account_circleห่างหายจากการปล่อยซิงเกิ้ลไปนานถึง 3 ปี ล่าสุดหนุ่ม แจ๊ค แบล็คแจ๊ค หรือ จารุพงศ์ กล้วยไม้งาม ก็คัมแบ็คเข้าสู่วงการเพลงอีกครั้ง ด้วยการส่ง “Thank You” เพลงรักที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ตรงมาให้แฟน ๆ ได้ฟังให้หายคิดถึง วันนี้ แพรว ได้เจอตัวหนุ่มแจ๊คเลยต้องให้อัพเดทชีวิตให้ฟังกันสักหน่อย
ใช้ชื่อแฟนเก่าตั้งชื่อเพลงใหม่ ถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ในแบบ แจ๊ค แบล็คแจ๊ค
ได้ฤกษ์ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังแล้ว ?
“เพลงที่เพิ่งปล่อยออกไปชื่อว่าเพลง “ขอบคุณ” หรือ Thank You เป็นการเอาประสบการณ์ในอดีต มาเล่าเป็นเพลงนี้ พอเรานึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา มันจะมีมากกว่า 1 อารมณ์ในนั้นอยู่แล้ว แน่นอนว่าในความไม่สมหวังย่อมมีความเสียใจ แต่ในความเสียใจก็มีความดีใจ ที่เรายังคิดถึงกันและกัน มีความโหยหา มีความเศร้า ความอบอุ่นซ่อนอยู่ เพลงนี้ทำให้ได้สัมผัสในมุมที่แจ็คโตขึ้น มีความซับซ้อนมากขึ้น”
หยิบเพลงนี้มาเล่าทั้งที่แผลยังสด ?
“ด้วยความที่นี่ก็เป็นเพลงแรกที่ได้ร่วมงานกับ XOXO Entertainment ด้วย เราอยากทำเพลงนี้ออกมาให้มีความเป็นมาสเตอร์พีซของแจ๊ค แล้วเราหยิบประสบการณ์ความรักที่สวยงามมาก ๆ และไม่มีคำไหนเหมาะไปมากกว่าคำว่า “ขอบคุณ” ซึ่งเรารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องออกมาในช่วงเวลานี้ ถ้าลองฟังดนตรีดี ๆ จะได้ยินอะไรเต็มไปหมดเลย แจ๊คค่อนข้างใช้เวลากับการทำเพลงนี้ค่อนข้างเยอะ”
คนโฟกัสที่ชื่อเพลง “Thank You”ที่เป็นชื่อของแฟนเก่า ?
“เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ ด้วยความที่เป็นประสบการณ์ที่ยังสดอยู่มาก สิ่งที่ต้องการจะสื่อในเพลงนี้ คือแจ็คต้องการขอบคุณ ซึ่งไม่มีภาษาอังกฤษคำไหนที่เหมาะไปมากกว่าว่า “Thank You” ส่วนคนที่จับโยง ก็แล้วแต่จินตนาการของเขาว่าจะเป็นไปในทางไหน”
ได้คุยกับแต้งกิ้วก่อนมั้ย ?
“คุยครับ แจ๊คคุยกับน้อง เรายังมีความหวังดีให้กันเสมอ เขามีรักครั้งใหม่ เราก็ยินดีกับเขา ก่อนปล่อยเพลงก็ส่งข้อความไปบอกเขาว่าเราจะใช้ชื่อเพลงแบบนี้นะ และเราจะหลีกเลี่ยงการกระทำทุกอย่างที่ตัวเขาจะต้องลำบากใจ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นใน MV เลยไม่มีการเจาะจงอะไร แต่เป็นการพูดในมุมของแจ๊คคนเดียว พอเขาได้ฟังน้องก็บอกว่าเพลงดีมาก ตัวเขาก็ชอบ”
คาดหวังกับการกลับมาครั้งนี้ยังไงบ้าง ?
“อยากให้คนเห็นเราในมุมที่โตขึ้น ด้วยความที่แจ๊คค่อนข้างใส่ใจและอินกับทุกการทำงาน เราตั้งเป้าว่าจะต้องจริงจังและจริงใจกับทุกสิ่งที่สื่อออกมา ทำให้ได้พรีเซนต์ตัวตนของเราผ่านผลงานในแต่ละช่วงเวลา ตอนที่เป็นบอยแบนด์ก็มีความสดใส พอเป็นแบล็คแจ๊ค ก็มีความจริงจัง มีความดาร์กในเชิงแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่สื่อออกมาตรง ๆ แล้วพอมีโอกาสได้ทำงานกับต่างชาติ ทำให้เราตีความงานต่าง ๆ ซับซ้อนมากขึ้น“
คลุกคลีกับวงการเพลงมานาน คิดว่ามันมีจุดที่จะเดินไปถึงทางตันมั้ย ?
