เทศน์ เฮนรี ไมรอน นักแสดงและนายแบบ ลูกครึ่งไทย-ไอริช เกิดที่เมืองดับลิน สาธารณรัฐไอร์แลนด์ หลังจบประถมศึกษาครอบครัวได้ย้ายกลับประเทศไทยถาวร ด้วยความชื่นชอบงานในวงการบันเทิง จึงขยันแคสติ้งงานเดินแบบ งานโฆษณา และในที่สุดชีวิตได้เจอกับความท้าทายครั้งใหม่กับการเป็นนักแสดงที่เจ้าตัวบอกว่าอยากทุ่มเท และหวังว่าจะได้เป็นนักแสดงมืออาชีพแบบที่ตั้งใจ
จากนายแบบมืออาชีพสู่นักแสดงคลื่นลูกใหม่ช่อง 3?
“ผมเริ่มทำงานจากการเดินแบบอาชีพ งานส่วนใหญ่เป็นเดินแฟชั่นวีค ถ่ายแบบกับเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ โดยในระหว่างนั้นผมก็รับงานถ่ายโฆษณาไปด้วย ซึ่งพอได้เล่นหลายครั้งผมรู้สึกถึงความสนุก จึงปรึกษากับพี่ผู้จัดการว่าเราอยากจะลองงานแสดงบ้าง แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า โชคดีที่พี่เขาสนับสนุนเราในทุกเรื่อง บวกกับตัวเราเองก็พยายามที่จะหาโอกาสฝึกการแสดงเรื่อยๆ กระทั่งได้มีโอกาสเข้ามาแคสติ้งเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3”

“ผมจำได้ว่าตอนแคสติ้งเข้ามาที่ช่องเป็นช่วงโควิด ดังนั้นจึงต้องออดิชั่นทางออนไลน์ วันที่สัมภาษณ์ตื่นเต้น ผมเปิดโทรศัพท์เข้าวิดีโอคอลไลน์กรุ๊ป มีกรรมการประมาณ 10 คน ใจผมตื่นเต้นมาก แต่เพราะเป็นวิดีโอคอลทำให้ไม่ได้สนใจใครเลย มองเห็นแต่หน้าตัวเอง โจทย์แรกที่ผมได้รับคือ ให้จินตนาการว่าเรากำลังจีบผู้หญิง และให้เราพยายามที่จะพาผู้หญิงไปกินซูชิ เขาให้ผมคิดบทขึ้นมาเองและแสดงเอง ตอนนั้นผมรู้สึกว่าทำได้แย่มาก จนคิดว่าไม่ผ่านแล้ว แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ผมได้รับข่าวดีว่าผ่านการออดิชั่น จึงเริ่มฝึกการแสดงอย่างจริงจังและเริ่มแคสติ้งละครเรื่อยๆ ”
“ละครเรื่อง “ดวงใจเทวพรหม” เป็นผลงานประมาณเรื่องที่ 2-3 ที่ผมได้มีลองแคสติ้ง ซึ่งผมมีความไม่มั่นใจอยู่เยอะมาก ด้วยความที่ละครเรื่องนี้เป็นแนวพีเรียด ใช้ภาษาต่างจากปกติในชีวิตประจำวัน บวกกับตัวผมเองพูดภาษาไทยยังไม่ได้เท่าไหร่ แต่ที่ไปแคสเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี ในลึกๆ ผมอยากได้แหละ แต่ไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงมาก”

“ตอนที่ไปแคสติ้ง พี่นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช ชวนผมคุยและทักว่าพูดภาษาไทยยังไม่ค่อยได้นะ ผมจึงรับปากพี่เขาไปว่าผมจะทำการบ้านให้เยอะขึ้น จะท่องบท อ่านบท และวิเคราะห์บทให้มากกว่าคนอื่น”หลังจากนั้นพี่นกให้คนเอาบทมาให้ผมอ่าน ก็อึ้งเลยครับ เพราะแค่ชื่อตัวละครก็ยาวมาก “ร้อยตำรวจเอก ม.ล. รณจักร จุฑาเทพ” รองบังคับการสืบสวนปราบปรามยาเสพติด ซึ่งวันนั้นผมพูดชื่อตัวละครยังไม่ได้เลยครับ แต่ตอนนี้จำได้แม่นแล้ว เพราะต้องท่องอยู่เป็นเดือนเลย”
ปัญหาใหญ่ที่ท้าทายคือกำแพงทางภาษา?
“ผมเริ่มใช้ภาษาไทย ตอนย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยถาวร แต่ไม่เคยเรียนจริงจัง เพราะโรงเรียนที่ผมเป็นโรงเรียนนานาชาติ เพื่อน อาจารย์ สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ จึงแทบจะไม่ได้ใช้ภาษาไทยเลย ถ้าจะสื่อสารจริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคุณแม่”
“ถ้าถามว่าตอนนี้ผมอ่านบทและทำความเข้าใจกับบทละครยังไง ต้องบอกว่าตอนนี้มีป้ากบ (ผู้จัดการส่วนตัว) เป็นตัวช่วยครับ ป้ากบช่วยให้ผมและตัวละครมีความเข้าใจตรงกันตามที่ผู้กำกับวาดภาพเอาไว้ ตอนนี้ป้ากบคือทุกๆ อย่างของผมเลย”
“ถ้าพูดถึงภาษาไทยของผมตอนนี้ ผมคิดว่าเข้าใจภาษาไทยมากขึ้น เร็วขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการได้ใช้ชีวิตอยู่ในกองถ่ายเรื่องนี้ด้วย เพราะอยู่ในสังคมที่เขาใช้ภาษาไทยเป็นหลักมันก็เลยทำให้ผมเข้าใจมุกภาษาไทย เข้าใจวิธีการคุยกับเพื่อนกับคนในกองมากขึ้น”

