รักมัธยมสู่ชีวิตแต่งงาน ตาล – ไตรตรา ผันชีวิตกทม.ไปอยู่บางแสนกับสามี สุขกับสิ่งที่ไม่เคยทำ

เป็นผู้หญิงติดบ้าน ติดครอบครัวมาโดยตลอด แต่เมื่อชีวิตก้าวสู่บทบาทภรรยา ตาล – ไตรตรา ลิมปพัทธ์ ลูกสาวผู้มีรอยยิ้มสดใสของพิธีกรชื่อดัง ต๋อย – ไตรภพ และพิจิตรา ลิมปพัทธ์ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น เพราะหลังแต่งงาน เธอได้ย้ายไปอยู่ที่บางแสน จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้ชีวิตครอบครัวและทำธุรกิจโรงแรมร่วมกับสามี

ก่อนหน้านี้ แพรวดอทคอม ได้เสนอเรื่องราวชีวิตของตูน – พัทธยศ ลูกชายคนโตของพิธีกรชื่อดัง ต๋อย – ไตรภพ และพิจิตรา ลิมปพัทธ์ ไป ซึ่งถ้าหากขาดลูกสาวคนเล็กอย่างตาล – ไตรตรา ลิมปพัทธ์ เรื่องราวก็อาจจะรู้สึกไม่สมบูรณ์ ย้อนไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2560 ที่ผ่านมา ตามพื้นที่สื่อมวลชนได้มีข่าวงานวิวาห์ของลูกสาวพิธีกรชื่อดัง และแฟนหนุ่มนักธุรกิจเกิดขึ้น ซึ่งบรรยากาศภายในงานมงคลเต็มไปด้วยความเรียบง่ายและความเป็นไทย และแน่นอนว่าคุณต๋อยในฐานะคุณพ่อก็ยิ้มยินดีกับงานแต่งของลูกสาวคนนี้

ชีวิตหลังแต่งงานของตาล – ไตรตรา ผู้หญิงติดบ้าน ชอบโทร.หาคุณพ่อคุณแม่เสมอ แต่อยู่ๆ ชีวิตต้องผันจากกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ที่บางแสน ร่วมทำธุรกิจกับสามี คุณคงศักดิ์ คุณจักร์ ชายที่สาวตาลเปรยมาว่าเป็นฝ่ายชอบเขาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษา จะมีเรื่องราวเป็นอย่างเป็นไร รวมถึงสิ่งที่ไม่เคยทำอย่างงานบ้าน พอต้องมาทำจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปฟังเรื่องราวของเธอพร้อมกันด้านล่างนี้เลย

อัพเดตชีวิตหลังแต่งงาน เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างคะ

คุณตาล: ชีวิตมีความสุขดีค่ะ แบบแฮ็ปปี้กว่าที่คิดไว้นิดนึงอย่างนี้ เพราะว่าพอดีสามี ตาลอยู่ที่บางแสนใช่ไหมคะ เขาเปิดโรงแรม Kalm Bangsaen Hotel ตาลก็ย้ายจากกรุงเทพฯไปอยู่บางแสน ก่อนแต่งงานก็กลัวว่าจะอยู่ไม่สบายอะไรอย่างนี้เนอะ แต่พอย้ายไปแล้วก็โอเค พอดีตาลอยู่โรงแรมบ่อยเหมือนกัน มันก็เลยสบายดี หมายถึงว่ามันก็เปลี่ยนเพราะเราไม่เคยทำอะไรเท่าไหร่ตอนอยู่ที่บ้าน พอแต่งงานก็ต้องทำเอง ซักผ้า รีดผ้าอย่างนี้ ไม่เคยทำก็ทำ แต่ถามว่ามีความสุขไหม ก็มีความสุขดีอยู่ แล้วอยู่กับสามีก็เหมือนมีเพื่อนเล่นทุกวัน

