ความสุขกับชีวิตหลังไมค์ 10 ปีที่หายไป ของ ลานนา คัมมินส์
ลานนา คัมมินส์

ความสุขกับชีวิตหลังไมค์ 10 ปีที่หายไป ของ ลานนา คัมมินส์

ลานนา คัมมินส์
ลานนา คัมมินส์

“ปากแดงๆ จะไว้ใจได้กา หน้าสวยๆ จะไว้ใจได้กา” ใครยังจำเพลงนี้ได้อยู่บ้าง เพราะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเพลงนี้เป็นเพลงที่หลายคนร้องตามกันได้ ถือเป็นเพลงแห่งยุคนั้นเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าของบทเพลงนี้ก็คือ ลานนา คัมมินส์ เจ้าของเสียงเพลงที่มีเอกลักษณ์ทั้งแนวดนตรีและเนื้อหาเพลงที่เป็นภาษาเหนือ ส่งให้ตัวเธอเองเป็นศิลปินนักร้อง ที่น่าจับตามองมากเลยทีเดียว แต่จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอถอนตัวออกจากวงการเพลงบ้านเรา หันไปทำธุรกิจกับครอบครัว

Exclusive Talk ของแพรวครั้งนี้ ได้ ลานนา คัมมินส์ มานั่งพูดคุยกับเรา พร้อมอัพเดทข่าวคราว และชีวิตหลังจากออกวงการกันให้แฟนๆ หายคิดถึงกัน

4

ขอย้อนไปตอนเข้าวงการใหม่ๆ ว่าเริ่มเข้าวงการเพลงได้ยังไง

ลานนา : เริ่มจากตอนนั้นเราร้องเพลงอยู่ที่ร้านอาหารของแม่ ที่ “เฮือนสุนทรี” จังหวัดเชียงใหม่นี่แหละค่ะ แล้วก็มีพี่เต๋าทีมงานของแกรมมี่ ได้ไปเจอเราแล้วก็เก็บภาพ เก็บผลงานเราไปเสนอที่ค่ายแกรมมี่ ปรากฏว่าทางค่ายเขาก็สนใจเราด้วย จากนั้นก็เลยค่อยๆ ร่วมงานกันมา

ทำไมเสียงแหบจัง ไม่สบายหรือเปล่า

ลานนา : (หัวเราะ) มีหลายคนมากที่ถามแบบนี้ ที่เสียงแหบนี่ไม่ได้ป่วยนะคะ ที่จริงเสียงพูดปกติของลานนาจะแหบเแบบนี้อยู่แล้ว แต่เวลาร้องเพลงเสียงก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

หายหน้าหายตาไปนาน ตอนนี้ทำอะไรอยู่

ลานนา : ช่วงนี้ก็มาบริหารร้านอาหาร “เฮือนสุนทรี” ที่เชียงใหม่เต็มๆ ตัวแล้วค่ะ มีลานนากับพี่ชายช่วยกันบริหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่รับช่วงต่อจากคุณแม่อีกทีหนึ่ง

6

แล้วตอนนี้ยังร้องเพลงอยู่ไหม

ลานนา : หลายคนที่ไม่รู้ เห็นเราหายไปก็นึกว่าเราเลิกร้องเพลงแล้ว แต่ที่จริงยังร้องเพลงอยู่แทบทุกวันเลยนะ ที่ร้านอาหาร ใครอยากเจอก็มาได้ เพราะจะร้องเป็นประจำวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ แล้วก็ช่วงเทศกาล

ดูแลในส่วนไหนบ้างของธุรกิจร้านอาหาร

ลานนา : จะช่วยกันดูแลกับพี่ชายค่ะ แต่ส่วนของเราคือดูแลเรื่องการเงินทั้งหมดเลย แต่ตอนนี้ก็กำลังศึกงานดูงานอื่นๆ อยู่ เพราะกำลังจะขยับไปช่วยดูในส่วนของงาน Marketing และ PR ด้วย เพราะเราอยู่ในยุคสมัยที่ธุรกิจต่างๆ ต้องอาศัยสื่อ อาศัยการ PR เข้าช่วยด้วย

