เจาะลึกชีวิตหนุ่มโสด วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน นักธุรกิจอารมณ์ศิลปิน

เจาะลึกชีวิตหนุ่มโสด วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน นักธุรกิจอารมณ์ศิลปิน มาดนิ่งแบบคุณชาย

แขกที่เราจะเชิญให้มาพูดคุยทั้งเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตวันนี้ เป็นนักธุรกิจหนุ่มในวงการเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน คุณ วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารและหุ้นส่วนแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ MOTIF หลายคนน่าจะรู้จักมากขึ้น

จากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์เล็กๆ แต่ขับเคี่ยวแข่งขันในวงการธุรกิจจนกลายเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ในแวดวงสังคม ทำให้เราอยากทำความรู้จักถึงตัวตนของเขาให้มากขึ้น ไปดูกันว่าเขามีวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

เล่าถึงความเป็นมาในการเริ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ motif ให้ฟังหน่อย

วิน : โอ้โห…คงต้องย้อนกันไปไกลเลยนะครับ คือผมจบปริญญาตรีด้าน  Visual Communication จากมหาวิทยาลัย KVB Institution of Technology จากกรุงซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย เกี่ยวกับการสื่อสารทางภาพ กราฟฟิก มัลติมีเดีย การออกแบบโดยรวม จากนั้นก็ไปทำงานด้านกราฟฟิกดีไซเนอร์หนึ่งปี ก็เริ่มรู้สึกว่าอาชีพนี้มันมีจุดลิมิต ที่จะโตไปได้ประมาณหนึ่งเท่านั้น ก็เลยพักเรื่องงานแล้วไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน marketing management เพื่อเป็นการต่อยอดการทำงานจะได้กว้างขึ้น พอกลับมาก็ทำบริษัทโฆษณาเป็น Project Manager ในระหว่างนั้น คุณโอ๊ค-อัครรัฐ วรรณรัตน์”  ก็มาชวนให้ไปช่วยดูแลธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ ไปด้วย เพราะแกมีเวลาน้อย เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ก็เลยลองมาช่วย แล้วก็ตกลงร่วมหุ้นกัน เพราะเราก็ชอบงานดีไซน์กับเฟอร์นิเจอร์เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จากที่เริ่มทำเปิดเป็นร้านเล็กๆ ประมาณ 200 ตารางเมตร อยู่ตรงถนนสารสินเป็นตึกของคุณยายที่ปล่อยให้เช่า ค่อยๆ ทำโดยช่วยกันเลือกสินค้านำเข้า มาขายกันเอง จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนเริ่มเป็นที่รู้จักจึงย้ายมาที่เอราวัณ เพราะเรารู้สึกว่าการขายเฟอร์นิเจอร์มันต้องมีเนื้อที่ในการโชว์สินค้าหรือใช้งานเยอะ ทำให้เราต้องหาพื้นที่มากขึ้น จากนั้นก็ขยายสาขามาที่เซ็นทรัลแอมบาสซี่ ซึ่งตอนนี้ก็เปิดได้ประมาณหนึ่งปีแล้ว

แบรนด์ motif เป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สไตล์ไหน

วิน : ผมเรียกว่าเป็นสไตล์ “แคชชวล อิลิแกนซ์” โดยของที่เรานำเข้ามาจะเน้นที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี มีความหรูหราโมเดิร์นและมีเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง แต่ในขณะเดียวกันความหรูหราก็มีความรู้สึกสบายๆ สามารถใช้จริงจับต้องได้ สัมผัสแล้วต้องรู้สึกถึงความผ่อนคลาย นี่แหละครับคือสไตล์ของ motif

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่รับมาจากที่ไหน

วิน : เราจะบินไปดูของหรืออัพเดทเฟอร์นิเจอร์ปีละประมาณ 2-3 ครั้ง และเฟอร์นิเจอร์ในร้านเราส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากอิตาลีประมาณ 80-90% ที่เหลือก็จะเป็นฝั่งยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ก็มีแบรนด์ไทยอย่างแบรนด์ LOQ ซึ่งเราชอบโปรดักส์ของเขา โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ดูน่าสนใจและอินเตอร์ ซึ่งก็ตอบโจทย์ทางร้านเราด้วยเช่นกัน

ถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นเฟอร์นิเจอร์ คิดว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหน

วิน : ถ้าให้เปรียบก็คงเป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์คอนเทมโพรารี่สบายๆ ไม่ค่อยมีพิธีอะไรมากมาย ตัวผมเองก็ไม่ได้ใช้ของหรูหราอะไรขนาดนั้น ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ก็คงเหมือน เก้าอี้ daybeds ที่ผมชอบรุ่นหนึ่งซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ได้หลากหลาย นั่งก็ได้นอนก็ได้ ดูเรียบง่ายแต่คลาสสิก ซึ่งเป็นชิ้นที่ผมเลือกมาทำการตลาดครบรอบ 10 ปีของแบรนด์ motif ด้วย โดยจะเชิญคนมีชื่อเสียงในวงการมาถ่ายคู่กับเก้าอี้ตัวนี้ประมาณ 100 คน ลงผ่านอินสตาแกรม

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

นอกจากทำธุรกิจแบรนด์ motif แล้ว ได้ข่าวว่าทำงานเยอะมาก อัพเดตตารางงานและตารางชีวิตให้ฟังหน่อย

วิน : ตอนนี้ทำงานเยอะมากจริงๆ ครับ เป็น Marketing Manager ให้กับแบรนด์ motif และยังเป็นหุ้นส่วนของแบรนด์นาฬิกา Prima Prime’ อีกหนึ่งงานคือช่วยคุณวิค (น้องชายคุณวิน) ดูเรื่องการบริหารของแบรนด์เสื้อผ้า Vickteerut คือในหนึ่งอาทิตย์ผมแบ่งเวลาทำงาน 5 วัน อีก 2 วันที่เหลืออาจมีบ้างที่ใช้เวลาตรงนี้ในการเดินเช็คสาขาร้านเฟอร์เจอร์ motif ที่มี 2 สาขา และจะแบ่งเวลาไปดูแบรนด์เสื้อผ้าของน้องชายอีก 5 สาขา โดยการนั่งรถไฟฟ้าไล่ดูตามสาขาต่างๆ เพื่อความสะดวก ส่วนวันอาทิตย์จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ออกไปดูหนัง ขับรถไปเที่ยวกันบ้าง และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือออกกำลังกาย โดยจะตีแบดทุกวันพฤหัสและวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นกิฬาที่ผมชอบเพราะเล่นง่ายแถมยังได้พบปะกับเพื่อนๆ ด้วย ซึ่งจริงๆ วันเสาร์ผมมีจะเล่นโยคะตอนเช้าเป็นเพื่อนน้องสาวกับคุณแม่อีกนะ

เท่าที่ฟังมาดูเหมือนเป็นคนที่ทำงานอะไรก็ประสบความสำเร็จ เคยมีเหตุการณ์หรืออุปสรรคอะไรบ้างไหม

วิน : จริงๆ ธุรกิจทุกอย่างก็มีอุปสรรคของมัน อย่าง motif ก็มีช่วงขาลงที่เหนื่อยหน่อย ทั้งเศรษฐกิจและตัวลูกค้า อย่างเช่นทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่าของฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคตัดเป็นอย่างแรก ซึ่งเราต้องต่อสู้กับตรงนี้ ไม่ว่าจะต้องดูแลเรื่องการตลาดให้มากขึ้น หรือแม้แต่บริการที่ต้องทำให้ลูกค้าประทับใจ อย่างเรื่องการจัดงานครบรอบ 10 ปีของแบรนด์ ก็ต้องเลื่อนไปจัดปีหน้า เพราะเราต้องดูเรื่องเศรษฐกิจแล้วเซฟรายจ่ายจำนวนนี้ด้วย

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

ปัจจุบันมีธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ขึ้นมาหลายแบรนด์ แล้วแบรนด์ motif มีการดูแลลูกค้ายังไงให้เขาอยู่กับเราไปนานๆ