แล้วได้วางแผนจะมีทายาทกันเมื่อไหร่อย่างไรบ้าง

คุณตาล: สิ้นปีนี้ค่ะ (ยิ้ม) อยากจะมีแล้ว อยากได้ผู้หญิง แต่ไม่ซีเรียส เห็นพี่ชายมีลูกไงคะ แล้วเราก็แบบติดหลานมาก เข้ามากรุงเทพฯก็มาหาหลาน ไม่เจอเพื่อน ไม่ไปไหนเลย อยู่บ้านเล่นกับหลาน รู้สึกสนุก เลยอยากมีบ้าง

ธุรกิจโรงแรมที่บางแสน ที่สาวตาลดูแลร่วมกับสามี
ธุรกิจโรงแรมที่บางแสน ที่สาวตาลดูแลร่วมกับสามี
ธุรกิจโรงแรมที่บางแสน ที่สาวตาลดูแลร่วมกับสามี

ย้ายไปบางแสนอย่างนี้ ชีวิตวันหนึ่งๆ ทำอะไรบ้างคะ

คุณตาล: ก็ตื่นเช้ามาลงไปฟร้อนต์ ถามเหตุการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ลูกค้าคนไหนมีติอะไร ถ้ามีก็จะติดต่อกับทางนั้น แล้วก็ช่วงบ่ายๆ ก็จะดูห้องพักว่าเต็มหรือเปล่าค่ะ เพราะว่าตาลไม่ได้เปิดระบบ ตาลจัดการเอง ถ้าห้องเต็มตาลก็ปิดอย่างนี้ แล้วก็ดูแลทุกอย่าง แม่บ้านมีอะไรเขาก็จะมาเล่า สมมุติวันนี้ที่ห้องแขกมีแขกลืมของอะไร เราก็ต้องติดต่อแขก จัดการกับทุกปัญหา เพราะตาลกับสามีทำเองทุกอย่างเลย ไม่ได้มีผู้จัดการ ก่อนแต่งตาลเคยทำ Marketing ที่โรงแรมค่ะ เคยทำทั้งที่โรงแรมเชอราตัน, W Bangkok, Mercure (เมอร์เคียว) พอดีมีช่วงที่คุณแม่ไม่สบาย เลยออกจากงานแล้วมาดูแม่ พอเสร็จหลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำงานเลย พอดีสามีเป็นเพื่อนที่เรียนไฮสกูลมาด้วยกัน แล้วเขาก็เรียนโรงแรมมาเหมือนกัน เขาก็ไปเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์ ตาลก็ไปเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์เหมือนกัน แต่ไม่ได้ไปที่เดียวกัน คนละฝั่ง แล้ว 10 ปีย้อนหลังก็เพิ่งมาเจอกัน แล้วก็แต่งงานกัน

จากความสัมพันธ์แบบเพื่อนธรรมดา พัฒนามาเป็นเพื่อนรู้ใจได้อย่างไร

คุณตาล: คือตอน ม.6 ตาลชอบเขา เคยแอบกิ๊กกัน (ยิ้ม) คุยโทรศัพท์หนุงหนิง แต่ไม่เคยเป็นแฟน แล้วก็ไม่ได้คุยกันเลย จนเวลาผ่านไปก่อนตาลจะไปเรียนสวิส ตาลก็โทร.ไปถามเขาว่าไปเรียนที่สวิสต้องเตรียมอะไรบ้าง แล้วก็ไม่เคยคุยอีกเลย พอเรียนจบทุกอย่าง ตาลก็ยังไม่มีแฟน เขาก็ไม่มี ก็เลยชวนกลับมาคุยกัน ก็เลยคบกัน (ยิ้มเขิน)

ห่างจากบ้าน ย้ายมาอยู่บางแสนแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ห่วงมากไหมคะ