หลายคนบอกว่าเทศน์เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นๆ ได้ง่ายมาก?
“ผมพยายามเฟรนด์ลี่ และคิดบวก ตอนแรกที่ผมเห็นรายชื่อว่าต้องเล่นกับใครบ้าง ผมก็ค่อนข้างเกร็งเพราะแต่ละคนผ่านผลงานมาหลายเรื่อง แต่จริงๆ พี่ทุกคนนิสัยดีมาก ทุกคนค่อยสนับสนุนผมเสมอ ถ้าถามว่าในกองสนิทกับใครมากที่สุดคงเป็นน้องไมกี้ที่คุยกันบ่อยมากครับด้วยความที่เราเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน และเป็นน้องใหม่เหมือนกัน ทำให้รู้สึกอุ่นใจเพราะมีเพื่อน อีกคนหนึ่งคือพี่พีคนอกจากเข้าฉากด้วยกันเยอะแล้ว เขายังเติบโตที่ต่างประเทศจึงทำให้ค่อนข้างสนิทกัน ถ้ามีอะไรที่ผมอยากปรึกษาก็มักจะถามพี่พีคเสมอ”

การเป็นนักแสดงเปลี่ยนชีวิตอย่างไรบ้าง?
“อย่างแรกเลยเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น เราต้องเตรียมพร้อม อ่านบท ทำความเข้าใจและวิเคราะห์ตัวละครก่อนแสดงทุกครั้ง ถ้ามองในมุมคนนอกอาจคิดว่าเป็นนักแสดงไม่ต้องคิดเยอะ แสดงเป็นธรรมชาติง่ายๆ แต่จริงๆ มันยากมากครับ อีกหนึ่งอย่างคือการได้มาเล่นละครทำให้ผมเป็นคนที่อ่านหนังสือหรืออะไรต่างๆ ละเอียดขึ้น ฝึกให้เราเป็นคนคิดหลายมิติ ”
เป้าหมายในปี 2024?
“อย่างแรกเลยคืออยากให้ละครประสบความสำเร็จ ทั้งเรื่องดวงใจเทวพรหม และ โลกหมุนรอบตัวเธอ ในปีนี้ยังอยากแสดงละครอีกสัก1-2เรื่อง อยากจะพัฒนาฝีมือการแสดงให้เร็วมากกว่านี้ เพื่อเป็นนักแสดงที่ดี”

เรื่องหัวใจ ผู้หญิงแบบไหนที่ทำให้ตกหลุมรัก?
“ผมชอบผู้หญิงที่คิดเชิงบวก เป็นคนมีเป้าหมายในชีวิต เขารู้ว่าเขาอยากได้อะไรหรือต้องการอะไร ไม่จำเป็นต้องมีแผนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องมีเป้าหมายอยู่บ้าง เพราะผมเองก็เป็นคนแบบนั้น ส่วนแบบที่ไม่น่าจะทำให้ตกหลุมรักได้คงเป็นคนที่ไม่มีความตลกเลย เพราะในชีวิตเราก็อยากได้ความสดชื่นมีความสุขไปดูกัน”
ชอบเป็นฝ่ายถูกจีบหรือถนัดจีบมากกว่า?
“ผมเคยมีทั้งสองแบบไปจีบเขาและเขามาจีบ เหมือนถ้าเราเป็นฝ่ายจีบเราจะรู้สึกภูมิใจ ในขณะที่ถ้ามีคนมาจีบเรา เราจะรู้สึกดีกับตัวเองมั่นใจมากขึ้น ”

เวลาที่มีความรักมีด้านไหนที่รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีในฐานะแฟน และมีด้านไหนที่อยากขัดเกลาตัวเองบ้างไหม?
“ถ้าต้องขัดเกลา ผมเป็นคนที่เซอร์ไพร้ส์ไม่เก่ง อยากจะเซอร์ไพร้ส์คนอื่นแต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ถ้ามีความรักผมก็อยากเป็นคนที่โรแมนติกให้มากขึ้นครับ”
สุดท้ายถ้ามีเรื่องทะเลาะกับคนรักจะเป็นฝ่ายยอมให้จบไป หรืออธิบายอย่างมีเหตุผล?
“ผมเป็นแนวอธิบายอย่างมีเหตุผล ผมคิดว่าถ้าเรายอมปัญหามันก็จะยังอยู่เหมือนเดิมแล้ว แล้วปัญหามันจะกลับมาใหม่ เราจะกลับมาทะเลาะกันในหัวข้อเดิมๆ แล้วจะไม่จบสักที”
