‘หนังสือรุ่น’ ซีรีส์เรื่องแรกของมีนในฐานะผู้กำกับ ครั้งแรกของแมน ลิตเติ้ล ในฐานะนักแสดง

account_circle

เพิ่งลาจอไปเมื่อวันพฤหัสที่แล้ว กับซีรีส์คุณภาพ ‘หนังสือรุ่น’ ที่ฉายทางช่อง Line TV ทั้งหมด 8 ตอนด้วยกัน เล่าถึงมิตรภาพและความรักของ ‘ภพ’ ที่รับบทโดยแมน-ศุภกฤต จรูญเมธา และ ‘นัท’ รับบทโดย ลิตเติ้ล-เตชินท์ อนุศาสนนันท์ ซึ่งความพิเศษของเรื่องนี้ได้ มีน พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร นั่งแท่นผู้กำกับร่วมครั้งแรกในชีวิต

‘หนังสือรุ่น’ ซีรีส์เรื่องแรกของมีนในฐานะผู้กำกับ ครั้งแรกของแมน ลิตเติ้ล ในฐานะนักแสดง

อยากให้มีนเล่าถึงการเป็นผู้กำกับครั้งแรกให้ฟังหน่อยค่ะ

“ผมนั่งอยู่หน้าจอตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม ก็นำประสบการณ์ที่เราแสดงหน้าจอมาใช้ในงานเบื้องหลังเยอะ ปัญหานึงในวงการบันเทิงคือ นักแสดงมักจะเล่นไม่ได้อย่างใจผู้กำกับ และผู้กำกับก็มักสื่อสารไม่ได้อย่างใจนึก เช่น ผู้กำกับบอกว่า ยังเศร้าไม่พอ แต่นักแสดงบอกว่า เศร้ามากแล้ว ถ้าให้เศร้ากว่านี้กว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่พอเราเป็นนักแสดงมาก่อน ก็รู้ว่า ฉากนี้แสดงเศร้าแล้วแหละ แต่คนแสดงเขายังเก็บตัวเองไว้อยู่ เราก็ต้องบอกว่า ‘เศร้าแล้ว แต่ปล่อยออกมาได้อีก’ พอเราเป็นนักแสดงมาก่อน ก็สามารถสื่อรายละเอียดตรงนี้ได้ดี เหมือนทำหน้าที่แอคติ้งโค้ชไปในตัว”

วิธีการทำงานของมีนเป็นยังไงบ้างคะ

“สำหรับการเตรียมตัวก่อนไปกองถ่าย ด้วยความที่บทถูกพัฒนามาโดยผมที่ร่วมเขียนบทด้วย จึงรู้เรื่องทั้งหมด อ่านจนจำได้ว่าอะไรอยู่หน้าไหน แค่ต้องตื่นเช้า ประมาณตี 4 ครึ่ง พอไปถึงกองถ่าย คุยกับตากล้อง ว่าต้องใช้มุมภาพแบบไหน จากนั้นก็ไปนั่งหน้ามอนิเตอร์ลากยาวไปถึงจนดึก พอถ่ายจบ เราจะรู้เลยว่า วันนี้พลาดตรงไหน โดยปกติจะถ่ายติดกัน 2-3 วัน แล้วก็พัก ช่วงนั้นเราก็จะใช้เวลาคุยกันครับ ว่ารอบหน้าต้องปรับอะไรบ้าง โดยเราจะถ่ายไปทีละซีน พอถ่ายเสร็จ ก็จะดูเป็นซีนๆ ครับ แต่ไม่ได้ถ่ายเรียงตามลำดับตอน คือ บางทีถ่ายตอนที่ 1 แล้วข้ามไปตอนที่ 8 ก็มี เพราะฉะนั้นต้องจำอารมณ์ในหัวว่า เรื่องไปถึงตรงไหน พอถ่ายเสร็จก็เข้าห้องตัด ถึงตรงนี้ก็ต้องไปคุมการตัดอีกทีด้วยว่าเป็นยังไง

มาถึงแมนกับลิตเติ้ลบ้าง มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ได้ยังไงคะ

