หากพูดถึงนางเอกสาว เบลล่า-ราณี แคมเปน เธอถือได้ว่าเป็นนักแสดงแถวหน้าของประเทศไทยเลยทีเดียว พิสูจน์จากรางวัลทางการแสดงที่ได้รับอย่างไม่ขาดสาย และแม้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จจากงานด้านนี้เธอก็ยังคงพัฒนาฝีมือและมองหางานใหม่ๆที่ท้าทายตัวเองอยู่เสมอ
ล่าสุดดาราสาวได้รับงานพากย์เสียงแอนิเมชันเรื่อง “นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์” (Mantra Warrior : The legend of the eight moons) ภาพยนตร์แอ็กชัน-ไซไฟฟอร์มยักษ์สัญชาติไทยเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ ผลงานการสร้างจาก RiFF Studio ผนึกกำลังกับ WARA.BY GDH และ Japan Anime Movie Thailand

โดยในเรื่องนี้เบลล่าพากย์เสียงเป็น “พระแม่สีดา” ซึ่งเป็นตัวละครที่โดดเด่นของเรื่องนี้ เบลล่าบอกว่า “รู้สึกตื่นเต้นกับผลงานครั้งนี้มากๆ กับบทพระแม่สีดา หรือ นางสีดา ตัวละครที่มีบุคลิกน่ารักและเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งการทำงานครั้งนี้ นับว่าเป็นการทำงานที่มีความกดดันเล็กน้อย เพราะเป็นการพากย์เสียงแอนิเมชันครั้งแรกด้วย แต่ก็รู้สึกสนุกและตื่นเต้นไปกับการทำงานมากๆ เช่นกัน เพราะจะได้เห็นตัวละครจากวรรณคดีไทยที่เราเคยอ่านกันมาได้ออกมาโลดแล่นบนจอ จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนได้มาชมกัน รับรองว่าสนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจไปกับเนื้อเรื่องตัวละคร และภาพที่สวยมากๆ อยากให้ทุกคนมาเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆ ทีมงานคนไทย และขอฝากตัวสำหรับนางสีดา ผลงานการพากย์เสียงครั้งแรก หวังว่าทุกคนจะชอบค่ะ”
หลังจากที่พูดคุยถึงเรื่อง แอนิเมชัน แล้วเบลล่าได้พูดถึงเรื่องราวในครอบครัวที่บอกเล่าว่าแก่นแห่งชีวิตที่ดีเริ่มต้นจากไหน

จากมุมเบลล่าคุณแม่เป็นแม่แบบไหน?
เบลล่า : ไม่นิ่งเลยค่ะ คุณแม่จะเป็นคนเส้นตื้น โดยเฉพาะถ้าเขาทำอะไรที่เหมือนเขาพลาด เขาเปิ่นๆ จะขำหนักมาก แล้วเป็นคนที่ถ้าขำปุ๊บก็คือจะหยุดไม่ได้หยุดยาก คือถ้าเราเหมือนคุยๆ กันอยู่แล้วคนหนึ่งขำ อีกคนหนึ่งจะขำตาม แล้วทีนี้ก็คือยาวเลยค่ะจะเป็นบ้านที่แบบมีเสียงหัวเราะเยอะมากค่ะ
ปกติเบลล่าค่อนข้างอ้อนคุณแม่ไหม?
เบลล่า : ตอนเด็กก็อ้อนค่ะ เพราะว่าเป็นลูกคนเดียว เวลาอยากได้อะไรก็จะไปอยู่ใกล้ๆ โตมาชอบอ้อนขอให้นวดให้ กลับบ้านไปแบบ โอ๊ยไม่ไหว รู้สึกไหลตึงมาก แม่นวดให้หน่อย
แสดงว่าคุณแม่มีฝีมือในการนวดมาก?
เบลล่า : เบลนวดให้คุณแม่มาก่อน จนแม่เขาเริ่มจำได้ พอหลังๆ มาแม่ก็คือแบบเสนอตัวเองว่า แม่จะนวดให้ แล้วเขาก็ตรงนี้ใช่ไหมตรงนี้ใช่ไหม จนตอนนี้คือเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วค่ะ

เบลล่า : เบลนวดให้คุณแม่มาก่อน จนแม่เขาเริ่มจำได้ พอหลังๆ มาแม่ก็คือแบบเสนอตัวเองว่า แม่จะนวดให้ แล้วเขาก็ตรงนี้ใช่ไหมตรงนี้ใช่ไหม จนตอนนี้คือเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วค่ะ
อาหารฝีมือคุณแม่ที่เบลล่าชอบที่สุด?
เบลล่า : ถามเรื่องอาหารแม่ก็เขินหรือเปล่า เพราะว่าเอิ่มตอนที่คุณแม่แต่งงานคุณแม่หุงข้าวไม่เป็นเลยค่ะ ตอนเด็กๆ คุณแม่จะทำมักกะโรนีให้กินบ่อยค่ะ ก็จะชอบกินมักกะโรนีไก่ ส่วนตอนโตมาเขาเรียกว่าเป็นเมนูดาวของแม่ละกันนะคะก็คือ Lamp Shop สเต๊กแกะ อันนี้อร่อย
แล้วเบลล่ามีฝีมือในการทำอาหารบ้างไหม?
เบลล่า : เบลไม่มีโอกาสได้ทำมากกว่า แต่เรารู้สึกว่ารสมือเรามันเยี่ยมอยู่นะ สปาเกตตีเบคอนพริกกระเทียม จะเป็นคนที่ทานรสจัดจ้าน ฉะนั้นเวลาการปรุงจะถึงรสค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ทำ


