ความรักของ เจมส์ มาร์ เป็นที่จับตามองของแฟนๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาเปิดตัวว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับ พาย รินรดา นางเอกร่วมช่อง โดยความรักของทั้งคู่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน และค่อยๆ พัฒนาความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน โดยเจมส์เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาตกหลุมรักพายเพราะความน่ารัก ความสดใส และความเป็นกันเองของเธอ นอกจากนี้ เขายังชื่นชมในความสามารถและความมุ่งมั่นในการทำงานของพายอีกด้วย
ถึงแม้ว่าความรักของทั้งคู่จะดูหวานชื่น แต่ก็มีอุปสรรคเข้ามาบ้าง ทั้งเรื่องของเวลาที่ไม่ค่อยตรงกัน และเรื่องของความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน แต่ทั้งคู่ก็พยายามปรับตัวเข้าหากัน และประคับประคองความสัมพันธ์มาได้เป็นอย่างดี ล่าสุด เจมส์ มาร์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความรักใน งานเปิดตัวชวนเยาวชนโชว์วงสวิงเข้าร่วมแข่งขัน “Chang Thailand Junior Golf Circuit 2025” รายการแข่งขันกอล์ฟระดับประเทศที่สร้างเยาวชนสู่โปรกอล์ฟระดับโลกที่Chang Canvas@One Bangkok


ถามถึงการตีกอล์ฟของเรา?
“เรื่อยๆ เลยเล่นจนมาเป็นทีมโรงเรียน ตอนนี้ 31 ตอนนั้น 3 ขวบ ก็ตีมา 29 ปีครับ มันจะมีช่วงเว้นด้วย ไม่ได้ซ้อมได้ตลอดเวลา แต่พอถึงจุดหนึ่งที่เราเข้าวงการบันเทิงเนี่ย เรารู้สึกว่าเราอยากเราอยากจริงจังกับสิ่งนี้ให้มากกว่านี้ หาเงินเองได้ทำงานได้ก็เลยทุ่มกับการเล่นกอล์ฟด้วย ตอนนี้ผมยังเป็นสถานะสมัครเล่นไม่ใช่โปร คือมันเกิดขึ้นตอนที่เข้าวงการบันเทิงนะครับ เริ่มคิดได้ว่า เราชอบอะไร ไม่ชอบอะไรก็ทำสิ่งนั้นจริงๆจังๆ
พาคุณแฟนไปเล่นกอล์ฟมั้ย?
“มีครับ ก็คือจริงๆ แล้วงานเมื่อปลายปีที่แล้วเป็นงานกอล์ฟของทางช้าง พายก็ได้ไปเล่นด้วยกันครับ เป็นครั้งแรกที่เค้าได้มาตี ซึ่งเค้าตีไม่เป็น เราก็เลยสอนเค้า เพราะเค้าก็บอกว่าอยากให้เราได้ลองสอนดูอะไรอย่างนี้ก็สอนจนเขาปั้นวงขึ้นมาได้แล้วก็ตีลูกไปข้างหน้า เค้าก็ชอบในความว่าเออมันสนุก เค้าบอกว่ามันยากแล้วก็ร้อน เพราะฉะนั้นเวลาจะตีก็จะเลือกเวลาว่าจะตีในห้องแอร์หรืออาจจะเป็นตอนเย็นหรือหน้าหนาว”
เห็นแววเค้ามั้ย?
“วงเค้าน่าอิจฉามากครับ วงเขาแบบเหมือนแบบธรรมชาติมาก”

ดีใจมั้ยที่แฟนมาทำกิจกรรมที่เราชอบ?
“ดีใจนะครับ แล้วก็รู้สึกว่าเค้าจะได้เข้าใจถึงความรู้สึกของการเล่น ผมก็เห็นหลายๆคนหลายๆคู่ทำแบบนี้ด้วยกัน”
เค้าอยากตีไปถึงขั้นไหน?
“เค้าบอกว่าแค่ตีให้ลูกไปข้างหน้าก็พอ ไม่คิดเยอะ ไปดูวิวเขียวๆอย่าไปซีเรียสกับสกอร์ เอ็นจอยการเล่น” เค้าทำเพื่อเราด้วยมั้ย? “ผมว่าส่วนนึงเค้าก็น่าจะเหมือนทำเพื่อเรานี่แหละครับ ตอนแรกเขาไม่ได้มีความคิดตรงนี้แต่พอพอถึงจุดนึงมันมีมันโอเคด้วยมีงานด้วย แล้วเค้ารู้สึกว่าถึงเวลาที่เค้าจะต้องลองแล้ว ก็ประมาณ 3-4 เดือนมั้งครับ ซ้อมด้วยกันแต่ไม่ได้ทุกวัน เค้าก็ปรับตัวเข้าหาไลฟ์สไลต์ของเรา เหมือนกันครับ เราก็ปรับตัว ปรับเข้าหากัน”