ลิตเติ้ล “ก่อนหน้านี้เติ้ลรู้จักกับพี่สนุ๊ก (ผู้จัดการ) อยู่แล้ว ก็มาชวนพี่แมนว่า ไปหาพี่สนุ๊กกัน แกมีเรื่องอยากคุยด้วย

แมน   “พอไปถึง แมนพอได้ฟังบทคร่าวๆ ก็น่าสนใจดีนะ แมนแคสหลายบทมาก ก่อนจะมาได้บท ภพ เพราะสุดท้ายเคมีเราเข้ากับบทนี้สุด”

เคยคิดอยากทำงานในวงการบันเทิงมาก่อนมั้ย

แมน   “พูดตามตรงเลยนะ แมนเคยแอบแอนตี้วงการนี้ เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะเคยได้ยินคนพูดว่า เป็นวงการมายา แต่พอได้เข้ามาทำจริงๆ พาร์ทการทำงานสนุกมาก เหมือนเราได้เป็นอีกคนนึง ซึ่งก่อนหน้านี้เราเป็นตัวเองมา 20 กว่าปี แต่ต้องไปเป็นใครไม่รู้ในเวลา 3 เดือน มันท้าทายมาก”

ลิตเติ้ล “ตัวเติ้ลเองสนใจวงการบันเทิงมานานแล้ว เพราะคุณพ่อก็เคยเป็นนักแสดงมาก่อน แต่เรายังไม่เคยได้ลอง พอได้โอกาสดีๆ ก็มีความสุขนะ”

ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน พอมาเล่นด้วยกันเขินมั้ย

แมน “ไม่นะ แมนสบายใจที่ได้เล่นกับคนที่สนิทกัน เวลาที่เจอซีนที่ยากมาก เราก็บ่นด้วยกันได้

ลิตเติ้ล “ใช่ครับ”

ซีนที่ว่ายากเป็นประมาณไหน

แมน   “ซีนที่เราต้องเล่นคนเดียว เหมือนต้องคิดภาพในตัวให้ชัดเจนกว่าเดิม เนื่องจากไม่มีคนช่วยส่งบทให้ ซีนยากของแมนอยู่ที่ Ep. 5 เติ้ลเขาจะเข้ามากอดจากด้านหลัง แล้วแมนต้องหันหน้าไปคุยกับเสา อันนั้นยาก เพราะไม่ได้มองหน้ามองตา ต้องทำอารมณ์เอง”

ลิตเติ้ล  “สำหรับเติ้ลคือ ตอนท้ายของEp. 2 ต้องนั่งซ้อนท้ายจักรยานแล้วต้องทำอารมณ์ไปด้วย ก็ค่อนข้างยาก เพราะต้องทำอารมณ์คนเดียว คือตอนทำเวิร์คช็อป เราแสดงพร้อมกันทั้ง 2 คน เล่นด้วยกันตลอดเวลา พอบางซีนต้องถ่ายคนเดียวก็ยาก”

 ฉากไหนเขินสุดคะ

แมน   “คงจะเป็นเลิฟซีน คือเลิฟซีนเรื่องนี้ไม่ใช่แนวเอะอะมาเจอกันแล้วก็ฟุ๊บ… เข้าเลิฟซีนเลย แต่มันจะเป็นเลิฟซีนที่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวด้วย เช่น ทะเลาะกันมาก่อนจึงแอบมีความหน่วง หม่น กลิ่นดราม่า แต่เล่นด้วยกันยังไงก็เขิน

ลิตเติ้ล  “ของเติ้ลจะเป็นเลิฟซีนแนวน่ารักใสๆ จะมีตอนนึงที่ ภพแอบขโมยจุ๊บนัท ซึ่งตอนถ่ายทำ เติ้ลไม่รู้ตัวว่า จะมีฉากนี้ ไปรู้สดหน้างานเลย เพราะพี่มีนพยายามจะซ่อนไว้ ไม่ให้ผมรู้ว่า ต้องทำอะไร รู้ตัวอีกทีคือ พี่แมนเข้ามาหอมแล้ว อันนั้นก็คือ เขินเลย”

แมน   “เวลาเขินเราก็คุยกันนะ เพื่อปรับอารมณ์กัน เติ้ลก็จะถามแมนว่า ซีนนี้อารมณ์ถึงแล้วยัง เล่นไปให้ถึงจุดไหนดี หรือเรายังไม่ถึง จะได้นำมาปรับในฉากถัดไป”