“ไม่มีทางครับ เพราะเพลงคือแฟชั่น ที่มีการหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นไม่มีทางตันแน่นอน ตราบใดที่ยังมีคนฟังอยู่ ข้อดีของยุคนี้คือค่อนข้างเปิดกว้าง คนเราแสดงออกถึงความเป็นตัวตนที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ คนฟังมีอำนาจในการเลือกที่จะฟังแบบไหน เปรียบเหมือนอาหาร คนคงไม่ได้กินผัดกะเพราทุกวัน คงมีบางวันที่อยากกินก๋วยเตี๋ยวบ้าง งั้นเราก็ต้องเลือกที่จะเป็นก๋วยเตี๋ยวบ้างดีกว่า”
เป้าหมายสูงสุดในการทำงานของเรา ?
“เรามองว่าตัวเองเป็นศิลปิน งานของเรา คือ งานอาร์ตทุกรูปแบบ จุดที่เราต้องการไปถึง คือ การไปสู่นานาชาติให้ได้ ซึ่งมันก็เริ่มไปในแต่ละสาขา ทั้งงานเพลงและงานแสดงที่มีประเทศเพื่อนบ้านของเราได้ดู ทำให้เราได้มีฐานแฟนคลับที่กว้างมากขึ้น ยิ่งทำให้เราสนุกกับการทำผลงานแบบนี้ออกมาเยอะ ๆ เหมือนน้ำที่มีแรงกระเพื่อมออกไปเรื่อย ๆ และออกไปให้ไกลที่สุด นี่คือ ชาเลนจ์ของผมครับ”
การที่ได้ชาเลนจ์ตัวเองก็เหมือนการเติมเชื้อไฟให้กับการทำงานใหม่ ๆ ?
“ใช่ครับ แจ๊คเชื่อในเรื่องของแพสชั่น KPI ในการทำงานทำของเรา อาจจะถูกวัดด้วยยอดวิว แต่สำหรับแจ๊ค แค่มีคนเดินมาบอกว่าขอบคุณที่ทำผลงานนี้ออกมา นั่นต่างหากคือความสำเร็จของงานชิ้นนั้น”
ทุกผลงานของแจ๊คต้องเพอร์เฟค ?
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเอาไม้บรรทัดอันไหนมาวัด คำว่าเพอร์เฟคสำหรับแจ๊ค คือ เชื่อว่าเราทำได้ดีที่สุด ณ โมเมนต์นั้น ๆ แล้ว แจ๊คค่อนข้างเป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิสในการทำงานมาก เพราะค่อนข้างจริงจัง คอยเช็คผลงานตัวเองตลอด แต่ไม่กดดัน แจ๊คเชื่อว่าตัวเองเป็นโปรดักส์ ที่เมื่อไฟสาดมา โปรดักส์ชิ้นนี้จะต้องพร้อมหรือใกล้เคียงความพร้อมอยู่เสมอ นั่นหมายความว่าเราต้องเป็นโปรดักส์ที่พรีเมี่ยม และมีจุดยืนที่ชัดเจนเสมอ”
มุมมองความรักเปลี่ยนไปมั้ยหลังจากที่ไม่สมหวัง?
“ไม่เปลี่ยนเลยครับ แจ๊คมองว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ และความรักที่สวยงามจริง ๆ แล้วอาจจะไม่ต้องครอบครองด้วยซ้ำ ทุกวันนี้เราก็ยังหวังดีต่อกันเสมอ ตอนนี้ความรักมันก้าวข้ามความเป็นชายหญิงไปแล้ว มันคือความรักตัวตนของกันและกัน”
พร้อมที่มูฟออนแล้ว ?
“ยังไม่พร้อมครับ(ยิ้ม) อย่างที่บอกว่าแจ๊คเช็คตัวเองอยู่เสมอ รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับใครใหม่ในแบบที่เคยเป็น แจ๊คเชื่อว่าถ้าโชคดีพอ เราอาจจะเจอคนคนนั้นที่เป็นพาร์ทเนอร์ เป็นทุกอย่างในชีวิต แจ๊คเชื่อในเรื่องพลังงาน ถ้าเราต้องการพลังงานแบบไหน เราจะเป็นฝ่ายส่งให้เขาก่อนโดยไม่ต้องขอ ฉะนั้นพรหมลิขิตก็เริ่มจากเราเป็นคนให้ก่อน แต่จะเมื่อไหร่คงไม่มีใครตอบได้”
ฝากผลงานสักหน่อย ?
“เพลง Thank You ถูกสร้างขึ้นด้วยความรัก และส่งต่อด้วยความรักจริง ๆ อยากให้มาลองได้สัมผัสดูว่ารู้สึกอะไรกับเพลงนี้บ้าง เชื่อว่าเพลงนี้จะทำให้มุมมองความรักของคุณเปลี่ยนไป อยากให้ทุกคนสนับสนุนเพลงนี้ และติดตามผลงานของแจ๊คต่อไปเรื่อย ๆ นะครับ”