NJxMillixWAII

NJxMillixWAII แท็กทีมสาวสตรองแห่งยุค หัวใจไม่ใช่ตู้เย็นจะเก็บความรู้สึกอยู่ทำไม

account_circle
NJxMillixWAII
NJxMillixWAII

หัวใจไม่ใช่ตู้เย็นจะเก็บความรู้สึกอยู่ทำไม ต้องพูดมันออกมา! NJxMillixWAII แท็กทีมสาวสตรองแห่งยุค

อัลบั้มที่ 6 ของนิวจิ๋ว  ‘NJ squared’ คืออัลบั้มที่ดูโอ้คู่นี้ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่แปลกใหม่ ในคอนเซปต์ทวีความแซ่บคูณสอง เปิดตัวด้วยซิลเกิ้ล โนสน โนแคร์ ที่มียอดวิวกว่า 3.6 ล้านครั้ง ไปจนถึงเพลงล่าสุดที่ทั้งคู่เพิ่งปล่อยออกมา ‘พูดเหมือนจำ ทำเหมือนเดิม’ เรียกยอดวิวกว่า 2.5 ล้านครั้งภายใน 2 อาทิตย์

เราได้มีโอกาสคุยกับนิว จิ๋ว มิลลิ และหวาย ถึงผลงานเพลงใหม่ รวมไปความไม่สนไม่แคร์ และทัศนคติความสตรองของผู้หญิงในยุคนี้

NJxMillixWAII

พูดถึงคอนเซปต์อัลบั้มที่ 6 ของนิวจิ๋วให้ฟังหน่อยค่ะ

จิ๋ว :  อัลบั้มนี้เป็นการทำเพลงที่ ถ้าตัวเองเปรียบเทียบเหมือน 2 โลกของเรา เพราะเราทำเพลงแปลกใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งหมด 5 เพลง และอีก  5 เพลงเป็นซิกเนเจอร์ของเราที่แฟนเพลงรัก อย่างเพลงแรกที่ทุกคนได้ฟังคือ  โนสนโนแคร์ ฉีกแนวจากที่เราเคยเป็น ดับเบิ้ลความแรงเข้าไปอีก ซึ่งเราอยากร่วมงานกับหวายและมิลลิอยู่แล้ว เนื่องจากน้องๆ ทั้งสองมีคาแรคเตอร์ของตัวเองชัดเจน ได้อ่านคอมเมนต์ของแฟนๆ เหมือนกัน ว่าเหมือน 3 เจนเนอเรชั่นมารวมตัวกัน แม้จะรู้สึกว่า อายุของเรา ontop สุด แต่มันก็ยังรู้สึกดีนะ

นิว : สำหรับการทำงานเพลง เราแบ่งพาร์ทกันอย่างชัดเจน สำหรับท่อนแร็ปต้องเป็นมิลลิ ซึ่งน้องก็แต่งเนื้อท่อนนั้น เอง ส่วนหวาย เวลาเขาเปล่งเสียงออกมา ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นเขา

จิ๋ว : จิ๋วชอบการทำงานร่วมงานน้องๆ มาก เวลาที่เขามีอะไรอยากเปลี่ยน เขาพูดออกมาชัดเจน ทำให้เรารู้สึกดีจัง ทำงานได้เต็มที่และสนุกขึ้น เหมือนทุกคนอินไปพร้อมๆ  กัน  ได้แอบไปดูการทำงานของน้องหลังไมค์ด้วย อย่างมิลลิเขาก็แต่งเนื้อเพลงสดก่อนเข้าห้องอัด

มิลลิ: ใช่ค่ะ หนูแก้รื้อกระดานหมดเลยก่อนอัดจริง เพราะไม่ชอบ หนูฟังผลงานของพี่ๆ ทั้งสามคนมานานก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุด จึงรื้อเนื้อเพลงใหม่หมดแล้วแต่งสดตอนนั้นเลย