การเล่นซีรีส์เรื่องแรกของเด็กที่เรียนสายวิทย์มาด้วยกันทั้งคู่ (แมน เรียนปริญญาโท สถาปัตย์ฯ มธ. ลิตเติ้ลเรียนคณะวิศวะ มธ.) ยากมั้ยคะ

แมน   “ยากเพราะเราใหม่ แมนไม่เคยแตะงานในวงการด้านไหนมาก่อน เรื่องนี้คือ ครั้งแรกเลย แต่พอไปเรียนเวิร์คช็อปก็ค่อยดีขึ้น แสดงได้บ้าง แต่ไปถึงหน้างาน ก็จะมีเรื่องยากเช่น เทคนิค มุมกล้อง ต้องหันหน้ากี่องศา เสียงพูดต้องประมาณไหน คือยากทุกอย่าง

“อีกเรื่องคือ เนื้อหาของเรื่องนี้อยู่ในปี 2000 ต้นๆ ซึ่งแมนกับเติ้ลเกิดไม่ทัน เราต้องทำการบ้านว่า คนยุคนั้นใช้ชีวิตยังไงบ้าง ศัพท์บางคำที่เราไม่เคยรู้จัก เช่น แจ่มแจ้งแดงแจ๋ ก็ต้องคอยถามพี่สนุ๊กว่า หมายถึงอะไร

ลิตเติ้ล “ส่วนตอนเวิร์คช็อปกับแสดงจริงๆ ไม่เหมือนกันเลย เพราะมีอย่างอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม มันส่งผลหมดเลยครับ”

สำหรับมีน งานยากของการเป็นผู้กำกับเรื่องแรกคืออะไรคะ

“เป็นช่วงที่ต้องถ่ายทำ เพราะต้องนั่งหน้ามอนิเตอร์ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม นั่งอยู่เฉยๆ แล้วก็ดูแต่หน้าจอ บางซีนคือยากมาก ถ่ายยังไงก็ไม่ได้ เป็น 10 เทคแล้ว เราเองก็มีอารมณ์ เหนื่อย ไม่ไหวแล้ว นักแสดงก็คงเหมือนกัน แต่ในเมื่อมันยังไม่ใช่เท่าที่ใจอยากได้ ก็ต้องเอาอีก ทำใหม่อีก  ก็ต้องมีมุมโหดบ้าง เพื่อให้ได้มาตรฐาน

 โหดประมาณไหน

มีน “น้องๆ บอกว่าผมโหดนะ แต่ผมว่า ตัวเองจริงจังมากกว่า เพราะอยากให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วพอทำงานแข่งกับเวลา เราก็จะเล่นไม่ได้ ต้องเสียงดังบ้าง อะไรบ้าง

แมน “คือ เมื่อไหร่ที่เริ่มทำงาน เสียงสเลทตีดังแป๊ะ พี่มีนก็จะเริ่มโหดละ เขาไม่เน้นดุ เน้นสอนมากกว่า แต่จริงๆ ก็คือแอบดุนะ (หัวเราะ) แล้วด้วยความที่เราใหม่ ก็กดดัน กลัวเขา เพราะถ้าเราไม่ได้ มันก็กระทบหลายพาร์ท”

 พอเจอสถานการณ์อย่างนั้น มีวิธีเรียกอารมณ์กลับมายังไง

ลิตเติ้ล  “ดีที่มีคนช่วยหลายคน เช่น แอคติ้งโค้ท หรือนักแสดงที่เข้าฉากด้วยกัน พอมีเวลาเขาก็จะเข้าสอนเราตลอดเลย

แมน   “พอเราเริ่มรู้ตัวเองว่าไม่ได้ ยิ่งโดนหลายเทคยิ่งกดดัน ก็พยายามมาคุยกับเติ้ลว่า ลบการแสดงอันเก่าออกไป เพราะที่ซ้อมมาไม่ผ่านว่ะ

ไปซีเรียสกับมัน ก็จะใช้ช่วงเวลาระหว่างที่ทีมงานเซ็ตไฟ และกล้อง คุยกันแล้วว่าทำยังไงดี