คุณตาล: โห ตาลเป็นคนติดที่บ้านมากค่ะ เช้ามาตาลหยิบโทรศัพท์โทร.หาเลย ไม่เคยต้องให้ที่บ้านโทร.มาก่อน เพราะว่าตาลติดหลานไง ตาลก็เข้าไปดูในมือถือว่าหลานทำอะไร ถ้าไม่เห็นหลานก็โทร.ทันทีว่าหลานไปไหน ทำอะไรอย่างนี้ แล้วตาลเป็นแบบนี้ตั้งแต่เรียนแล้วค่ะ โทร.หาแม่จนแม่บอก เธอไม่ต้องโทร.มาแล้ว (หัวเราะ) เธอโทร.มาทำไม วันนึงต่อให้อยู่กรุงเทพฯด้วยกันก็โทร.หาเขาประมาณ 5 รอบ 10 รอบ คือคุยกับแม่ทุกวัน ติดอยู่แล้วอะค่ะ ตอนนี้คุณแม่ก็สุขภาพดีเป็นปกติแล้วค่ะ แต่ตาลก็ยังคงติดที่บ้านสม่ำเสมอ

ครอบครัวลิมปพัทธ์

แพลนในอนาคตจะอยู่ที่บางแสนตลอดเลยหรือเปล่า

คุณตาล: ไม่ค่ะ คิดว่าถ้ามีลูกก็จะย้ายกลับมาที่กรุงเทพฯ ก็คือให้สามีเดินทางไป-กลับเอา เพราะว่าอยากให้ลูกเรียนกรุงเทพฯ อยากให้ลูกได้อยู่กับหลาน เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเนอะ เขาจะได้มีเพื่อนเล่น อยากให้ทุกวันเป็นวันครอบครัว เพราะมันอบอุ่นอยู่แล้ว ก็อยากให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไป

แล้วไลฟ์สไตล์จริงๆ ของตาลเป็นยังไงบ้าง เพราะอย่างวันแต่งงานเราก็จะเห็นความเป็นไทย ความเรียบง่าย

คุณตาล: ตาลเป็นคนง่ายๆ เป็นคนเรียบมากเลยค่ะ เป็นคนที่ง่ายสุดๆ เลย ไม่ต้องการอะไรมาก ตอนแรกเหมือนเราอยู่ที่กรุงเทพฯเราก็สบาย ก็กลัวการไปอยู่ที่บางแสนเนอะ แต่ว่ามันเปลี่ยนหมดเลย พอตาลไปอยู่จริงๆ โอ้โห ที่บางแสนมันสบายมาก ไม่มีความเครียดเลย เหมือนกรุงเทพฯก็จะเจอรถติด เจออะไรอย่างนี้ แต่ก่อนเวลาตาลฟังผู้ใหญ่พูด ตาลจะไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่อยากไปต่างจังหวัด ไปพักผ่อน ตาลไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ตาลเข้าใจว่าความสบายมันเป็นยังไง เราสามารถออกจากบ้าน 5 นาทีแล้วก็ไปนัดเจอพ่อแม่สามีทานข้าวได้ แล้วไปก็ไปชิลๆ สบายๆ ท่านก็กินข้าวร้านข้างถนนแบบสบายๆ ทุกชีวิตมันดีอะ มันไม่มีความเครียดจริงๆ สมมุติวันนึงตาลทำธุระที่บางแสน ไปแบงก์ ทำทุกอย่างอะ ได้ประมาณ 5 ธุระในวันนึง แต่กรุงเทพฯนี่คือธุระเดียววันเดียวจบแล้ว

เป็นคนกรุงเทพฯย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้เหงาไหม

คุณตาล: เหงาค่ะ เหงามาก แต่ว่าสามีเหมือนเพื่อนค่ะ ก็เลยอยู่ด้วยกันสนุกสนาน

มีแอบงอนๆ ทะเลาะกันบ้างไหมคะ

คุณตาล: งอนนิดนึง สมมุติว่าเขาไปตีกอล์ฟ เขาชอบไปตีกอล์ฟ แล้วเขาให้ตาลอยู่โรงแรม ตาลก็ดูแลโรงแรม แล้วบางทีตาลรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ตาลก็รู้สึกว่าแล้วเมื่อไหร่จะกลับมาอะไรอย่างนี้ (หัวเราะ) เรารอทานข้าวไง เพราะต้องกินข้าวด้วยกันทุกวัน ตื่นมากินข้าวด้วยกันทุกมื้อทุกวัน ก็เลยรู้สึกงอนนิดหน่อย

