“เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์” เธอคือ CEO หญิงเก่งแห่ง The Na Thailand แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่เติบโตแบบฉุดไม่อยู่พร้อมกับการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง และการยึดมั่นในความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทุกผลิตภัณฑ์จาก The Na Thailand
กว่าจะเป็นนักธุรกิจหญิงเก่ง
“แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของเกรซ อย่างแรกคือด้วยต้นทุนชีวิตที่ต้องดิ้นรน อย่างที่สองคือการเห็นคุณพ่อคุณแม่มีความสุขกับการทำอาชีพค้าขายมาโดยตลอด ซึ่งหากย้อนไปตอนเด็กๆ ที่คุณครูถามถึงความฝัน เกรซก็จะตอบทันทีว่า ‘หนูอยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จค่ะ’ เพราะภาพของคุณพ่อคุณแม่ที่ทำงานหาเลี้ยงเราด้วยอาชีพค้าขาย การได้เห็นรอยยิ้มของลูกค้า การได้เห็นความสุขของคุณพ่อคุณแม่จากการทำอาชีพนี้ เป็นภาพแรกที่เกรซนึกถึงเสมอ
“เกรซมีโอกาสได้เริ่มทำธุรกิจแบบจริงจังตอนอายุ 18 ปี เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี บวกกับเป็นช่วงที่ครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงิน เกรซจึงอยากแบ่งเบาภาระที่บ้าน เลยตัดสินใจขายของมือสองแบบแบกับดิน โดยเริ่มจากการขายเสื้อผ้าของตัวเอง เพราะใช้เงินทุนต่ำที่สุด พอขายได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ก็นำไปต่อยอดด้วยการซื้อของมือสองมาขายเพิ่ม โดยทำความสะอาดและซ่อมแซมให้ดีก่อนขาย เรียกว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตครั้งสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกรซมีวันนี้”
จุดเริ่มต้นของ The Na Thailand
“The Na Thailand มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่เกรซเป็นหนี้ โดยเป็นช่วงที่รับของมาขาย แต่ซัพพลายเออร์ส่งสินค้าไม่ดีมาให้ ทำให้ของขายไม่ออก เกรซพยายามแก้ปัญหาทุกทาง จนสุดท้ายก็สามารถปลดหนี้ได้จากการเปลี่ยนไปขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เข้าสู่วงการธุรกิจออนไลน์หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าจะเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างแน่นอน
“ส่วนเหตุผลที่ The Na Thailand เป็นสินค้าความงามและสุขภาพ เพราะเกรซเป็นคนรักสวยรักงาม เป็นคนที่มีความสุขกับการดูแลตัวเอง ดังนั้นจึงคิดว่าถ้าเราจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างให้ได้ยาวๆ ก็ต้องทำบนพื้นฐานของความชื่นชอบ ความหลงใหลของตัวเอง บวกกับเกรซมองว่าคนทุกยุคทุกสมัยเป็นเหมือนกันหมด คือต้องการดูแลตัวเองให้ดีที่สุด กลัวแก่ กลัวเจ็บ กลัวตาย ดังนั้นสินค้าความงามและสุขภาพจึงเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุด
“สำหรับชื่อ The Na Thailand มาจากคำว่า Naivety ที่แปลว่าความซื่อตรง เกรซจึงตั้งมั่นเอาไว้ว่าจะซื่อสัตย์ต่อลูกค้าทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพราะ The Na Thailand เติบโตได้เพราะลูกค้า รวมถึงใครก็ตามที่ร่วมงานกับเรา ก็ต้องยึดมั่นในความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง”
เข้าเส้นชัยแบบเกินฝัน
