้าฉากกับคุณย่า จะอ่อนโยนมาก มีความอบอุ่นขึ้น”

เมื่อต้องมาเล่นซีรีส์ที่ดัดแปลงจากต้นฉบับ กดดันไหมคะ

อัพ : “วันแรกผมกดดันมากนะ  เพราะว่าต้นฉบับเกาหลีเขาทําไว้ดีมาก แต่ก็พยายามเปลี่ยนความกดดันให้เป็นแรงผลักดัน เพราะฉะนั้นนักแสดงทุกคนทําการบ้านหนักและเตรียมตัวกันพอสมควร เช่น เรามีเข้าคลาสเวิร์กชอปด้านธุรกิจที่ต้องไปเรียนที่จุฬาฯ เพิ่มเติม รวมถึงเรียนคลาสแอคติ้งเพิ่ม ผมเชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้ทําให้พวกเราพัฒนาการแสดงมากขึ้นเพราะมีหลายอย่างที่ต้องก้าวข้ามให้ได้ ซึ่งพวกเราเตรียมตัวก่อนถ่ายทำประมาณ 1 ปี

“เช่น แต่ละครั้งที่มาทำงาน เราต้องถ่ายให้จบในเวลา 12 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นต้องทำการบ้านเป็นอย่างดี คือจะไม่มีใครถามขึ้นมาหน้ากองว่า ต้องพูดบทอะไรต่อนะ คือทุกคนมาถึงพร้อมถ่ายทำเลย ความยากสำหรับผมคือซีนอารมณ์ บางครั้งร้องไห้วันละ 3 ซีน สลับกับตลกบ้าง เพราะฉะนั้นโดยรวมแล้วในหนึ่งวันเรียกว่ามีเกือบทุกอารมณ์”

เกรท : “ผมกดดันตั้งแต่เวิร์คช้อป เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังเข้าไม่ถึงบทบาท ต้องทำการบ้านเยอะมาก จำได้ว่าวันแรกที่ถ่ายทำ เจอแก๊ง 3 กรไทยเทคเลย และก็ยังคงโดนคอมเม้นท์ให้ปรับปรุงเรื่องแอคติ้ง ประมาณว่า ‘เกรทดุไป ขอเบากว่านี้หน่อย’

“หรืออย่างเวลาเข้าฉากดราม่ากับคุณย่าก็ท้าทายมากเพราะต้องรวมทุกอารมณ์ไว้ในฉากเดียว ทั้งเศร้า เสียใจ เป็นห่วง รู้สึกผิด อีกอย่างคือเจอหน้ากันครั้งแรกก็ต้องใส่อารมณ์ ซึ่งเวอร์ชั่นเดิมเขาแสดงไว้ดีมาก และผมก็ไม่อยากแสดงเหมือนเขาเป๊ะ ก็ต้องคิดว่าจะแสดงอย่างไรไม่ให้เหมือนกำลังลอกเลียนแบบต้นฉบับอยู่ จึงกดดันกับตัวเองมาก ช่วงแรกๆ อาจยังเข้าไม่ถึงบท เพราะพยายามไม่ให้เหมือนต้นฉบับ แต่ตอนหลังเริ่มปล่อยจอย เล่นตามความรู้สึกที่อัดอั้นในใจ มันจึงเป็นการแสดงที่รู้สึกดีกว่าเดิม”

มาร์ท : ความยากของผมคือ ซีรีส์เรื่องนี้คือเรื่องแรกในชีวิต จึงกดดันสูง ต้องผ่านการเวิร์กชอปหลายครั้ง กว่าจะผ่อนคลายขึ้นก็ต้องใช้เวลา อย่างช่วงหลังเวลาเข้าซีน เหมือนไปเล่นกับเพื่อน (หัวเราะ) จนผู้กํากับบอกว่าอยากเล่นอะไร ให้เล่นเลย ต้องขอบคุณด้วยที่เขาให้อิสระผมเยอะมาก”

