จากนักกีฬา สู่นักแสดง ขึ้นแท่นบทบาทพระเอกครั้งแรกของ ริว – วชิรวิชญ์ 

account_circle

ริว – วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล เป็นที่รู้จักจากการเป็นหนึ่งในสมาชิก 9 x 9 (ไนน์บายนาย) และละครเลือดข้นคนจาง (2561) ด้วยรูปร่างสูงสมาร์ท หน้าตาที่โดดเด่น จึงทำให้เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง เริ่มจากการเดินแบบ เป็นนักแสดงและศิลปิน และล่าสุดกับบทบาทพระเอกครั้งแรกในละครเรื่องพฤษภา- ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน

จากนักกีฬา สู่นักแสดง ขึ้นแท่นบทบาทพระเอกครั้งแรกของ ริว – วชิรวิชญ์

จุดเริ่มต้นที่โต๊ะกินข้าว

“สมัยเด็กผมไม่มีความคิดเรื่องเข้าวงการเลยนะ เพราะค่อนข้างขี้อาย ขนาดเวลาพูดหน้าชั้นเรียนยังรู้สึกไม่มั่นใจเลย  ซึ่งตอนนั้นผมชอบเล่นเกมมาก คุณพ่อจึงอยากให้หากิจกรรมทำ โดยเฉพาะเล่นกีฬา ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล ว่ายน้ำ
เทควันโด ลองมาหมด แต่สุดท้ายมาหยุดที่ปิงปองตอนอายุ9 ขวบ

“เหตุผลแรกคือความสนุก สองคือความบังเอิญด้วยส่วนหนึ่งครับ (หัวเราะ) เรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นผมกับพ่อไปบ้านของเพื่อนพ่อ ระหว่างรอท่านคุยกัน ผมก็หยิบไม้ปิงปองเก่าๆที่วางอยู่แถวนั้นมาเล่น ตีไปตีมารู้สึกว่าสนุกดี พอกลับบ้านจึงบอกพ่อว่า ‘ริวอยากตีปิงปอง’ วันรุ่งขึ้นเราก็ไปซื้อไม้ปิงปองที่ห้าง แล้วกลับมาตีบนโต๊ะกินข้าว นี่แหละครับจุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬาของผม (ยิ้ม)

“จากนั้นก็ติดใจและฝึกซ้อมมาตลอด จนได้เป็นนักกีฬาโรงเรียนและติดตัวแทนเยาวชนทีมชาติ ยิ่งพอได้เป็นนักกีฬา  ทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่แค่การตีลูกกลมๆให้ลงอีกฝั่งของโต๊ะ แต่ต้องใช้เทคนิคต่างๆ ถ้าเขาตีมาแบบนี้ เราจะรับอย่างไร  จะแก้เกมแบบไหน และเป็นกีฬาที่เร็วมาก แต่ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา เพื่อแก้จุดอ่อนของตัวเอง รวมถึงหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ให้ได้ นี่แหละครับเสน่ห์ที่ทำให้ผมหลงรักปิงปอง

“และการเป็นนักกีฬานี่แหละครับที่ทำให้มีคนเห็นผม แล้วติดต่อให้ไปลองแคสติ้งงานกับเรียนการแสดงตอนอายุ 13 – 14 ปี ซึ่งพอได้เรียนผมก็ชอบนะครับ เพียงแต่ตอนนั้นรู้สึกว่าเรายังเด็กไป และคิดว่าอาจจะไม่ใช่ตัวเราหรือเปล่า จึง
กลับไปตีปิงปอง ทุ่มเทกับการฝึกซ้อมเหมือนเดิม

“กระทั่งอายุประมาณ 17 ปีเริ่มมีความคิดอยากทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่บ้าง จึงติดต่อพี่ที่เคยชวนผมตอนนั้นว่าอยากลองเดินแบบ ผมจำได้ว่าตอนนั้นได้เจอกับป้าตือ (สมบัษร  ถิระสาโรช) เขาบอกว่าให้ลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัม เพราะตอนนั้นผมตัวใหญ่ หนักประมาณ 80 ได้ครับ จึงกลับไปลดน้ำหนัก ฮึดจนทำได้กว่า 10 กิโลในหนึ่งเดือน และเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เดินแบบและออดิชั่นเป็นนักแสดงของช่อง 3

