The 38 years ago

พีช-อมยิ้ม การกลับมาของดูโอในตำนาน The 38 years ago….

account_circle
The 38 years ago
The 38 years ago

10 ปีที่แล้วหลายคนเติบโตมาพร้อมกับเสียงร้องใสๆ ของพีช-ปณิชา เมธาวิชิตชัย และฝีมือการดีดกีตาร์ของ อมยิ้ม- ธันยวัฒน์ จันทร์กระจ่าง The 38 years ago บางคนฟังมาตั้งแต่เรียน ม.ต้น จนถึงตอนนี้ เติบโต ทำงานแล้วก็ยังฟังอยู่

กระทั่ง 5 ปีที่แล้ว พวกเขาตัดสินใจแยกทางเดิน พีชเป็นพนักงานบริษัท ทำงานขัลเคลื่อนด้านสุขภาพ สังคม สิ่งแวดล้อม และอินฟลูเอนเซอร์สายกรีน ในขณะที่อมยิ้ม หันหลังให้ดนตรี เริ่มต้นการบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว ช่างภาพ รวมถึงมีธุรกิจเป็นของตัวเอง

แต่สุดท้าย เสียงเพลงและความคิดถึง ก็เป็นกาวใจให้ทั้งคู่รวมตัวกันอีกครั้ง ภายใต้บ้านหลังใหม่ LOVEiS Entertainment และนี่คือเรื่องราวของเพื่อนสนิท ที่มีบทเพลงเป็นสื่อกลางถึงความคิดถึงและระยะทาง

พีช-อมยิ้ม การกลับมาของดูโอในตำนาน The 38 years ago….

คิดว่าหลายคนที่ได้ดูเพลง ‘จินตนาการ’ คงรู้สึกเหมือนกันคือความเศร้า อะไรคือแรงบันดาลใจให้เราแต่งเพลงนี้ 

อมยิ้ม “เริ่มจากตอนที่เข้ามาอยู่ค่าย LOVEiS เมื่อปีที่แล้ว เราตั้งใจทำโปรเจ็คต์เพลงที่เกี่ยวข้องกับระยะทาง ซึ่งพูดถึงช่วงเวลา 5 ปีที่พักงานเพลงไปว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง สำหรับผม ช่วงที่เราแยกทางจะชอบนึกถึงความทรงจำที่เต็มไปด้วยความสุขและความคิดถึง เราก็หยิบมุมนั้นมาเล่าเป็นแกนหลักของเพลง ‘จินตนาการ’ แต่เพลงนี้ จะเล่าในมุมที่ปลายทางมันไม่สมหวัง

พีชเสริม  “เพลงนี้จะพูดถึงความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน ถ้าวันหนึ่งมีใครสักคนจากไป  สุดท้ายสิ่งที่หลงเหลือ คือความทรงจำและความสุขในจินตนาการเท่านั้น เพราะปัจจุบันไม่มีอีกแล้ว พีชคิดว่าความทรงจำ เหมือนเครื่องมือให้เราย้อนกลับไปนึกถึงอดีต และเตือนใจว่า ถ้าทุกวันนี้เรายังมีกันอยู่ ควรจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วจะไม่เสียใจในภายหลัง”

หากรู้ล่วงหน้าว่าวันสุดท้ายของตัวเองมาถึง วันนั้นจะทำอะไร

อมยิ้ม “ไม่มีอะไรมากครับ จะบินไปหาแฟนที่อเมริกาเลย เพราะตอนนี้เขาเรียนต่อที่นั่น เราจะไปอยู่กับแฟนทั้งวัน”

พีช “คล้ายกันค่ะ พีชจะอยู่กับครอบครัว และให้แฟนมาอยู่ด้วย”

แล้วถ้าให้จินตนาการสักสิ่ง ถึงสิ่งที่อยากเป็นหรืออยากทำ จะเป็นเรื่องอะไร

อมยิ้ม “อยากทำงานดนตรีให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อยากให้วงมีเพลงดีๆ ปล่อยออกมาให้ฟัง และอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่จัดที่อิมแพค เมืองทองธานี ผมว่ามันเป็นความฝันของศิลปินทุกคนอยู่แล้ว” (ยิ้ม)

“แต่เป็นชีวิตส่วนตัว ผมอยากเปิดร้านของเล่นตัวเอง เพราะเป็นแฟนอาร์ตทอยสะสมกันดั้มมาหลายสิบปี มีอยู่หลายร้อยตัว เราก็อยากเปิดร้านขายของเล่น”