นอกจากร้องเพลงที่ร้านอาหารแล้ว คิดจะกลับไปร้องเพลงเหมือนก่อนบ้างไหม

ลานนา : ตอนนี้คงยังไม่ถึงขนาดกลับไปทำอัลบั้มจริงจังแบบแต่ก่อน แต่โดยปกติแล้วลานนาก็จะมีโปรเจคงานเพลงเล็กๆ น้อยๆ ทำอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว อย่างช่วงเดือนธันวาคมนี้ ก็มีทำงานเพลงที่ทำร่วมกับคุณอา ตุ่น-พนเทพ สุวรรณะบุณย์  ในโครงการ music for change ก็มีการร้องเพลง แต่งเพลง ทำงานกับศิลปินท่านอื่นๆ

8

ขอย้อนกลับไปในช่วงหลายปีก่อน ตอนนั้นเป็นยุคที่เราดังมาก ทำไมจู่ๆ ถึงออกมาจากจุดนั้น

ลานนา : ตอนนั้นทำได้อยู่ 3 อัลบั้มซึ่งก็เป็นเวลาหลายปีเหมือนกันนะ สำหรับตัวเรา เราแล้วคิดว่า จุดที่สูงสุดของเราในตอนนั้น มันไม่ได้ตอบโจทย์ของตัวเอง เรามีความสุขที่ได้ร้องเพลงก็จริง แต่เราก็ยังมีอย่างอื่นที่อยากจะทำด้วย เพราะถ้าเรายังอยู่ตรงนั้น เราก็ได้แต่ร้องเพลงอย่างเดียว ใช้ชีวิตอยู่แต่ในกรุงเทพ ไม่มีเวลาให้กับอย่างอื่น อีกอย่างลานนาคิดว่าการทำงานเพลงมันต้องมีแรงบันดาลใจ ต้องออกไปเจอโลก ออกไปเจอผู้คน ออกไปเดินทางในที่ต่างๆ มันถึงจะเกิดแรงบันดาลใจ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องโด่งดังมากเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังได้ทำเพลง ได้ทำสิ่งที่เราอยากทำอื่นๆ ไปด้วย มันก็มีความสุขมากกว่า

แรงบันดาลใจในการทำงานเพลงของเรามาจากไหน

ลานนา : คือเราเริ่มร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ครอบครัวและคุณแม่ก็มีส่วนที่ทำให้เราชอบการร้องเพลง เพราะคุณแม่ท่านก็เป็นศิลปินเหมือนกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งที่ทำให้เราชอบร้องเพลง แต่แรงบันดาลใจจริงๆ ลานนาคิดว่าคงไม่มีอะไรดีกว่า แรงบันดาลใจจากตัวเราเอง ความชอบของเราเอง ต่อจากนั้นมันก็มีสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่ทำให้เราอยากร้องเพลง เช่น คนฟัง หรือแฟนคลับที่รักเรา เขาคือแรงผลักดันสำคัญเลย ซึ่งเราก็อยากทำเพื่อเขา