“ซึ่งระหว่างนั้นผมก็ยังเป็นนักกีฬาลงแข่งรายการ ต่าง ๆ อยู่ตลอด กระทั่งตอนที่เริ่มทำโปรเจ็กต์ไนน์บายนาย เป็นปีสุดท้ายสำหรับการแข่งขันรุ่นเยาวชน (อายุไม่เกิน 18 ปี) จึงถือเป็นการทิ้งทวน จากนั้นก็ลุยทำงานเต็มตัวเลยครับ (ยิ้ม) ยอมรับว่าเลือกยากเหมือนกัน ถ้าจะขยับไปเป็นนักกีฬาทีมชาติ ต้องฝึกซ้อมทุกวัน ทุ่มเทเต็มที่ แต่ตอนนั้นโอกาส
งานในวงการก็เริ่มมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบและอยากทำเช่นกัน”

So Cool!

“ผมโชคดีมากที่ในเรื่อง พฤษภา – ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน จากเดิมบทเขียนว่าพระเอกเป็นนักกีฬายิมนาสติก แต่พอผมได้รับเลือกให้แสดงและพี่ๆ ทีมงานรู้ว่าผมเป็นนักกีฬาปิงปองจึงปรับบทใหม่ แต่ตอนแสดงไม่เหมือนกับตอนเล่นจริงนะครับ เพราะเวลาแข่งเราจดจ่อกับลูกปิงปอง ตีโต้กับคู่ต่อสู้ พอแสดงผมต้องตีกับลม ต้องมองกล้อง ก็ถือว่ายากอยู่ครับ (ยิ้ม)

“ทุกวันนี้ถ้ามีเวลาผมก็ยังตีปิงปองอยู่นะครับ เพราะเป็นอีกสิ่งที่ผมรัก (ยิ้ม) แต่คงไม่ถึงขนาดลงแข่งขัน เพราะต้องฝึกซ้อมจริงจัง แต่ผมคิดว่าข้อดีของการเป็นนักกีฬาคือทำให้มีวินัยและความอดทน ซึ่งนำมาใช้ในการทำงานได้ดีอย่างก่อนหน้านี้ผมถ่ายละครพร้อมกัน 3 เรื่อง และมีบทบู๊ด้วย ต้องใช้ร่างกายค่อนข้างหนัก การเป็นนักกีฬาช่วยได้มากครับ

“ก่อนโควิดผมจะออกกำลังกายด้วยการไปฟิตเนส ยกเวต แต่ช่วงหลังเน้นวิดพื้นหรือแพลงก์ที่บ้านแทนครับ แต่ถ้าช่วงที่ต้องการควบคุมรูปร่างแบบจริงจัง ผมจะปั่นจักรยาน กระโดดเชือก วิ่ง และคุมอาหาร คือลดข้าว ของทอด ของหวาน แล้วกินมันเทศกับอกไก่ต้ม แต่ขอใส่ซอสเพิ่มรสชาตินิดหนึ่งนะครับ (หัวเราะ)

“นิสัยอีกอย่างของผมคือไม่ค่อยแสดงความรู้สึกจะค่อนข้างเก็บทุกอย่างไว้ข้างใน ผมรู้สึกว่าเราต้องคุมความเท่ของตัวเองไว้(หัวเราะ) จะให้ใครเห็นน้ำตาไม่ได้อย่างตอนเด็กเวลาโดนดุหรือเสียใจ ผมจะคีพลุคแบบพระเอกเอ็มวี แกล้งมองไปทางอื่นแล้วฮึบ! กลั้นน้ำตาไว้

“ยึดคติเท่ไว้ก่อนมาตั้งแต่เด็กเลยครับ” (หัวเราะ)


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 975

Praew Recommend

keyboard_arrow_up