วิน : ส่วนใหญ่เฟอร์นิเจอร์หลายๆ ชิ้นผมจะทดลองใช้หรือสัมผัสมาก่อนแล้ว เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าชิ้นไหนดีจริง หรือมีข้อดีข้อเสียยังไง เราจะได้นำมาพิจารณาก่อนที่จะนำเข้ามาขายให้กับลูกค้า หรือแนะนำบอกลูกค้าได้ว่าควรดูแลเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นอย่างไร และที่สำคัญเรามีเซอร์วิสพิเศษที่ให้ลูกค้าสามารถนำเฟอร์นิเจอร์ไปลองวางที่บ้านดูก่อนได้ว่าชอบหรือเปล่า เพราะบางคนอาจจะนึกภาพไม่ออกทำให้ไม่เห็นภาพ ถ้าเกิดชอบก็ค่อยมาตกลงซื้อขายกันทีหลัง แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไรเลยครับ เพราะมีหลายๆ คนที่เกรงใจกลัวว่าเอาของไปลองวางแล้ว แต่ไม่ซื้อจะดูไม่ดี แต่ผมบอกเลยว่าผมเข้าใจเพราะผมก็อยากให้ลูกค้าได้ของที่ถูกใจเขาจริงๆ

ทำงานเยอะมากเวลาพักผ่อนชอบทำอะไร

วิน : ผมชอบฟังเพลง ดูหนัง แล้วก็ท่องเที่ยวครับ ผมว่าการฟังเพลงเป็นการพักผ่อนที่ง่ายที่สุดแล้ว แถมยังไม่ต้องเสียเงินเยอะด้วย ถ้าวันไหนไม่มีเวลาก็สามารถเปิดเพลงในรถฟัง ขณะขับมาทำงานได้ ก็จะรู้สึกดีขึ้น ส่วนเรื่องท่องเที่ยวก็ต้องดูว่ามีเวลามากน้อยแค่ไหน ส่วนใหญ่ก็จะไปกับทั้งครอบครัว ไม่ก็ไปกับเพื่อนๆ

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

ช่วงนี้เห็นเซเลบริตี้หลายคนหันมาเข้าวงการบันเทิงมากขึ้น ถ้ามีคนติดต่อให้ไปเล่นละคร ถ่ายแบบ จะรับไหม

วิน : (หัวเราะ) ผมไม่ถนัดทางนี้เลยครับ ถ้ามีก็คงต้องดูที่ตัวงานก่อนละกัน ถ้าไหวก็คงทำ ถ้าไม่ไหวผมก็คงต้องดูศักยภาพตัวเองด้วย เพราะถ้าจะให้ถึงขนาดเล่นละครก็คงไม่ไหวครับ

พูดถึงเรื่องครอบครัวบ้าง คุณวินเป็นพี่ชายคนโต มีทั้งน้อยชาย (คุณวิค) และน้องสาว (คุณวุ้น) คุณวินสนิทกับใครที่สุด?

วิน : จริงๆ ก็สนิทกันทั้ง 3 คนเลยนะครับ นิสัยแต่ละคนก็จะแตกต่างกัน อย่างวิคซึ่งเป็นลูกชายคนกลางก็จะไหวพริบดี ค่อยข้างไว พูดเก่ง เฮฮา ส่วนน้องวุ้นก็จะเป็นคนมีความรับผิดชอบมาก ทำงานเก่ง เป็นผู้หญิงที่อึดมาก ดูแลตัวเองได้ ไม่ค่อยเป็นห่วงมาก

พี่น้องทั้งสามคนทำงานเกี่ยวกับธุรกิจแฟชั่น การดีไซน์ การออกแบบหมดเลย เป็นความบังเอิญหรือที่บ้านปลูกฝังมา

วิน : จริงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าที่บ้านคุณพ่อคุณแม่มีความชอบเกี่ยวกับทางนี้มั้งครับ คุณพ่อคุณแม่จะชอบงานอาร์ตหรืองานที่เกี่ยวกับดีไซน์อยู่แล้วด้วยครับ ก็อาจจะถูกถ่ายทอดปลูกฝังมา เลยถนัดด้านนี้กันทั้ง 3 คน แต่ก็ต่างแนวทางกันออกไป

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

ในการทำงานทั้ง 3 คน มีการช่วยเหลือหรือปรึกษากันบ้างไหม?