ทะเล : “ตัวละครแบงค์ มีความขึ้นๆลงๆ ของอารมณ์สูง บางซีนต้องใช้เอนเนอร์จี้สูงมาก ในขณะที่บางซีนนิ่งมาก ต้องพยายามปรับสมดุลให้อยู่ตรงกลางๆ อันนี้คือเรื่องท้าทายที่สุดแล้วครับ”

ซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับธุรกิจ ทั้ง 4 คน อินเรื่องธุรกิจกันบ้างไหมคะ

ทะเล : “ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้มีความรู้ทางนี้จริงจัง จนกระทั่งได้มาทำแบรนด์เสื้อผ้า doppio.bkk ก็ต้องเรียนรู้มากขึ้น อย่างเวลาที่โดนคุณจีด่าในเรื่อง เช่นการวางแผนหรือการแบ่งหุ้น ก็เป็นความรู้ใหม่เหมือนกันนะ”

อัพ : “จริง เรื่องนี้เราได้เรียนรู้หลายอย่างมาก พูดถึงเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเป็นนักแสดงคือ  ได้เป็นใครสักคนที่ชีวิตจริง เราอาจจะไม่ได้มีโอกาสเป็นอย่างเขา  อย่างตอนไปเวิร์กชอปสตาร์ทอัพที่จุฬาฯ มันเติมเต็มความฝันผมเหมือนกันนะ เพราะสมัยเรียนปี 2 ผมเคยพูดกับเพื่อนว่า อยากทำบริษัทสตาร์ทอัพ แต่สุดท้ายก็ล้มไปเพราะไม่ได้ลงมือทํา พอได้มาถ่ายทำเรื่องนี้ ได้เห็นนักแสดงสมทบ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ทําสตาร์ทอัพจริง ๆ มันรู้สึกว่า …นี่แหละคือความฝันที่เราเคยคิดไว้”

เกรท : “ส่วนผมคือได้เรียนรู้เรื่องการพรีเซนต์หน้าห้อง (หัวเราะ) ต้องบอกว่า เวลาโดนพรีเซนต์อะไรก็ตาม หน้าที่ผมคือคนกดสไลด์ เตรียมข้อมูล แต่จะไม่พูดหน้าห้องแน่นอน แต่ซีรีส์เรื่องนี้สอนเราว่า การออกมาพูด ควรพูดประเด็นไหนบ้างเพื่อให้ดึงดูดใจ ต้องเป็นประเด็นที่สามารถเอาคนอยู่ได้ภายในนาทีเดียวหรือประโยคเดียว และความยากอีกอย่างคือ ต้องทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้รู้จริง เพราะคุณจีเขาเก่งมาก หลายๆ คำพูด เราไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ก็ต้องไปเสิร์ชข้อมูลเพิ่มเติม หรืออย่างบางที เราต้องเขียนอธิบายในเรื่อง เราก็จะต้องทำความเข้าใจกับมัน ก็จะปรึกษากับผู้กำกับ ว่าควรปรับเปลี่ยนอะไรดีไหม ซึ่งทําให้เรารู้สึกกระตืนรือร้นและขวนขวายมากยิ่งขึ้น”

อัพ : “จริงครับ อย่างตัวกรณ์เอง ต้องมีทั้งเรื่องการทําโค้ดดิ้ง เจอศัพท์เทคนิคเยอะมาก แค่พูดบทอย่างเดียวยังไม่ได้ แต่เราต้องเข้าใจไปด้วย ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน ก็ต้องฝึกเยอะ”

เล่าถึงก้อยกับเบลล์ให้ฟังบ้าง เวลาอยู่กองเป็นยังไงคะ

ทะเล : “ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยนะ ขอสารภาพไว้ตรงนี้เป็นที่แรกว่า ตอนแรกผมกลัวเบลล์มาก เพราะเวลาคุย เขาจะจ้องหน้าตลอดทั้งในซีนและนอกซีน แต่หลังๆ เริ่มชินแล้ว (หัวเราะ)