ลิตเติ้ลเติ้ลจำที่พี่มีนพูดได้ว่า ไม่ว่าซีนนั้นเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถ้าเราเล่นไม่ได้หรือเล่นไม่ดี ให้จบในซีนนั้น แล้วไปทำซีนต่อไปให้ดี เพราะเมื่อไหร่ที่ผู้กำกับสั่งคัท แล้วบอกว่าผ่าน คือผ่านจริงๆ เราเป็นนักแสดง อาจจะเห็นแค่มุมที่เราเล่น แต่ผู้กำกับเขาเห็นทั้งหมด ให้เชื่อใจเขา จะได้ไม่เสียเวลากับซีนถัดไป”

แมนกับลิตเติ้ล ได้ใช้ประสบการณ์ของตัวเองเข้ามาช่วยในซีรีส์บ้างมั้ย

แมน   “มีครับ ด้วยความที่เราสนิทกัน รู้จักกันมาก่อนจะถ่ายซีรีส์ เพราะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยกันทั้งคู่  ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย คุยกันได้ทุกเรื่อง ก็หยิบตรงนั้นมาใช้ได้เยอะ แมนก็จะมีจินตนาการว่า ถ้าเราไม่ได้เจอเติ้ลนานมากจะเป็นยังไงนะ ก็จะใช้ความรู้สึกนั้นมาช่วยด้วย

ลิตเติ้ล  “ของเติ้ลจะเป็นเรื่อง แบคกราวน์ของตัวละครนัท เป็นเด็กกรุงเทพฯ ที่ต้องย้ายมาเรียนที่ประจวบ ตรงนี้ก็เหมือนเติ้ล เพราะแต่ก่อน อยู่ต่างจังหวัดตลอด แล้วต้องย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็จะเข้าใจความรู้สึกของเด็กที่ย้ายเมือง”

กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง

มีน “โอเคเลยนะ ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ คือผมไม่กล้าหวังสูง หวังแค่ประมาณนึง ซึ่งพอกระแสออกมา มีคนชื่นชม ก็ดีใจ เพราะมันไม่ค่อยมีซีรีส์แนวนี้ออกมาในตลาดเท่าไหร่ พอคนดูมากขึ้น ยิ่ง Ep. 4-Ep. 5 ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ก็ดีใจนะ ดีใจที่คนชื่นชม มีคนดูในวงกว้าง ก็หวังว่าจะถูกแชร์ต่อไปเรื่อยๆ เยอะๆ

แมน   “ส่วนผมตอนนั้น ตื่นเต้น กระโดดเลย คืนนั้นที่ฉาย Ep.5 ยังพูดกันเล่นๆ เลยว่า ถ้าติดเทรนด์เลขตัวเดียวก็นอนสบาย ฝันดีแล้ว แล้วพอมันขึ้นไปถึงที่หนึ่ง กระโดดแทบจะกรี๊ด

ลิตเติ้ล “ต้องขอบคุณแฟนๆ ที่ซัพพอร์ต รีทวิตกันขนาดนี้”

ชอบตอนไหนมากที่สุดคะ

แมน   “ตอนจบครับ เพราะตั้งแต่อ่านบทมา ซีนจบมันมีความแปลกใหม่ และมีความหมายของมัน ทุกๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา รวมไปถึง key massage จากตอนก่อนๆ จะมาอยู่ตรงนี้ ซึ่งเราก็มีภาพในหัวตั้งแต่อ่านบทแล้ว ว่ามันจะเป็นยังไง แต่พอได้เล่นจริงก็ชอบ ดีหมดทุกอย่าง ทั้งเรื่องแสง อารมณ์ และภาพ

ลิตเติ้ลเติ้ลชอบทุกตอนนะ เราประทับใจกับมันมาก เป็นเรื่องของคนสองคนที่รักกันมากๆ ไม่ว่าจะเจอเรื่องแย่ๆ ก็ยังมีคนที่คอยซัพพอร์ตตลอดเวลา

อยากให้แฟนๆ ลองติดตามนะครับ


ย้อนชมทุกตอนได้ที่ช่อง Line TV

เรื่อง Fai

ภาพ warry_d_warry

สถานที่ ร้าน Filandfiles โทร.081-010- 1031

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up