วิน : ช่วยเหลือแนะนำตลอดครับ อย่างแบรนด์ Vickteerut น้องวุ้นก็ช่วยอยู่ด้วยเพราะว่ามีหุ้นอยู่ในนั้น แต่อาจไม่ค่อยได้ออกหน้าออกสื่อ เพราะตัวน้องวุ้นเองก็ทำงานอยู่ที่ club 21 แต่ก็คุยและปรึกษากันตลอด

คุณวินเป็นพี่ชายคนโต แถมมีน้องสาวสวยด้วยแบบนี้หวงน้องสาวบ้างไหม?

วิน : จะว่าหวงก็หวงนะครับ แต่ว่าผมกับน้องอยู่กันแบบเหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า แม้แต่เพื่อนๆ ของผมเอง ก็ยังสนิทกับน้องเราด้วย จนกลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันหมดแล้ว เวลาไปเที่ยวก็ไปกันหมด ทั้งเพื่อนและน้องเราจะไปด้วยกันตลอด เลยไม่ค่อยหวงเท่าไหร่ สมัยเด็กๆ จะหวงยิ่งกว่านี้ แต่พอเขาโตขึ้น เขาก็ทำให้เรารู้ว่าเขาดูแลตัวเองได้

มีมุมมองในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ค่อนข้างละเอียดมาก แล้วมุมมองด้านความรักล่ะ

วิน : ตอนเด็กๆ อาจมีเยอะครับ แต่ตอนนี้ด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้ไม่มีอะไรตายตัว ขอแค่คนที่เข้ากับเราได้ เข้ากับครอบครัวเราได้ รับที่เราเป็นเรา อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ผมว่าก็โอเครแล้วครับ

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

ทราบมาว่าคุณแม่จะดุกว่าคุณพ่อ แล้วตอนที่มีแฟนท่านช่วยสแกนบ้างไหม?

วิน : คุณแม่เป็นคนที่ค่อนข้างดุก็จริง แต่พอเป็นเรื่องส่วนตัวแกก็ปล่อยนะครับ แต่ก็มีอยากรู้ เพราะเคยมาหลอกถาม หรือแอบๆ ถามบ้างตามปกติครับ คือคุณพ่อคุณแม่ท่านถือว่าเลี้ยงพวกเรามาดีมาก ค่อนข้างให้อิสระทางความคิด อิสระทางตัดสินใจค่อนข้างดี
ตอนเด็กๆ ดื้อบ้างไหมมีวีรกรรมอะไรบ้าง

วิน : ซนมากครับ มีแผลเยอะมาก ชอบปีนต้นไม้เหมือลูกลิงเลยครับ แต่ที่โตมาดูนิ่งขึ้นคงเป็นเพราะเราเป็นพี่คนโตด้วยคุณแม่สอนมาตลอดว่าต้องดูแลน้องๆ นะ ทำให้เราต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วยิ่งพอเราไปเรียนเมืองนอกทำให้เราต้องดูแลตัวเองในทุกๆ ด้านก็ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เห็นน้องๆ ทั้งสองคนบอกว่าคุณวินเป็นคนเจ้าระเบียบมากๆ จริงหรือเปล่า

วิน : ข้อนี้ยอมรับครับเพราะถ้าถามว่าเราทั้ง 3 คนใครเจ้าระเบียบสุดก็คงจะเป็นผม ซึ่งน่าจะได้คุณแม่มา ผมว่าเจ้าระเบียบในที่นี้คงเป็นเรื่องการใช้ชีวิต หรือเอาง่ายๆ แม้แต่สภาพห้องนอนผมว่ามันเป็นสิ่งที่บ่งบอกอยู่แล้วว่าใครเป็นคนยังไง อย่างห้องผมจะเรียบร้อยมาก ทุกอย่างต้องเก็บอย่างเป็นระเบียบ แต่ห้องน้องผมสองคนจะไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่ (หัวเราะ)