หวาย : สำหรับหวายเอง ในส่วนของเนื้อร้องก็ได้มิลลิช่วยแต่ง และได้ปรับแต่งให้เข้ากับบุคลิกเรามากขึ้น เพราะตอนแรกน้องแต่งมาแบบ cardi B มาก (หัวเราะ) อยากให้ซอฟต์ลงนิดนึง ขอเป็นแบบไม่แคร์ไปเลยดีกว่า

เรื่องอะไรที่ชีวิตขอ โนสนโนแคร์บ้าง

มิลลิเริ่มก่อน :หนูแต่งตัวจัด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับทุกอย่าง ทั้งแหวน เล็บ สร้อยคอ  ผม เมคอัพ คือเราแต่งตัวแรงจริงแล้วคือบ้านซอยบ้านที่หนูอาศัยก็เป็นบ้านคนธรรมดา อยู่ใกล้ๆ กับชุมชน เวลาเดินผ่านจะมีคนแซวว่า แรปเปอร์เอย อะไรเอย ตอนนั้นคำว่า โนสน โนแคร์ ผุดขึ้นมาในหัวเลย เพราะการแต่งตัวคือสิ่งที่เราต้องการจะทำและถ้าเราชอบมันจริงๆ ก็ไม่ต้องแคร์ใครเลย

หวาย:  หลายๆ คนคิดว่าหนูไม่แคร์ความคิดเห็นของคนอื่น แต่ที่จริงคือ หวายแคร์ในความคิดของคนอื่นมากๆ โดยเฉพาะคนที่หวายรัก แต่เรื่องที่หวายไม่แคร์จริงๆ ก็คือ เวลาที่เรามั่นใจ อยากจะพูดแสดงความคิดเห็นหรืออินในเรื่องนั้น ถึงแม้จะมีคนบอกว่า ไม่เห็นด้วย  แต่หวายก็โนสนโนแคร์ คืออย่างน้อย ขอให้เราได้บอกไป ถึงคนอื่นจะไม่คิดเหมือนเราก็ตาม

นิว: สำหรับนิว คำว่าโนสนโนแคร์ เป็นคำที่ปลอบใจตัวเองในเรื่องที่เราอาจทำผิดพลาดไป แบบว่า ไม่เป็นไรนะ  ช่างมัน ก้าวไปข้างหน้า เพื่อที่ชีวิตจะได้มูฟออนต่อไป

จิ๋ว :คล้ายกันกับนิว คือบางเรื่องเราไม่ต้องสนใจดีกว่า เพราะแคร์มากไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ ลองสตาร์ทใหม่ หามุมมองใหม่ดีกว่า

มุมมองความสตรองของผู้หญิงยุคนี้ 

จิ๋ว : หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ผู้หญิงยุคนี้นี้ออกมาเรียกร้องอะไรรึเปล่า แต่ในมุมมองจิ๋วรู้สึกว่า ผู้หญิงชัดเจนมากขึ้น กล้าพูดความต้องการออกมา และพูดความรู้สึกมากขึ้น เพราะบางทีสังคมอาจมีขีดบางอย่างที่ผู้หญิงไม่สามารถทำได้นะ”

มิลลิพยักหน้า :”อย่างหนูเอง เติบโตมาในเจนเนอเรชั่นของเด็กยุคใหม่แล้ว ทุกวันนี้ก็พยายามอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ feminist มากขึ้น และรู้สึกว่า มีหลายอย่างที่ไม่แฟร์กับข้อจำกัดบางอย่างโดยใช้เพศมาเป็นตัวบ่งชี้ ทั้งการแสดงความรู้สึก การเป็นตัวเอง เช่น การแต่งตัว  มันไม่แฟร์ตั้งแต่การที่ทุกคนบอก่วา ยูแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้นะ เพราะยูเป็นผู้หญิง อย่างสมัยก่อนหน้าที่หนูจะเกิด จะมีเพลงที่พูดทำนองว่า ผู้หญิงอย่าพูดความในใจออกไป ควรเก็บเอาไว้ เบื้องลึก  พอหนูฟังแล้วก็แบบ …ไม่ได้สิ เราจะเก็บทำไม หัวใจไม่ใช่ตัวเย็น (หัวเราะ) ต้องพูดมันออกมา