อย่างเช่นล่าสุดไปกดบัตรคอนเสิร์ตวงเกาหลีให้แฟน?
“ใช่ๆ อันนี้ก็เป็นประสบการณ์ดีมากๆ เหมือนกัน เพราะว่าเราเป็นคนชอบกดอะไรแบบนี้อยู่แล้ว หมายถึงว่ากดรองเท้า กดของเล่น พอมันมีโมเมนต์กดบัตร เราเข้าใจเลยว่าแบบอยากทำให้ได้ แต่จริงๆแล้ววันนั้นต้องเล่าว่า เค้ากดเอง แต่ผมไปจ่ายตังค์ มันต้องทำงานเป็นทีมครับ เค้ากดได้ปุ๊บแล้วเรารอจ่าย เป็นประสบการณ์แล้ว ชาเลนจ์ตัวเอง” เค้ากดเราจ่ายคือเราสายเปย์เลยมั้ย? “เค้าโอนคืนมาครับ” เรียกว่าเราไปอยู่ในโลกของเค้า? “วันที่เราไปเนี่ย เราก็เห็นคนที่เหมือนมารอลุ้นเหมือนน้องเค้า ก็ให้กำลังใจเค้าเพราะเราเข้าใจความรู้สึก ขอให้เค้าได้บัตรเหมือนกัน” แล้วจะไปดูคอนเสิร์ตกับเค้าบ้างมั้ย? “ถ้ามีโอกาส ถ้ากดแล้วมาถึงผมนะ ผมก็จะไปดู จริงๆกดแล้วเค้าก็จะไปดูเอง ไปดูกับเพื่อนๆเพราะว่ามันไม่ได้มาง่ายๆ ถ้ามีโอกาสก็มากดมาแล้วได้พอดีผมจะไปดูด้วยครับ”

ใกล้วาเลนไทน์เตรียมแพลนอะไรไว้บ้างรึยัง?
“ยังไม่มีเลยครับ ทำงาน แล้วก็มีอีกหลายวันให้้ตัดสินใจ” ปกติคู่เราหวานอยู่แล้ว? “ชิลๆ อยู่แล้ว คือยกตัวอย่างวาเลนไทน์หรืออะไรก็ไม่ต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ถ้ามีโอกาสก็ไป จัดดินเนอร์หรือจัดอะไร แต่ถ้าเกิดทำงานก็จะทำงาน ปีที่แล้วถ้าจำไม่ผิดก็คือเอาดอกไม้ไปให้เค้าที่กองแค่นี้เอง” ให้ความสำคัญเทศกาลต่างๆยังไง? “ก็ให้ประมาณนึงแต่เอางานแล้วก็เอาชีวิตที่ต้องดำเนินเป็นหลัก เพราะว่าสุดท้ายแล้วเราก็ยังรู้สึกกันและกันได้ ไม่ต้องเจอกันก็ได้” ผู้หญิงอาจจะชอบได้ดอกไม้วันสำคัญ? “จริงๆ เค้าคิดเหมือนผมครับ เค้ารู้สึกว่าถ้ามันมีงานต้องทำ เค้าก็จะทำงานก่อน แต่ว่าแต่แน่นอนครับ มันต้องมีโมเมนต์นิดนึงไม่มากก็น้อยอาจจะเป็นวีดีโอคอล อาจจะเป็นส่งดอกไม้ไปให้คือลองลองหาดูที่มันแบบมินิมอลแต่ว่าเอาหน้าที่ของเราเป็นหลักครับ” ปกติเราโรแมนติกมั้ย? “ผมว่าก็ประมาณนึง แต่ที่บอกคือผมก็ชอบให้มันแบบพอดีๆกลมกล่อม ไม่หวานไป ไม่โรแมนติกเกินไป ให้มันให้มันพอดีๆในความรู้สึกของเราแล้วกันนะครับแต่คนอื่นมองมาก็อาจจะมีรีแอ็คชั่นต่างๆนานาไป”

เพิ่งไปกางเตนท์แคมป์ปิ้งกันมา?
“ปีใหม่ทุกคนพักกันแต่ก็จัดเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน เวิร์ค ไลฟ์ บาลานซ์ มันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่เพื่อน แฟน ก็บาลานซ์ให้ดี ไปสวนผึ้งกันมาครับ เป็นสิ่งที่ผมอยากทำมานานแล้ว อากาศมันดีด้วยแล้วแล้วบางคนพบว่าจริงๆ แคมป์ปิ้งสมัยนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อนตอนที่เราเด็กๆที่มันแบบลำบาก ตอนนี้ทุกอย่างอุปกรณ์มันแบบเหมือนบ้านเลยทำให้เป็นประสบการณ์ที่ดีแล้วรู้สึกว่าปีหน้าจะทำอีก แต่ว่าแต่ว่าไม่ยังไม่ถึงขั้นเอ็กซ์สตรีม คือผมไม่ได้ไปแบบยังไม่ถึงขั้นแบบที่เป็นโปรเฟซชั่นนอล อุปกรณ์ผมยืมเค้ามาครับ ผมของรุ่นพี่ครับ มันเป็นฟีลลิ่งที่ดีมากครับ มันสบายมันอยู่กับธรรมชาติดีครับ เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่ชอบเค้าชอบมาก”

พายติดใจมั้ย?
“เค้าบอกว่าเค้าชอบครับ แต่แน่นอนต้องดูที่อากาศด้วย”