ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาล

ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล “มีวันนี้ได้เพราะพยายาม รางวัลสำหรับความไม่ท้อ”

Alternative Textaccount_circle
ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาล
ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาล

เรียกว่าดังจนฉุดไม่อยู่ สำหรับ ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ที่นอกจากโกอินเตอร์ไปดังเป็นพลุแตกในเมืองจีนแล้ว ความปังของเขายังไปเตะตาฮอลลีวู้ด จนได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับโลก ซึ่งวันนี้ไมค์ได้พูดคุยถึงเรื่องราวความพยายามขั้นสุดของเขากันค่ะ

ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล “มีวันนี้ได้เพราะพยายาม รางวัลสำหรับความไม่ท้อ”

หนัง The Misfits เข้าฉายที่อเมริกามาได้หนึ่งเดือนกว่าๆ แล้ว ฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง?

“ตอนนี้น้องสาวผมอยู่ที่อเมริกาก็ไปดูมา เขาก็บอกว่าฟีดแบ็กก็ค่อนข้างดี แล้วก็ที่ทีมงาน The Misfits ส่งมาก็มีบางที่ที่ตั๋วหมดแล้วคือจองเต็ม แล้วก็ตามพวก Video on Demand พวกอเมซอนอะไรพวกนี้ก็มีขึ้นอันดับหนึ่งด้วย”

รู้สึกโล่งใจหรือใจชื้นขึ้นมาเลยไหม เนื่องจากสถานการณ์โควิดตอนนี้หลายคนก็ห่วงว่าถ้าหนังเข้าโรงแล้วจะเป็นยังไง แม้ว่าอเมริกาจะเริ่มคลี่คลายแล้วก็ตาม?

“จริงๆ ก็โล่งใจประมาณหนึ่งครับ ที่ตรงนั้นเขาเปิดได้ทันเวลาพอดี พอหนังเข้าปุ๊บคนเขาก็คงอาจจะไม่ได้ไปโรงหนังนานก็เลยเข้าไปดูกัน แต่คืออย่างของที่ไทยตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เข้าฉายหรือเข้าโรงเมื่อไหร่เพราะว่าเราก็ต้องดูสถานการณ์ต่อไปก่อน”

ส่วนตัวพอใจมากน้อยแค่ไหน?

“ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ”

ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิด ตัวเราต้องเดินทางไปร่วมโปรโมตหนังที่อเมริกาด้วยหรือเปล่า?

“ใช่ครับ ก่อนหน้านั้นจริงๆ ที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเขาก็อยากให้ไปเผื่อมีโอกาสไปร่วมด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย”

แอบเสียดายไหม?

“แอบเสียดายครับ จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามันก็มีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ”

ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล

หลังจากหนังเรื่องนี้แล้วจะมีโอกาสต่อยอดไปในผลงานที่เป็นระดับฮอลลีวู้ดเรื่องอื่นอีกไหม?

“จริงๆ ที่ผ่านมามันก็มีแคสติ้งอยู่เรื่อยๆ อยู่ที่ว่าโปรเจ็กต์ไหนเขาจะมองหาคาแรกเตอร์ที่เป็นคนเอเชีย ซึ่งถ้าให้พูดตามตรงมันก็ไม่ได้มีเยอะมากมากขนาดนั้นสำหรับบทคนเอเชียที่เป็นแนวนี้”

ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเบิกทางที่สวยงามของตัวเองไหม เพราะได้ร่วมงานกับนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวู้ดเลย?

“ใช่ครับ เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆ ให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆ ของฮอลลีวู้ดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย”

กว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของแต่ละเรื่องเชื่อว่าค่อนข้างยาก เคยท้อบ้างไหม?

“ท้อเป็นเรื่องปกติ แต่แค่ไม่ยอมแพ้เท่านั้นเอง มันท้อหลายๆ เรื่องอยู่แล้วครับ ทั้งเรื่องของตัวเองด้วย ทั้งเรื่องของการงาน ทั้งเรื่องของหลายๆ อย่าง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าตราบใดที่เรายังไม่ยอมแพ้ยังไงมันก็ต้องมีวันหนึ่งที่มันเป็นวันของเรา”

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้ที่ต้องใช้เวลากับมันเยอะหน่อยเป็นเรื่องอะไร?

“ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากของมันก็คือเรื่องภาษานี่แหละครับ เพราะว่ามันไม่ใช่ภาษาแม่ของเราด้วย แล้วเราอาจจะไม่ได้ชิ้นลิ้นเพราะเราไม่ได้เกิดหรือโตที่โน่น มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”

นักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วย ตัวเราตื่นเต้นแค่ไหน?