อีกอย่างคือ เรายังอยู่ในสังคมที่หลายคนคิดว่า ผู้ชายเป็นใหญ่ หนูเองมองว่า ทุกวันนี้ ผู้หญิงยังทำงานยากกว่าผู้ชายเลย เพราะบางคนรู้สึกว่า ผู้ชายทำงานได้ดีกว่าผู้หญิง เพศอย่างเราเลยต้องพิสูจน์ แต่ก็สงสัยเหมือนกันนะ ว่าเราต้องพิสูจน์ไปถึงเมื่อไหร่ และต้องพิสูจน์ไปทำไม เพราะจริงๆ เราควรจะได้พูดในสิ่งที่เราคิดมาได้ตั้งนานแล้ว

วีรกรรมที่เคยแหกมากที่สุดในชีวิต

นิว : “ตอนมัธยมเคยขโมยรถเวสป้าคันหวงของพี่ชายไปขี่เที่ยวบ้านเพื่อน ตอนนั้นแค่รู้สึกว่า อยากออกไปผจญในโลกกว้าง ขี่ไกลมากจากบ้านสันป่าตองไปถึงแม่โจ้ อย่างน้อยก็ 30 กิโล แต่สนุกมาก จู่ๆ เครื่องยนต์ดันดับ เพราะตอนนั้นเราใสๆ ไม่รู้ว่า  รถมอเตอร์ไซค์ต้องเติมน้ำมัน ก็ยืนงงว่า เอายังไงต่อดี  เพราะยุคนั้นมือถือก็ไม่มี โชคดีที่มีรถมอเตอร์ไซค์คุณลุงขับผ่านมาช่วยไว้

หวาย : “ตอนเรียนอยู่เกรด 7 จู่ๆ คืนนึงมีเพื่อนประสบอุปบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล หนูรู้ว่า ถ้าจะขอแม่ไปโรงพยาบาล แม่ต้องไม่ให้ไปแน่นอน เพราะดึกแล้วและพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียน ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง ใจอยากไปหาเพื่อนมากเลย ตัดสินใจไม่บอกแม่ หนีออกจากบ้าน กะไปเรียกรถแท๊กซี่ที่หน้าปากซอย เนื่องจากสมัยนั้นไม่มี Grab ระหว่างที่ออกจากบ้านไปหน้าปากซอย ปรากฏว่า แม่โทรมาและถามว่า ‘ออกไปไหนลูก’ หวายก็แบบ แม่รู้ได้ยังไง ปรากฏคือ แม่ได้ยินทุกอย่างแล้วบอกว่า ให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ตอนนัันยังไม่ยอมค่ะ บอกแม่ว่า หนูต้องไปหาเพื่อน แม่ก็เลยบอกว่า ไปด้วยกันๆ  เป็นวีรกรรมขำที่พยายามหนีออกจากบ้านแต่แม่ดันจับได้

มิลลิ  ล่าสุดคือ หนูไปเข้าค่ายภาษาอังกฤษของโรงเรียน และรู้สึกว่าเป็นปีสุดท้ายที่จะได้อยู่กับเพื่อน อยากเต็มที่มากที่สุด จึงขนเหล้าเบียร์ไปเอง แพคใส่กระเป๋าไปอย่างดี  เพราะลืมเอาขวดเหล้าไปทิ้ง พอกลับมาถึงบ้านย้ายได้ยินเสียงก๊องแก๊งๆ ในกระเป๋า ก็เลยบอกยายว่า ของเพื่อนฝากทิ้ง (หัวเราะ) ส่วนป๊าแค่เปิดกระเป๋าดู แต่ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกว่า see ya (หัวเราะ)

สุดท้ายอยากให้ฝากถึงอัลบั้มนี้หน่อยค่ะ

จิ๋ว : สำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชอบก็สามารถดาวน์โหลดฟังกันได้แล้วนะคะ แต่สำหรับใครที่อยากได้ซีดีเก็บไว้ เราจะเปิดให้ซื้อเดือนมกราคมนี้นะคะ


 

 

 

 

 

 

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up