คิดว่าตัวเราเองมีความเปลี่ยนแปลงไหม ระหว่างก่อนแต่งกับหลังแต่ง

คุณตาล: อ๋อ เปลี่ยนค่ะ เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ใจเย็นขึ้นเยอะเลยค่ะ เวลาคุยกันก็จะได้ไม่ทะเลาะกัน ต้องใจเย็นอย่างนี้ ก็รู้จักคำว่ายอมมากขึ้น เกรงใจเขา ให้เกียรติเขามากขึ้น

สาวตาลและพี่ตูน พี่ชาย
อาตาลกับหลานแฝด น้องมะลิ – กะทิ

ถามถึงพี่ชาย (ตูน – พัทธยศ) เขามีลูกชื่อไทยๆ มะลิ – กะทิ แล้วเรามีคิดบ้างไหมว่าจะตั้งชื่อลูกแบบไหน

คุณตาล: ตั้งไว้แล้วค่ะ คือตาลคิดว่าตาลจะได้ลูกชายไง สามีตาลนามสกุลคุณจักร์ แล้วของตาลนามสกุลลิมปพัทธ์ ก็เลยกะให้ลูกชื่อ ณภัทร เพราะว่ามันเป็น ณ กับ พัทธ์ เหมือนกัน ชื่อเล่นชื่อน้องคุณ เพราะว่านามสกุลเขาคือคุณจักร เพราะว่าบ้านตาลอะ ตาลชื่อไตรตรามาจากชื่อพ่อกับแม่ ไตรภพกับพิจิตรา ชื่อพี่ตูนมาจากนามสกุล ยศพลกับลิมปพัทธ์ ก็เลยเวลามีลูกอยากจะตั้งชื่อลูกแบบนี้ แต่จริงๆ ลูกพี่ตูนเขาชื่อทิชา – ริชา แต่ตาลเป็นคนตั้งชื่อมะลิ – กะทิ เพราะตาลรู้สึกว่าชื่อมันเรียกยาก (อ๋อ มีที่มาอย่างนี้นี่เอง) ใช่ ตาลเป็นคนเรียกเอง เพราะรู้ว่าเขาเกิดมาจะชื่อนี้ ใครจะเรียกอะไรก็เรียกไป แต่ฉันเรียกมะลิ – กะทิ

ซ้อมอุ้มลูกด้วยการอุ้มหลานแฝด ความเป็นแม่มาเต็มๆ

ทำไมถึงเรียกชื่อหลานอย่างนี้

คุณตาล: คนโตชื่อมะลิ เขาขาวเหมือนแม่ คนเล็กชื่อกะทิ เหมือนพ่อ แต่ตาลไม่ได้คิดว่าเหมือนหรือว่าอะไรนะ ตาลแค่รู้สึกว่าชอบอะ เขาชื่อทิชากับริชา ก็เออ ชื่อไทยๆ มะลิกับกะทิ แต่จริงๆ ชื่อเขาชื่อทิชากับริชานะคะ หนูเรียกของหนูเป็นมะลิกับกะทิเอง (หัวเราะ)

รักครอบครัว ใส่ใจหลานขนาดนี้ ก็ต้องรอลุ้นกับสาวตาล – ไตรตรากันแล้วละว่าจะมีเบบี๋สิ้นปีสมใจหรือเปล่า แต่ที่แน่นอนเลยคือ ครอบครัวเขาอบอุ่นและน่ารักกันมากๆ

 


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: ไตรตรา ลิมปพัทธ์, IG @tritratann

Praew Recommend

keyboard_arrow_up