7

เคยมีความรู้สึกที่ว่าคิดถึงสมัยก่อนบ้างไหม

ลานนา : ไม่ว่าก่อนเข้าวงการ หรือหลังเข้าวงการ เราเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ได้หลงไปกับความดังหรือแสงสีต่างๆ ในช่วงนั้นคือเรามีงานแทบจะทุกวัน เหนื่อยแต่ก็สนุก ถามว่าคิดถึงตอนนั้นไหม ก็คิดถึงในบางส่วน แต่ถ้าถามว่าคิดถึงผลงานเพลงไหม จริงๆ ก็ต้องตอบว่าเฉยๆ นะ เพราะตอนนี้เราก็ไม่ได้ทิ้งผลงานเพลง เราก็ยังทำอยู่แค่มันอาจจะได้ไม่ออกสื่อมากเท่าเดิมแค่นั้นเอง ทุกวันนี้ก็ยังใช้ชีวิตอยู่กับเพลงเหมือนเดิม แต่ที่คิดถึงจริงๆ ก็คงมีอยู่อย่างเดียวคือ คิดถึงคน ทีมงาน คิดถึงห้องอัดมากกว่า พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวที่สองของเรา เป็นทั้งพ่อ พี่ น้า อา เป็นทุกอย่างเลย ส่วนแฟนคลับของเราก็ไม่ได้ห่างหาย ทุกวันนี้เรายังนัดมิตติ้งกันอยู่บ่อยๆ เราก็บินไปกรุงเทพเพื่อทานข้าวกับพวกเขาอยู่เรื่อยๆ ก็พยายามจะไม่ทิ้งกัน เพราะเราก็รู้จักกันมา 10 กว่าปีแล้ว จนเรารู้สึกว่าพวกเขากลายเป็นครอบครัวของเราไปแล้วเหมือนกัน

ถามเรื่องหัวใจบ้าง ตอนนี้อยู่ในสถานะไหน แต่งงานหรือยัง

ลานนา : ตอนนี้ยังโสดค่ะ เรื่องความรักลานนาไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญถึงขนาดว่าทุกคนขาดไม่ได้ เราก็ใช้ชีวิตของเราไปเรื่อยๆ อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ ซึ่งท่านก็บอกกับเราว่าไม่ต้องมี (หัวเราะ) ท่านไม่ได้หวงนะ แต่เป็นห่วง ไม่อยากให้เราต้องมาลำบาก เพราะเขาอยากให้เราเจอคนที่ดี แล้วท่านก็พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า “เราไม่จำเป็นต้องหาคนมาดูแลหรอก เพราะเราก็ดูแลตัวเองได้” (หัวเราะ) ทุกวันนี้ก็เลยไม่ค่อยได้นึกถึงเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

1

วางแผนในอนาคตไว้ยังไงบ้าง

ลานนา : ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องธุรกิจ อย่างถ้าร้านนี้ทุกอย่างมันลงตัวแล้ว เราก็อยากจะขยับขยายสาขา อาจจะลองดูที่ต่างจังหวัดก่อน แต่ใจจริงเราก็อยากขยายไปถึงต่างประเทศด้วย แล้วก็สร้างแบรนด์ของตัวเองให้แข็งแรง ตอนนี้ก็มีไปเรียนเพิ่มเติมด้านการบริหารด้วย เราคิดตลอดว่าการทำธุรกิจ คนทำต้องมีความรู้ในด้านนั้น เพราะถ้าเราไม่มีความรู้ หรือจ้างให้คนอื่นดูแลมันอาจจะเกิดปัญหาได้ อีกอย่างร้านอาหารนี้เป็นร้านที่คุณแม่เราสร้างมาเองกับมือ ยังไงเราก็ต้องต่อยอดและทำให้ดีที่สุด ส่วนงานเพลงก็เรื่อยๆ ค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังมีความสุขกับการร้องเพลงดี

เมื่ออ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว แฟนคลับหลายคนที่หวังว่าจะได้ฟังเพลงของผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ก็อาจจะผิดหวังเล็กน้อย เพราะตอนนี้เธอหันมาจริงจังกับเรื่องธุรกิจร้านอาหารแทน แต่ถ้าใครคิดถึง อยากเจอ ก็ตามไปที่ร้านอาหารของเธอได้นะ เพราะเธอยังยืนยันกับเราว่า ยังไงก็ไม่ทิ้งการร้องเพลงแน่นอน หรือไม่ก็หาผลงานเพลงเก่าๆ ของเธอขึ้นมาฟังให้หายคิดถึงก็ได้

เรื่อง : สายพิรุณ  สารคำ

ภาพ : Nomad609/ Lanna Commins@lannacomminspage

Praew Recommend

keyboard_arrow_up