พีช “ส่วนพีชอยากเป็นนก (หัวเราะ)  พูดจริงๆ คือช่วงนี้ชอบนกมาก ล่าสุดไปร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนึง เขาเลี้ยงนกไว้ที่ร้าน เราได้สัมผัสนก แล้วเขายื่นมือมาให้เราจับ มันเหมือนสื่อถึงกันได้  เลยรู้สึกชอบนกมาก แล้วเสียงเขาก็เพราะ บินไปไหนก็ได้ที่อยากไป ยังเคยคุยกับแม่เลยว่า ช่วงนี้รถติดมาก อยากเป็นนก จะได้บินไปเลย (หัวเราะ)

“ถ้าใกล้เคียงกับความจริงคือ อยากบวชที่เนปาลแบบโกนหัวเลย คือพีชชอบปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว ทำมาตั้งแต่ 10 ขวบ อย่างทุกวันนี้พีชก็บวชทุก 3 เดือน โดยจะใช้เวลา 3 วันเป็นวันหยุดของตัวเอง ไปวัด ทำวัตรเช้า-เย็น นั่งสมาธิ เป็นวันหยุดของตัวเอง คือพีชชอบอยู่กับตัวเอง เวลามีเรื่องเครียด มีอีโก้ หรือใจลอยไปอยู่กับคนอื่น การนั่งปฏิบัติธรรมมันสะท้อนตัวเราในปัจจุบันขณะ และวินาทีที่เรารู้สึกสงบ มันมีความสุข สบายมาก การปฏิบัติธรรมมันทำให้เรารู้จักตัวเอง และพีชก็คิดว่าถ้าครั้งนึงเราได้โกนหัว เราคงรู้สึกปลงกับทุกอย่าง แบบที่เราไม่ต้องห่วงเรื่องความสวยมากขนาดนั้น เป็นสิ่งที่อยากลองทำดูสักครั้ง”

แล้วถ้าคุณทั้งคู่ มีพลังพิเศษสามารถย้อนอดีตได้ อยากย้อนกลับไปตอนไหนมากที่สุด

อมยิ้ม “ตอนเรียนมัธยมต้นครับ เพราะช่วงนั้นรู้สึกว่าชีวิตปล่อยฟรีมากๆ อาจเพราะไม่รู้เราชอบอะไรด้วยมั้ง เป็นช่วงสบายๆ ของชีวิต เล่นดนตรีก็ยังไม่จริงจัง ไม่ได้รักมากขนาดนั้น จำได้ว่าโดนแม่บังคับให้ไปเรียนเปียโนด้วยซ้ำ ถ้าย้อนกลับไป ก็อยากทุ่มกับการเรียนเปียโนมากกว่าเดิม”

พีช “ไม่มีช่วงไหนที่อยากย้อนกลับไปเลยเพราะ ที่ผ่านมาไม่เคยนึกเสียดายอะไร พีชแค่อยากให้สิ่งที่มีอยู่ในทุกวันนี้ อยู่กับเราต่อไปเรื่อยๆ มากกว่า”

อมยิ้ม “แต่ก็มีช่วงนึงที่อยากย้อนกลับไปแก้ไขนะ คือช่วงที่จะพักวง”

พีช “ใช่ๆ  พีชถ้าตอนนั้นเราคุยกันรู้เรื่องมากกว่านี้ ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้น เราอาจจะสนุกต่อไปได้มากกว่านี้ มันทำให้เราเรียนรู้ว่า หากเรามีอะไรสักอย่าง แล้ววันนึงมันไม่มี เราจะเริ่มเห็นคุณค่า มันสอนว่าเราควรรักษาสิ่งที่มีให้ดีที่สุด”

ช่วงที่พัก ทราบว่าอมยิ้มไม่ได้แตะดนตรีเลย การกลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง ฮีลใจขนาดไหน

         อมยิ้ม “สุดๆ ครับ ตื่นเต้นมาก ผมหยุดเล่นดนตรีไป 5 ปี กลับมาเล่นอีกครั้ง ก็ต้องไปเล่นงานที่สยาม วันนั้นคนมาดูเต็มเลยนะ พอเราไม่ได้เล่นนาน กลับไปเล่นอีกที เหมือนคนเล่นไม่เป็น เราลืมความตื่นเต้นบนเวทีไปแล้วว่ามันเป็นยังไง ซึ่งวันนั้นความตื่นเต้นกลับมาอีกรอบ ส่วนหนึ่งคือกลัวเล่นพลาด แต่พอเล่นจบ รู้เลยว่า ความรู้สึกแบบนี้มันขาดหายไปจากชีวิต มันคือความสุข พอได้เล่นอีกครั้งทำให้รู้ว่าเราชอบดนตรีขนาดไหน”

