ทำความรู้จักกับสาวน้อยว่าที่ศิลปินคนต่อไป เมจิ ณัชชา ไชยพยอม ลูกสาวสุดหวงของ คุณแหม่มสิริธร กรีวงษ์ “เมจิ” พกความสามารถทั้งร้องและเต้นมาแบบจัดเต็ม ออกเดินทางตามความฝันที่อยากเป็นศิลปินในวัยเพียง 15 ปี และเร็วๆ นี้จะมีโปรเจ็กต์มาให้ติดตามแล้วค่ะ
ว่าที่ศิลปิน เมจิ ณัชชา เดินตามความฝันจาก สองแรงบันดาลใจ ลิซ่า&เจนนี่
ลิซ่า & เจนนี่ สองแรงบันดาลใจ
“ปัจจุบันหนูเรียนชั้นมัธยม 4 โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจ กรุงเทพฯ (King’s College International School Bangkok) ชอบวิชาภาษาอังกฤษและ ด้านศิลปะทุกแขนง ที่ค้นพบตัวตนไวอาจเพราะสมัยเด็กคุณแม่ส่งไปเรียนพิเศษ แทบทุกวิชาเลยค่ะ
“หนึ่งในนั้นคือการเรียนบัลเลต์ตั้งแต่ 5 ขวบ แต่ตอนหลังหนูรู้สึกว่า ยังไม่ใช่ทาง จึงขยับไปเรียน Street Jazz โดยยังเรียนบัลเลต์ควบคู่ไปด้วย กระทั่งหนูอายุ12 ปี ช่วงนั้นเคป็อปเริ่มดังในเมืองไทย โดยเฉพาะ BLACKPINK ซึ่งหนูติดตามมาตั้งแต่ช่วงแรกเลย รู้สึกชื่นชมพี่ลิซ่า (ลลิษา มโนบาล) ที่มี ความสามารถมาก ได้โกอินเตอร์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไลน์การเต้นก็ชัดและ โดดเด่นมาก อีกคนคือเจนนี่ คิม ที่เวลาอยู่บนเวทีมีเสน่ห์สะกดสายตา จนหยุดมองไม่ได้ สองคนนี้เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจให้หนูอยากเป็นศิลปิน คุณแม่จึงส่งไปเรียนเต้นเคป็อปที่สถาบัน D Dance Thailand ค่ะ”
จากเด็กขี้อาย…สู่ว่าที่ศิลปิน
“สมัยก่อนหนูขี้อายมากค่ะ ตอนเรียนเต้นขออยู่แถวหลังตลอด กระทั่ง มีคอนเสิร์ตของสถาบันที่จัดเพื่อให้เด็ก ๆ ได้แสดงความสามารถ ตอนที่รู้ว่า ต้องร่วมโชว์รู้สึกว่าไม่อยากทำ แต่ที่สุดก็ต้องทำค่ะ พอมองย้อนกลับไปแล้ว รู้สึกเลยว่าวันนั้นตัวเองกล้าแสดงออกมากๆ และกลายเป็นว่าหลังจากนั้นพอ ต้องทำอะไรก็จะขออยู่ข้างหน้าเลยค่ะ (ยิ้ม) ฉะนั้นเมจิจึงเชื่อว่าสิ่งที่ช่วยเสริมสร้าง ความมั่นใจให้เราได้คือต้องโชว์บ่อยๆ เดี๋ยวความกลัว ความตื่นเต้นจะหายไปเอง เมจิคิดว่าถ้าเราค่อย ๆสั่งสมความมั่นใจได้พอสมควร เมื่อบวกกับความเป็นตัวเอง เมื่อนั้นความเปล่งประกายและเสน่ห์ดึงดูดก็จะปรากฏออกมา ทำให้ผู้ชมไม่อาจ ละสายตาไปจากเราได้ค่ะ
“เรียนเต้นได้ประมาณ 5 เดือน เพื่อนชวนเมจิไปออดิชั่นเป็นศิลปินของ ค่าย White Fox มีเวลาเตรียมตัวเพียง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนคัดตัว แต่คง เพราะแพสชั่นและความตั้งใจเรียนเต้นมาตลอด ผลจึงออกมาว่าผ่าน ได้เก็บตัว เป็นศิลปินฝึกหัด โดยต้องเรียนเต้น และฝึกร้องเพลงซึ่งไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย ทีแรกรู้สึกไม่ชอบ แต่พอได้ลองทำแล้วกลายเป็นว่าชอบร้องเพลงมากกว่า (หัวเราะ) พยายามฟังเพลงและฝึกร้องหลาย ๆแนวที่ชอบ ค้นพบว่าชอบร้องแนว แร็พ เพราะมีความอัพบีต และสามารถใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปได้เต็มที่