ขอทริคสำหรับหนุ่มๆ ถ้าอยากสนิทกับคุณแม่ปราณีต้องทำอย่างไร?
เบลล่า : คุณแม่เป็นคนที่เขาเรียกว่าเข้าหาง่ายมากๆ คือเหมือนเขาเข้ากับคนได้ง่าย เข้าได้กับทุกคน ใครชวนคุยอะไรก็แบบเหมือนคุยได้ มีความรู้รอบตัว ใครอยากรู้ข่าวสารอะไรถามคุณแม่คุณแม่ตอบได้หมดค่ะ
แสดงว่าคุณแม่ติดตามข่าววสารตลอดเวลาใช่ไหม?
เบลล่า : เริ่มต้นจากดูข่าวลูกเนี่ยแหละ ว่าแบบจากช่องเดินช่องนี้อะไรอย่างนี้ จนตอนนี้ก็คือเหมือนโลกเกิดอะไรขึ้นคุณปราณีรู้ทุกอย่าง
ความประทับใจที่มีต่อคุณแม่ปราณี?
เบลล่า : แม่เบลเป็นคนน่ารัก เบลจะใช้คำนี้ คือคุณพ่อจะเก่งวิชาการ คุณแม่จะเก่งทั้งโลก แม่เขาจะเป็นคนที่เหมือนเข้าใจคน เข้าใจสถานการณ์มีวิธีการปรับตัว เขามีวิธีการสอนที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะมีความสุขในการจะอยู่ในสังคม หรืออยู่ในโลกใบนี้ ในการทำงานร่วมกับผู้คนคนอื่น เราจะต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ต้องตรงเวลาต้องนู่นต้องนี่ เบลว่าพื้นฐานในการเป็นวันนี้คือได้มาจากคุณแม่เยอะมาก


ที่ผ่านมาคุณแม่ส่งเสริมในเรื่องอะไรบ้าง?
เบลล่า : ส่งเสริมทุกเรื่องค่ะก็คือซัพพอร์ต ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไร คือแม่ก็จะเหมือนเป็นกำลังใจให้ แล้วก็ดูแลอะไรหลายๆอย่างในชีวิตให้กับเบล ทุกวันนี้ที่ไปทำงานตื่นเช้าจะแบบตี 4 ตี 5 แม่จะเป็นคนมาส่งทุกเช้าตลอด พอกลับไปก็เจอมารับที่หน้าประตู
เมื่อนึกถึงแม่อะไรที่ทำให้มีความสุขที่สุด?
เบลล่า : ทุกอย่าง โดยรวมของความเป็นแม่ เรารู้สึกดีใจแล้วก็ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกคุณแม่ อยากจะดูแลท่านแบบนี้ให้ดีที่สุดค่ะ

เรื่องอะไรที่เป็นห่วงคุณแม่มากที่สุด?
เรื่องหลักเป็นห่วงเรื่องสุขภาพค่ะ อยากจะให้คุณแม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมากกว่านี้ แล้วก็ควบคุมอาหารนะคะ เพราะว่าไม่อยากให้คุณแม่มีโรคประจำตัว
อย่ารอเวลาที่จะทำอะไร
เบลล่า : เรารู้สึกว่าในทุกๆ อย่าง มันรอไม่ได้ เราอย่ารอเวลาในการที่จะทำอะไร การสูญเสียคุณพ่อทำให้เข้าใจในสัจธรรมมากขึ้นเพราะว่ามันเกิดขึ้นกับตัวเราแล้ว เราเลยรู้สึกว่าในทุกๆ วันทุกๆ นาทีเราจะต้องทำมันให้แบบดีที่สุดจะได้ไม่มาเสียดายทีหลัง ก็รู้สึกว่าตัวเองดูแลแม่ได้ค่อนข้างดี พยายามจะพาเขาไปเที่ยวตอนที่ยังแข็งแรงอยู่ ก็แค่เห็นแม่แบบยกกล้องมาถ่ายรูปแบบเขามีรอยยิ้ม เมื่อได้ยินว่าอุ๊ยอันนี้สวย อันนี้อร่อย แค่นี้เราแบบเราทุกคนเป็นลูกก็ชื่นใจแล้วค่ะ อย่างทริปล่าสุดยังไม่ทันจะนั่งเครื่องบินกลับ คุณแม่ก็ถามแล้วว่าทริปหน้าเมื่อไหร่


คุณแม่มีวิธีการให้กำลังใจเบลล่าอย่างไรบ้าง?
เบลล่า : มันก็ไม่เชิงเป็นคำพูดหรอก แต่เหมือนเราเห็นในสิ่งที่เขาทำมากกว่า เขายังผ่านมันมาได้ในวันที่แบบยากๆอะไรอย่างนี้ส่วนมากมันก็จะเป็นเรื่องของกำลังใจ ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป มันไม่ได้มีทุกวันที่มันจะแย่ตลอด หรือว่าจะมีแต่เรื่องร้าย แล้วสุดท้ายทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันล้วนดีเสมอ สามารถกลั่นกรองเราให้เป็นคนที่ดีขึ้นหรือว่าเก่งขึ้นแกร่งขึ้นได้