“ตื่นเต้นมากครับ ตอนที่ไปเจอครั้งแรกคือเหมือนเราได้เห็นนักแสดงอย่าง เพียร์ซ บรอสแนน เขาคือเจมส์ บอนด์007 ที่เราเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวู้ดคนนี้ด้วย พอได้ไปเจอเราก็ตื่นเต้น จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย”

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง?

“ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆ มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต”

พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล

คาแรกเตอร์ของไมค์ในภาพยนตร์เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร?

“ตัวละครตัวนี้ชื่อว่า “วิค” เขาเป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้  เป็นคนประดิษฐ์ระเบิดและเขาก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรเกี่ยวกับระเบิด”

เราได้ใส่ไอเดียเพิ่มเติมของเราลงไปในบทนี้บ้างไหม?

“เขาบอกว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่สนุก ซึ่งผมก็พยายามใส่ความสนุกในแบบผมลงไป ก็มีพาร์ทที่ต้องเต้นด้วย เรียกว่าฟรีสไตล์เลย”

ในโซเชียลแฟนๆ มีเข้ามาคอมเมนต์อะไรบ้าง?

“มีแฟนๆ บอกว่ารอดูเรื่องนี้อยู่ ตื่นเต้นอยากจะเห็นแล้วว่าบทบาทเป็นอย่างไร กับอีกส่วนหนึ่งเป็นแฟนคลับที่อยู่ต่างประเทศเขาก็มีโอกาสดูแล้ว แต่ยังไม่มีใครมาสปอย”

อย่างในไทยยืนยันว่าจะได้เข้าโรงแน่ๆ ใช่ไหมคะ?

“ก็น่าจะได้เข้านะครับ แต่ยังไม่แน่ใจว่า จะเข้าช่วงไหนกันแน่ เพราะด้วยสถานการณ์ตอนนี้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้”

เหมือนหลายคนก็อยากดูเพื่อที่จะเป็นกำลังใจให้ไมค์?

“ใช่ครับ ปกติไมค์เล่นซีรีส์เยอะกว่าหนัง ซึ่งเป็นการเปิดทางไปสู่อนาคต เผื่อจะได้เล่นหนังมากขึ้น”

เรื่องนี้ไมค์ต้องบู๊ไหม?

“น่าเสียดายที่บทไมค์เป็นแค่นักประดิษฐ์ ไม่ได้ต่อสู้ ส่วนใหญ่การต่อสู้จะเป็นของอีกคนมากกว่า จะแยกกันค่อนข้างชัดเจน ไมค์จะเน้นเป็นการระเบิดมากกว่า”

อยากให้เล่าถึงการร่วมงานกันกับนักแสดงท่านอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง?

“The Misfits  เป็นการรวมตัวกันของคนจากหลากหลายพื้นที่ มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจ ปล้นจากคนรวยนำมาให้กับคนที่จำเป็นต้องใช้ คล้ายๆ โรบินฮู้ด ซึ่งทีมนี้จะประกอบไปด้วย เพียร์ช บรอแนน เป็นคนนำทีม รามี่ เจเบอร์,เฮอร์ไมโอนี่ คอร์ฟีลด์,เจมี ชุง ฯลฯ มารวมตัวกัน  ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันไป”

ไมค์ได้เข้าบทกับใครมากที่สุด?

เพียร์ช รอสแนน ครับ ในกองจะพูดคุยกันค่อนข้างเยอะ เพราะเราไปถ่ายกันที่ดูไบ ด้วย จะมีไปแฮ็งเอ้าท์กันด้วย ซึ่งในแต่ละวันค่อนข้างเร็ว เลยจะมีช่วงเวลาที่แตกละคนสามารถไปแฮ็งเอ้าท์ ดูสถานที่ต่างๆ ไปกินข้าว ไปดินเนอร์ได้”

ด้วยความที่ไมค์และเพียร์ช บรอสแนนอายุต่างกัน ฉะนั้นเวลาที่ต้องคุยกันนอกเหนือจากเรื่องงาน มันมีอะไรที่พูดกันหรือแชร์กันแล้วรู้สึกถูกคอ?

“เรื่องหนัง เรื่องการแสดง สถานที่ในดูไบ อะไรประมาณนี้ครับ”

เพียร์มีทาบไมค์ร่วมงานในครั้งต่อไปไหม?

“อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเขามาชวนก็ยินดีแน่นอน เพราะอย่างเรื่องนี้เขาก็เป็นเอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ด้วย

ไมค์ได้เรียนรู้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจากเพียร์ช บรอแนนมาบ้างไหม?

“ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเขาค่อนข้างเยอะ โดยส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เขาเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น มันทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและเกร็งน้อยลง”

มีคำที่ตรงไหนของ เพียร์ช บรอสแนน แล้วทำให้ไมค์ที่ประทับใจบ้าง?

“คือจริงๆ ประทับใจแทบจะทุกอย่างเลย เวลาเข้าฉากกับเขา เขาก็รู้ว่าเราเกร็งที่จะเจอเขา เขาบอกให้เรารีแล็ก ให้ทำไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราทำได้ดีแน่นอน คือเขาให้กำลังใจและให้พลังงานด้านบวกตลอดเวลา”

อยากให้ไมค์เล่าถึงบรรยากาศของการถ่ายทำฮอลลีวู้ดเป็นอย่างไรบ้าง ?

“ผมรู้สึกเที่ยวมากกว่าทำงาน อาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยไปดูไบด้วย แล้วชั่วโมงการถ่ายมันไม่ได้เยอะ เพราะในแต่ละวันเขาจะไม่ถ่ายเยอะ เนื่องจากจะทำให้พลังงานของนักแสดงลดลง”

หลายคนมองว่าฮอลลีวู้ดต้องเป๊ะมากพอไปสัมผัสแล้วเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?

“เป๊ะทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเรื่องเวลา คือเราไม่ต้องกังวลว่านอกเหนือจากหน้าที่การแสดงแล้ว เราจะต้องไปโฟกัสอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม คือเราไม่ต้องกังวลเลย ”

หลังจากที่ได้ไปทำงานในหลายๆ ประเทศ อยากรู้ว่าแต่ละที่มันมีรายละเอียดวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไหม?

“สำหรับผมไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไหร่ เพราะผมทำงานมาหลายประเทศ  จริงมันอยู่ที่คัลเจอร์ ของแต่ละกองว่าเป็นยังไงมากกว่า วิธีการจัดการ วิธีการดูแลอะไรอย่างนี้  ซึ่งผมว่าไม่ได้แตกต่างกัน คือมันก็คืองานที่เราต้องทำออกมาให้ดี เพราะหน้าที่ของผมคือเป็นนักแสดง ดังนั้นผมก็ต้อง พอเข้าฉากก็ต้องแสดงออกมาให้ได้ดีที่สุด”

ถือว่าไมค์ปรับตัวกับกองนี้ได้ค่อนข้างเร็วใช่ไหม?

“ไมค์เป็นคนปรับตัวเร็วอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้มีปัญหาในการปรับตัวมาก”

ไมค์คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวู้ดไว้อย่างไรบ้าง?

“ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการกระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไมถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป”

ไมค์เขินไหมเวลาที่คนอาจจะบอกว่าเราเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด?

“โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน”

แล้วงานฝั่งไทยตอนนี้มีอะไรให้แฟนๆได้ติดตามกันบ้าง?

“จริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นงานพรีเซนเตอร์ ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าผมอาจจะมีการทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังมากขึ้น เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ชอบส่วนตัวอยู่แล้ว และก็มีแพชชั่นในเรื่อง กำกับ เขียนบท และ สร้างหนัง ในอนาคตก็อาจได้เห็นในมุมนี้มากขึ้น”

ช่วงที่อยู่เมืองไทยตอนนี้มีผู้จัดติดต่อมาบ้างไหม?

“รู้สึกว่าไม่ค่อยมีใครรู้เท่าไหร่ว่าผมอยู่เมืองไทย เนื่องจากผมไม่ได้โพสต์ลงโซเชียลมีเดียสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ออกไปไหนและไม่ค่อยได้คุยกับใครด้วย ก็เลยไม่ค่อยมีใครรู้

ถ้าตัวไมค์จะรับงานที่ไทยสามารถตัดสินใจเองได้ไหมหรือต้องปรึกษากับทางต้นสังกัด”ก่อน ?

ติดต่อได้ผ่านค่ายครับผม

แล้วงานในประเทศจีนตอนนี้ยังมีอยู่ไหมคะ?

“จริงๆ มีอยู่เรื่อยๆ คือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆ แพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆ อย่างมันก็หลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆ ที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้”

เรียกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้เสียโอกาสไปเยอะมากเลยใช่ไหม?

“เรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ 2 ปีแห่งความว่างเปล่า”

ถ้าประเมินคร่าวๆ คิดว่าสามารถจะกลับไปทำได้เมื่อไหร่ ?

“คิดว่าเป็น ต.ค. หรือ พ.ย. ครับ แต่ถ้าเร็วกว่านั้นได้ก็ดี”


 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up