“ทางค่ายจะเทรนเราไปเรื่อย ๆจนกว่าจะพร้อมเป็นศิลปิน โดยจะมีการสอบ เป็นระยะ เพื่อให้แต่ละคนได้โชว์ความสามารถและดูพัฒนาการกับความพร้อม น่าแปลกที่เมจิไม่รู้สึกกดดันเลย เชื่อว่าเพราะตั้งใจฝึกมาตลอด บอกตัวเองว่า เราจะหวังพึ่งพรสวรรค์อย่างเดียวไม่ได้ พรแสวงหรือการฝึกซ้อมจะทำให้เรา พัฒนาขึ้นค่ะ”
พลังแห่งรัก
“ในหนึ่งสัปดาห์ใช้เวลาฝึกซ้อม 5 วัน ช่วงหลังเลิกเรียนจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนเสาร์กับอาทิตย์จะซ้อมทั้งวัน จึงไม่มีเวลาว่างไปเที่ยวกับเพื่อนเลยค่ะ ยิ่งช่วง สอบก็ต้องจัดการเวลาให้ด เพื่อไม่ให้ตารางทับซ้อนกัน บางวันเหนื่อยมาก เช่น ตอนเช้าไปถ่ายแบบ ตอนกลางวันกลับมาเรียน และตอนค่ำต้องซ้อมอีก ทำเอา คุณแม่เหนื่อยไปด้วย เพราะท่านคอยดูแลรับ -ส่งตลอด ปัจจุบันคุณแม่ลงทุน ในหุ้นและทำธุรกิจจิเวลรี่ แต่ไม่ได้เปิดหน้าร้าน รับเฉพาะลูกค้าเอกซ์คลูซีฟ เพราะเวลาทั้งหมดของคุณแม่อยู่กับหนูแล้วค่ะ (ยิ้ม)
“หนูกับคุณแม่สนิทกันมาก คุยกับท่านได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน งาน ความรัก และการแต่งตัว คุณแม่เปิดกว้างมากๆ ถ้าเป็นเรื่องที่ท่านมองว่า ไม่ทำให้เดือดร้อนหรือเป็นอันตรายก็จะปล่อยให้ทำและคอยซัพพอร์ตเสมอ อย่างความรัก ถ้ามีใครเข้ามาก็จะปรึกษาท่าน หรือเรื่องแฟชั่น ซึ่งคุณแม่ แต่งตัวเก่งมาก ถ้ามีเวลาว่างก็จะไปช็อปปิ้งด้วยกัน แต่สิ่งที่ชอบซื้อมากๆ เมื่อมี อะไรออกใหม่เป็นต้องซื้อเลยคือเครื่องสำอาง แม้สุดท้ายจะใช้ประจำอยู่ไม่กี่อย่าง (หัวเราะ) สิ่งที่ถือเป็นเอกลักษณ์ในการแต่งหน้าสำหรับเมจิคือเขียนอายไลเนอร์ เฉี่ยว ๆกับปัดแก้มหนักๆ ถ้าไม่มีสองสิ่งนี้จะรู้สึกไม่มั่นใจค่ะ ซึ่งกว่าจะค้นพบ สิ่งที่ใช่ก็ต้องลองผิดลองถูกมาเยอะมาก
“ถ้าถามคุณแม่ว่าท่านห่วงเรื่องอะไร คำตอบน่าจะเป็นการเป็นเด็กสมัยใหม่ ที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก ซึ่งบางทีถ้ามากเกินไปอาจทำให้ผู้ใหญ่มองว่าไม่น่ารัก ดังนั้นคุณแม่จะคอยสอนคอยเตือนให้หนูอยู่ในกรอบที่ดีของสังคมไทย ท่าน อยากให้หนูเป็นเด็กน่ารักของทุกคน
“และหลังจากตั้งใจฝึกซ้อมทั้งร้องทั้งเต้นอยู่เกือบปี รู้สึกว่าทุกอย่างเกิดขึ้น ไวมากค่ะ เดือนกันยายนนี้น่าจะมีข่าวดี ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัว มีซิงเกิ้ลแรก เป็นของตัวเองแล้ว “ฝากติดตามด้วยนะคะ” (ยิ้ม)