รู้จักกันมา 15 ปี เท่ากับครึ่งชีวิตของกันและกันแล้ว แต่ละคนเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน

พีช “รู้สึกว่าตัวเองกล้าพูดสิ่งที่รู้สึกมากขึ้น แต่ก่อนเราชอบเก็บไปคิดมาก น้อยใจ ในวันนี้เรากล้าพูดสิ่งที่รู้สึก รู้จักขอโทษ ขอบคุณ มันทำให้พีชกล้าพูดทุกอย่าง ในวันที่เรากลับมาคุยกันอีกครั้ง”

อมยิ้ม “ผมคิดอีกแบบ ผมรู้สึกว่าแต่ก่อนพีชกล้าลุยกว่านี้อีกนะ แต่คิดว่าพอโตขึ้น เซฟโซนก็สูงขึ้นตามไปด้วย แต่ที่ต้องยอมรับคือการร้องของเขาพัฒนาขึ้นเยอะ ร้องเก่งขึ้นมากไม่ว่าจะเป็นร้องสดหรือร้องในสตูดิโอก็ตาม

พีช “ส่วนอมยิ้มคือเหมือนเดิม โตมายังไงก็อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนเลย”

อมยิ้ม “จริงๆ เราค่อนข้างเติมเต็มกันนะ เพราะเราไม่เหมือนกันเลย”

พีช “อมยิ้มมาเติมเต็มความเป็นผู้ใหญ่ คือพีชชอบความเป็นเด็กในตัวเอง เราไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ การเป็นเด็กทำให้เรากล้าทดลองทุกอย่างโดยที่ไม่มีอะไรมากั้น อมยิ้มจะชอบเตือนให้เราระวังตัวบ้าง อีกอย่างคือ ด้วยความที่พีชเป็นคนที่ ถ้ารู้ว่าตัวเองชอบอะไร จะตัดอย่างอื่นทิ้งหมด ก็จะมีอมยิ้มที่มาชวนว่าออกไปนอกบ้านบ้างก็ดีนะ”

อมยิ้ม “เขาประสบการณ์ชีวิตน้อย แล้วเป็นคนกึ่งอินโทรเวิร์ท คือตอนทำงานสามารถพูดคุยได้ แต่พอชีวิตส่วนตัวเขาตัดทุกอย่างเลย มีเซฟโซนของตัวเองสูง ทำงานแล้วกลับบ้าน คบเฉพาะเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ในขณะที่ผมเป็นประเภทแอมบิเวิร์ต  เราก็ชอบชวนเขาไปไหนด้วย อยากให้เขาเข้าสังคมบ้าง ซึ่งการเข้าสังคมที่ว่าไม่จำเป็นต้องดื่มเหล้านะ ชวนไปเล่นบอร์ดเกมส์ ไปเจอเพื่อนกลุ่มใหม่”

ตอนตั้งชื่อวง เกิดจากการเอาอายุของทั้งคู่มารวมกัน ซึ่งถ้านำอายุมารวมกันตอนนี้ (อมยิ้มอายุ 34 พีชอายุ 28) ก็คือ 62 ปีแล้ว ถ้าแปลงเลขเป็นวง ก็ต้อง The 62 years ago เรายังรู้สึกอย่างไรกับเลข 38 ยังผูกพันเหมือนเดิมไหม อยากลองเปลี่ยนเลขบ้างหรือเปล่า

พีช “ตัวเองก็ยังชอบเลข 38 อยู่ดี เพราะเป็นปีเกิดตัวเองด้วย เลข 38 คือจุดเริ่มต้นของชีวิตทุกอย่าง ตอนที่พีชเจออมยิ้มครั้งแรกเราอายุ 16 เองในขณะที่อมยิ้มอายุ 22 มันเหมือนเป็นสปอตไลน์ของชีวิตเหมือนกันนะ เคยไปประกวดแต่ก็ไม่ผ่านหลายเวที แต่พอคิดแค่ว่าอยากจะทำดนตรีเล่นๆ ไม่ได้แพลนอะไร ปล่อยให้ชีวิตได้เจอกับอะไรบางอย่าง สุดท้ายมันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งมหัศจรรย์จนถึงตอนนี้

อมยิ้ม “ใช่ครับ ตอนนั้นก่อนจะมาทำวงกับพีช เราก็ยังเคว้งอยู่ ยังฝึกงานอยู่เลย คิดไม่ออกว่าเรียนจบแล้วจะทำงานอะไร พอเรามาทำตรงนี้ มันคือใช่ทุกอย่าง มันตอบได้ว่า เราอยากเป็นศิลปินและอยากจะเป็นต่อไป” 


Praew Recommend

keyboard_arrow_up