อัพ : “ทั้งพี่ก้อยและเบลล์เป็นคนเก่งทั้งสองคน อย่างเวลาเข้าฉากกับพี่ก้อย เหมือนเขามีออร่าของนักแสดงและส่งพลังได้ดีมาก ๆ ส่วนเบลล์ ผมรู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลายแล้ว พอได้ทํางานด้วยกันก็รู้เลยว่าเป็นคนเก่งและตั้งใจมาก ๆ เวลาไปดูบทเขานะ จะเห็นว่าเขาเขียน นู้นนี้ละเอียดมาก เยอะจนทึ่ง”

เกรท : สำหรับผมคุณก้อยเขาเหมือนสารานุกรมเคลื่อนที่ หรือเป็นแบบทดสอบที่เราเห็นตามอินเทอร์เน็ต  เขาจะชอบถามผมว่า ‘คุณเกรท ถ้านึกถึงสัตว์ตัวแรก คุณจะนึกถึงตัวอะไร’ จะมีคำถามจิตวิทยาอย่างนี้มาถามเรื่อยๆ  เพราะเขาอ่านหนังสือเยอะ ถ้าไม่ได้เข้าเซ็ท เขาจะเปิดอ่านหนังสืออ่านตลอด”

สุดท้ายแล้ว เราอยากเห็นประเทศไทยพัฒนาสตาร์ทอัพอย่างไรบ้าง

อัพ :  “ด้วยความที่สตาร์ทอัพมีมานานแล้ว เรารู้สึกว่าประเทศไทยเป็นฐานของสตาร์ทอัพได้ดีมาก  อย่างวันนี้เราสัมภาษณ์ที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค ถ้าลงไปชั้น 4 จะเห็นบอร์ดของสตาร์ทอัพที่ทางทรูสนับสนุนอยู่ เพื่อให้น้อง ๆ ที่มีฝัน มีไฟ ได้มีพื้นที่ให้ลองจริง ๆ

“เพราะฉะนั้นไม่ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าเรามีฝัน มีแพชชั่นที่พร้อมสู้และตามหามัน ผมว่าประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมากมายให้คนได้ไขว่คว้าไว้แน่นอน”

อยากให้ฝากซีรีส์กันหน่อยค่ะ

เกรท : ฝากซีรีส์สตาร์ทอัพด้วยนะครับ ตอนนี้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว เป็นช่วงที่ทุกอย่างเริ่มเข้มข้นมากขึ้น ปมต่าง ๆ ในเรื่องเริ่มถูกคลี่คลายไปบ้าง แต่จะมีปมใหม่ ที่ใหญ่กว่าเดิม รออยู่ อยากให้ทุกคนมาลุ้นด้วยกันว่าจะเป็นยังไง บางอย่างอาจจะไม่เหมือนเวอร์ชันเดิมก็ได้

มาร์ท “ต้องขอบคุณที่สนับสนุนกันนะครับ ตอนนี้ 2 ล้านวิวแล้ว พวกเราใส่ใจตัวละครมาก และพยายามปรับเปลี่ยนให้เป็นตัวเองมากที่สุด ฝากทุกคนติดตามและก็สนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ

ทะเล “คิดว่าคนดูน่าจะได้กำลังใจที่เพิ่มมากขึ้น ซีรีส์เรื่องนี้เหมือนเป็นการเติมไฟได้เหมือนกัน อะไรที่เราเคยยอมแพ้ ก็อยากทำมันให้ได้และให้ดีขึ้นอีกครั้ง ส่วนใครที่ยังไม่เคยดู อยากให้ลองเปิดใจครับ ไปดูย้อนได้ตั้งแต่ตอนแรก ที่ True ID ครับ ส่วนใครที่ติดตามอยู่ก็ขอบคุณมากๆ ครับ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจด้วยครับ”

ดูเรื่องนี้จบแล้ว อย่าลืมเติมไฟให้ตัวเองนะครับ


เรื่อง Fai
ผู้ช่วย บุญญรัช กุสันเทียะ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up