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูเรามาแบบไหน และเป็นแรงผลักดันในการทำให้ชีวิตประบวามสำเร็จอย่างทุกวันนี้หรือเปล่า

วิน : มีส่วนมากเลยครับ ทั้งคอยสอน ทั้งเป็นคนมอบโอกาสต่างๆ และยังคอยให้ความแนะนำในการใช้ชีวิตทุกๆ ด้าน ผมใช้คำว่าท่านเป็นเหมือนต้นแบบของผมเลยดีกว่า ส่วนเรื่องงานอาจจะไม่ได้สอนร้อยเปอร์เซ็นต์ งานที่ท่านทำอาจจะคนละแนวทางกับเรา แต่เขาก็สอนพื้นฐานในการเป็นหัวหน้าคน สอนถึงการทำธุรกิจพื้นฐาน สอนเรื่องการใช้ชีวิต การดำเนินชีวิตให้ดียังไงมากกว่าครับ

ทำงานเกี่ยวกับเทรนด์ เกี่ยวกับวงการแฟชั่น แล้วคุณวินมีสไตล์การแต่งตัวแบบไหน

วิน : ผมก็แต่งแบบง่ายๆ สีพื้นๆ ไม่ค่อยมีลายฉูดฉาดอะไรมากมาย เรียบๆ มากกว่าครับ มันเป็นสไตล์และความชอบที่ผมว่าทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด เหมือนกับแบรนด์ motif ที่ถึงแม้ว่าเราจะนำเข้าจากหลายๆ แบรนด์ด้วยกัน แต่เราก็เลือกโปรดักส์บางชิ้นของแบรนด์นั้นๆ ที่มีเอกลักษณ์ในแบบที่เราชอบและคิดว่ามันเหมาะกับ motif

วิน-วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน

ตอนนี้เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง

วิน : ผมว่ามันประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเท่านั้น ผมมองอนาคตว่าอยากจะให้มันไปได้ไกลกว่านี้ อยากให้ร้านมีสาขาเยอะกว่านี้ มีร้านที่เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบอื่นบ้างเพราะเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ของ motif คือเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน ซึ่งก็ยังมีทางอื่นที่เราอยากลอง อย่างเช่น เฟอร์นิเจอร์เอาท์ดอร์ ยังมีโปรดักส์อย่างอื่นที่ตอนนี้เรายังไปไม่ถึง ในอนาคตก็อยากจะไปให้ถึงตรงนั้น

ตอนนี้วางแผนอนาคตอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า

วิน : จริงๆ ผมก็ยังไม่ได้มองนะ ถามว่าอยากทำอะไรอีกไหม ก็มีหลายอย่างที่อยากทำ ตอนนี้คิดแค่ว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ อย่างที่ทุกคนรู้ว่าเศรษฐกิจตอนนี้มันก็ยังไม่ได้ดีมาก เลยอยากทำให้ทุกวันนี้มันแข็งแรงก่อนดีกว่าครับ

จบไปแล้วกับการนั่งสนทนากับนั่งธุรกิจหนุ่มไฟแรง พอได้มาเจอตัวจริงแล้วรู้สึกเลยว่าแตกต่างจากที่เราคาดการณ์ไว้มาก เพราะตัวตนจริงๆ ของคุณวินกลับเป็นหนุ่มมาดนิ่งที่ดูอบอุ่นรักครอบครัว จนแทบจะไม่เชื่อว่าเขาคนนี้คือคนที่ต่อสู้อยู่กับธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงแบบนี้ แต่นั่นมันก็ทำให้เราเห็นว่า การทำงานหรือการทำธุรกิจต่างๆ บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้ความแข็งกร้าวเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จได้ แต่ใช้ความอ่อนโน้นถ่อนตน เข้าใจธุรกิจที่ทำ ก็ทำให้เราประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

เรื่อง : สายพิรุณ   สารคำ

ภาพ : อรรณพ อาจหาญ

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

Praew Recommend

keyboard_arrow_up