“ความสำเร็จของ The Na Thailand แม้ว่าจะมีช่วงที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่บ้าง แต่เกรซขอใช้คำว่า ‘เกินคาด’ ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องยอดขาย แต่รวมถึงเรื่องผลตอบรับด้วย ยกตัวอย่างความสำเร็จของสินค้าตัวแรก Multivitamin Plus ซึ่งเป็นอาหารเสริมเพิ่มน้ำหนัก ที่วันนี้ไปเล่าให้ใครฟัง ทุกคนก็จะสงสัยว่ามีผลิตภัณฑ์แบบนี้จริงๆ เหรอ แต่เกรซสามารถพลิกประวัติศาสตร์สร้างยอดขายในปีแรกได้ถึง 250,000 กระปุก ซึ่งความสำเร็จนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญของ The Na Thailand ที่ตอกย้ำว่าเราเติบโตได้เพราะลูกค้า ทุกความต้องการและความคิดเห็นของลูกค้าเป็นไอเดียสำคัญในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของเรา อีกทั้งเกรซยังใช้หลักการสวมหมวก 2 ใบอยู่เสมอ คือเป็นทั้งผู้ประกอบการและลูกค้า เพื่อคิดต่อว่าเราจะสามารถทำอะไรให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้บ้าง
“ส่วนผลิตภัณฑ์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ณ ตอนนี้คือ Probalance Jelly นวัตกรรมโปรไบโอติกรูปแบบเจลลี่ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ดีในลำไส้ และปรับระบบขับถ่ายให้สม่ำเสมอ รสชาติอร่อยทานง่ายมากๆ ชนิดที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน โดยคัดจุลินทรีย์สายพันธุ์คุณภาพและเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในระบบทางเดินอาหาร และเป็นสินค้าที่ได้รับรางวัลระดับโลกอีกด้วย
“อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ Multivit Soy Isolate ที่ได้รับรางวัล Korea Consumer Index No.1 2020 รางวัลอันดับ 1 สินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพในกลุ่ม “สินค้าโปรตีน” จากประเทศเกาหลี ด้วยคะแนนโหวตจากผู้บริโภค ผลสำรวจจาก Sportsseoul เป็นโปรตีนสกัดจากถั่วเหลืองน้ำสีฟ้าที่รสชาติแปลกไม่เหมือนใคร เพื่อให้สารอาหารครบถ้วน แคลอรี่ต่ำ ทานง่าย รสชาติอร่อยไม่เหมือนใครช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาพลาญ ตามคอนเซ็ปต์แบรนด์ “ความดูดีที่วัดได้”
แนวคิดสู่ความสำเร็จ
“ในการทำธุรกิจ สิ่งที่หลายคนกลัวคือปัญหา และไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่เกรซอยากแนะนำให้ลองเปลี่ยนความคิดเป็นมองว่าปัญหาคือความสุข เป็นความสุขที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราแก้ไขปัญหานั้นได้ แม้การเผชิญหน้ากับปัญหาอาจจะทำให้เรารู้สึกดำดิ่ง แต่ก็จะมีจุดหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีใจที่สามารถผ่านมาได้ และหากลองคิดกลับกัน ถ้าเราผลักปัญหาออกไป เราก็จะไม่มีวันได้พบกับความสุข
“อีกอย่างคือเกรซคิดว่าในการเป็นผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตาม เราควรทำตัวเป็นน้องใหม่ที่มีความสดใหม่อยู่เสมอ เพราะในโลกธุรกิจยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ อย่าเพิ่งภูมิใจในความสำเร็จของตัวเองมากจนเกินไป อย่าคิดว่าฉันรู้แล้ว ฉันเก่งแล้ว ฉันมั่นใจ เพราะถ้าเราคิดแบบนั้น มันอาจจะทำให้เราหยุดพัฒนาตัวเอง
“แน่นอนว่าเบื้องหน้าของคนที่ประสบความสำเร็จเป็นภาพที่สวยงาม แต่เบื้องหลังเขาผ่านอะไรมาบ้าง ไม่มีใครรู้ เขาอาจจะผ่านทั้งการอดหลับอดนอน ความเจ็บปวด ดังนั้นสิ่งที่เกรซอยากฝากเอาไว้คือการมีความอดทน และความมีวินัย ไม่มีใครที่ทำวันนี้ แล้วจะสำเร็จได้ในวันพรุ่งนี้ ทุกความสำเร็จที่เราเห็นมาจากการฝึกฝน ความอดทน และความมีวินัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกคนควรมี”