เรียกว่าเป็นนักแสดงหญิงที่มีพัฒนาการด้านฝีมือการแสดงอย่างต่อเนื่องเลยสำหรับ ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล ซึ่งก่อนหน้านี้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกจากบท แม่หญิงจันทร์วาด ในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส โดยหลังจากแจ้งเกิดในครั้งเธอปรางก็ขึ้นแท่นนางเอกของช่องและมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น นักสู้เทวดา,เมียอาชีพ, ดวงใจในมนตรา, Help me คุณผีช่วยด้วย ฯลฯ
ล่าสุดถือเป็นก้าวสำคัญเมื่อ ปราง-กัญญ์ณรัณ ตัดสินใจข้ามมาช่อง ONE31 เพื่อมารับบท สาริกา ในละครเรื่อง ฟ้าเพียงดิน ซึ่งนอกจากเป็นการทำงานต่างช่องแล้ว บทบาทที่เธอได้รับในครั้งนี้ก็ยังมีความแก่นแก้วแตกต่างจากที่ผ่านมา รวมถึงละครเรื่องนี้ยังมอบประสบการณ์ทางการแสดงใหม่ๆ ให้กับเธอไว้มากด้วย

การร่วมงานกับช่อง one31 เป็นครั้งแรก ต้องปรับตัวยังไงกับระบบการทำงานบ้างคะ?
“ครั้งนี้เป็นการร่วมงานกับช่อง one เป็นครั้งแรกค่ะ แต่โชคดีมากเพราะทีมงานเป็นทีมงานที่เคยร่วมงานกันมานานอยู่แล้วตั้งแต่ บุพเพสันนิวาส ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ ใหม่-ภวัต พนังคศิริ ทีมโปรดิวเซอร์ ตากล้อง ช่างแต่งหน้า ช่างผม ที่เราเคยร่วมงานมาด้วยทั้งหมดแล้ว”
“ยอมรับว่าตอนแรกยอมรับว่าตื่นเต้น เพราะเราไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะว่ามันเป็นเหมือนการย้ายช่องมา แล้วก็เราอาจจะไม่เข้าใจในระบบงาน การทำงานที่มันเปลี่ยนไปแต่พอเป็นทีมนี้ก็เลยรีบตัดสินใจรับเลยด้วยค่ะ”
คาแรคเตอร์ในเรื่องนี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง?
“เป็นคาแรคเตอร์ที่ปรางไม่เคยรับมาก่อนในชีวิต ปรางกล้าพูดคำนี้เลย เพราะว่าส่วนใหญ่ละครที่เราได้รับจะเป็นโทนแบบเรียบร้อยหน่อย เดี๋ยวก็เป็นคุณหญิงเป็นแบบแม่หญิงค่ะ แต่เรื่องนี้ตัวสาริกามันค่อนข้างเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง ต่อปากต่อคำเก่ง คือได้ทำแบบจะทุกอย่างลุยๆเท่ๆ ซึ่งปรางไม่เคยได้รับบทแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ”

เห็นว่าปรางต้องทำการบ้านกับบทนี้เยอะมาก?
“เยอะมากค่ะ เริ่มต้นเลยคือพี่ใหม่บอกกับปรางว่าเขาต้องเป็นปรางคนใหม่เลยนะ จะเป็นปรางที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ซึ่งเราก็ยอมรับว่าก็ต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าต้องใช้ความแก่นแก้วเบอร์ไหน แล้วปรางก็ต้องลดความเป็นเฟมินีในตัวลงเยอะมาก ความเป็นผู้หญิงของปราง ถึงแม้ว่าปรางจะไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่เรื่องนี้ต้องไปไกลกว่า มีความใส่ความเป็นผู้ชายเข้าไปในตัวด้วย”
หลายคนคิดไม่ออกเพราะที่ผ่านมาปรางก็คือเลดี้ปราง จริงๆในชีวิตเราเคยมีมุมนี้บ้างไหม?
“จริงๆ ปรางเป็นคนลุยๆ ไม่ได้ผู้หญิงขนาดนั้น แต่คนคือติดภาพลักษณ์ปรางเป็นแบบนั้นไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากในละครหรือจากภาพลักษณ์ต่างๆ แต่ความจริงบทนี้ขนาดฟิล์มที่เล่นด้วยกัน ฟิล์มยังบอกเลยว่า ผมว่าพี่ปรางเล่นเป็นตัวเองเลยเรื่องนี้ เพราะว่าเหมือนว่าเขาได้มารู้จักเราจริงๆ ปรางไม่ใช่คนหวานๆเรียบร้อยอะไรขนาดนั้น”
ถ้าพูดถึงนิยามปรางสั้นๆ ปรางเป็นคนอย่างไร?
“จริงๆปรางเป็นคนมองโลกในแง่ดี แล้วปรางก็เป็นคนตรงๆ หัวเราะเสียงดัง แล้วก็เป็นคนอารมณ์ดีค่ะ”

พูดถึงการขี่ม้า ก็มีเรื่องราวเยอะเหมือนกันใช่ไหมคะ?
“ปรางต้องไปเรียนขี่ม้าด้วย ซึ่งเราไม่เคยขี่มาก่อนในชีวิต แถมต้องเรียนอย่างเข้มข้นเพราะในเรื่องต้องขี่ม้าเยอะเหมือนกัน ที่ผ่านมาปรางเล่นละครพีเรียดค่อนข้างเยอะแต่ไม่เคยขี่ม้าเลย ก็ต้องให้กำลังใจตัวเองเยอะมากๆ เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองคือตอนที่ไปเรียนเรามีโอกาสได้ไปเรียนแค่ประมาณ 4 ครั้งค่ะ แล้วเราก็เปิดกล้องกันเลย”
เห็นว่าฝึกจนก้นแตกเลยใช่ไหมคะ?
“ตอนแรกปรางไม่เข้าใจว่าก้นแตกคืออะไร คือมันจะช้ำหรือเปล่า ไม่เข้าใจคำว่าแตก มันจะแตกได้ยังไง มันอาจจะช้ำหนูเข้าใจว่ามันเหมือนกระแทก แต่! มันแตกจริง ค่ะ ไม่น่าเชื่อก้นมันแตกแบบเป็นแผลเลือดไหล มันก็แสบทำให้อาบน้ำไม่ได้เลย ประมาณ 2 วัน หลังจากนั้นมันยังแสบอยู่แต่ก็คือต้องอดทน คือปรางไม่อยากจะเชื่อว่าการขี่ม้ามันจะทำให้คนเราเลือดออกได้จริงๆ”
“แล้วการขี่ม้าเป็นอะไรที่ท้าทายมากๆ เพราะว่ามันไม่ได้ขี่แค่เต๊าะแต๊ะๆสวยๆ คือมันขี่จริงๆมันขี่ควบ ขี่ยก มันเอาจริงเอาจังแบบคาวบอย ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ถ้าเข้าฉากขี่ม้าจะเป็นพี่แสตนด์อินมาเล่น หรือไม่ก็ถ่ายเป็นภาพใกล้มากกว่า”
เรื่องนี้เป็นละครรีเมค ส่วนตัวกดดันไหมคะ?
“ไม่ได้รู้สึกกดดันกับจุดที่เขาบอกว่ามันถูกรีเมค หรือ เคยดังมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเราได้มาคุยกันด้วยว่าเราจะทำ ฟ้าเพียงดิน ให้มันออกมาเป็น ฟ้าเพียงดินเวอร์ชันใหม่ ที่มันจะไม่เหมือนเดิมเลย เราจึงพยายามทำให้มันดูทันสมัย เข้าถึงคนในยุคใหม่ โดยที่ก็ยังมีกลิ่นอายความวินเทจให้คนยุคเก่าได้คิดถึง แล้วตัวปรางก็ไม่เคยดูเวอร์ชันเก่า เพราะว่าพอเราคุยกันแล้วว่าเราอยากทำอะไรออกมาให้มันใหม่ๆ ใส่อะไรเข้าไปใหม่ๆ เราก็เลยรู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นต้องไปดูเวอร์ชันเก่า แต่ว่ารับรู้มาตลอดค่ะว่ามีแบบคนชื่นชอบเรื่องนี้เยอะมาก จนพอเวลาเราพูดเราถ่ายทำเรื่องฟ้าเพียงดินอยู่ทุกคนก็จะพูดว่า โห เป็นคนละครที่ชอบมากตั้งแต่เด็ก ไม่ได้รู้สึกกดดันแต่รู้สึกดีใจที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ค่ะ”

ร่วมงานกับ ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ ครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง?
“ไม่รู้ว่าเขารับน้องเรา หรือเรารับน้องเขาเหมือนกัน เพราะว่าปรางรู้สึกว่าถึงเขาจะเป็นเด็กช่อง One มานานแต่ว่ากับกองนี้คือเรารู้สึกว่าเราซี้กว่า เลยรู้สึกว่าไม่เกร็งแต่เป็นเขาที่เกร็งแทน แต่ว่าถ้าถามเรื่องรับน้อง ปรางว่าอย่างหนึ่งที่ฟิล์มสอนได้คือฉากเลิฟซีนค่ะ”
“คือปรางไม่ค่อยได้เล่นฉากเลิฟซีน เนื่องจากปกติละครที่เรารับแสดงจะเป็นแนวพีเรียด เรียบร้อย ฉะนั้นเลิฟซีนน้อยมาก แทบจะไม่เคยเล่นฉากจูบจริงเลย ส่วนใหญ่จะเป็นมุมกล้องการที่จะหอมแก้มหรือว่าปากเกือบจะชนแล้วก็จะคัต แต่ด้วยทางช่อง One เขาจะมีสไตล์เลิฟซีนของเขาที่ชัดเจนอยู่แล้วเป็น 1 เรื่องที่ปรางกังวลเหมือนกัน”
พอเข้าฉากเลิฟซีนจริงๆ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
“ตื่นเต้น ปรางยอมรับว่าตื่นเต้นมาก เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง คือเหมือนเราไม่เคยเล่น แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราต้องเล่นประมาณไหน มันจะต้องเป็นมุมกล้องนี้ช่วยไหม คือเราไม่รู้จริงๆ สิ่งที่เราต้องทำคือเราก็ต้องเล่นเลย 5 4 3 2 1 ก็คือเล่นเลย แต่คนที่ดูไม่ตื่นเต้นเลยคือฟิล์ม เพราะว่าเขาบอกว่าเขาเจอแบบมาเยอะมาก เจอยิ่งกว่านี้มาแล้ว เขาเลยแบบช่วยปลอบใจ ปลอบใจด้วยการบอกว่าพี่ปรางอันนี้น่ารักน่ารักแล้ว”

แสดงว่ากังวลแต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีถูกไหม?
“ใช่ โชคดีมากที่มันผ่านไปได้ด้วยดี แล้วก็เร็วมากคือส่วนใหญ่แทบจะทุกฉากเลิฟซีนจะเล่นแค่เทคเดียว หรือว่าสองเทคกับการเปลี่ยนมุมกล้องเฉยๆค่ะ”
ตอนแรกที่เจอกับฟิมล์ ปรางวาดภาพเขาไว้ยังไง พอได้สัมผัสจริงๆแล้วเหมือนกับที่คิดไว้ไหม?
“ปรางไม่เคยเจอฟิล์มมาก่อน แต่เห็นเขาจากอินสตาแกรมบ้าง และก็ได้ดูเรื่องเมีย 2018 ที่เขาแสดง เขาดูเป็นคนที่เกรี้ยวกราด แต่เท่าที่เห็นเขาดูเป็นคนน่ารัก เป็นคนยิ้มเก่ง เป็นคนค่อนข้างเปิดเผยแบบจริงใจมากคือปรางรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเขาเลยว่าเขาเล่นบทนี้ได้ แล้วก็รู้สึกว่าต้องเข้ากับผู้ชายคนนี้ได้มากๆเพราะว่าเขาไม่มีกำแพงอะไรอยู่เลย แบบเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แล้วก็ชัดเจนในความรู้สึกค่อนข้างมาก”
ได้มีโอกาสพบกับ “น้องมะลิ” บ้างไหมคะในกองถ่าย?
“ก็ได้เจอกันตามกองแต่ก็น้อย เพราะปรางเล่นเป็นน้องเขา
เห็นหลายฉากต้องปะฉะดะกับฟิล์มตลอดหลายคนไม่ค่อยเห็นปรางในโหมดนี้อยากให้แฟนๆได้เตรียมใจยังไงบ้าง?
“ปรางเชื่อว่าทุกคนจะสนุกกับละครเรื่องนี้ ที่ผ่านมาปรางไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเถียงพระเอก หรือว่าแบบกระชากคือเสื้อพระเอก เชื่อไหมมีฉากหนึ่งได้กระชากคอเสื้อฟิล์มอ่ะแล้วพอคัต ปรางบอกว่าปรางดีใจมากคือชีวิตนี้เกิดมาไม่เคยทำอย่างงี้กับใครเลย เพราะทำกับคนอื่นอาจจะโดนสวน (หัวเราะ)
คิดว่าละครเรื่องนี้จะให้อะไรกับผู้ชมบ้างคะ?
“หนึ่งเลยปรางเชื่อว่าจะเป็นละครที่สนุกมาก สองเลยคือคุ้มค่ามากกับทีมนักแสดงที่แบบมีทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ มีพี่กัปตัน พี่น้ำผึ้ง พี่เอ็ม พี่บิ๊ก คือทุกคนเป็นคนที่สุดยอดทางด้านการแสดงอยู่แล้ว คือมันคุ้มค่ากับการดูในทุกรุ่น รวมถึงโลเคชั่นที่เราถ่ายมาคือสวยมากๆ แล้วเราเชื่อว่าคนดูไม่ค่อยได้เห็นละครพีเรียดในยุคนี้สักเท่าไหร่ ปรางว่าคนดูแล้วคนรุ่นใหม่ก็ยังเข้าถึง ส่วนคนรุ่นเก่าดูเราก็จะคิดถึงอดีตคิดถึงวัยของตัวเองมากแน่นอน”
นอกจากละครฟ้าเพียงดินแล้วตอนนี้ปรางยังทำอะไรอยู่บ้างคะ?
“จริงๆ ก็ยังมีอีกหนึ่งผลงานคือสายลับลิปกลอสที่ยังค้างอยู่ ถ่ายเสร็จไปแล้วค่ะแต่ว่ารอออกอากาศ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงปิดกล้องหมดทุกอย่างค่ะ ยังไม่ได้ตัดสินใจยังละครเรื่องใหม่ค่ะ”
มีแววจะไปทำเพลงไหมเห็นหรือไปออกรายการร้องเพลงบ้างไหม?
“ปรางชอบร้องเพลงมาก ก็วันหนึ่งถ้ามีโอกาสอยากก้าวไปทำงานเพลงเหมือนกัน แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ เพราะการทำเพลง การที่จะทำให้คนเชื่อเราในฐานะศิลปินนักร้องมันต้องมีอะไรอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลงที่ชัดเจน ความชอบที่ชัดเจน คือทุกวันนี้ปรางรู้ว่าชอบร้องเพลง ร้องเพลงได้ แต่ปรางก็ยังต้องค้นหาตัวเองอยู่ค่ะว่า ถ้าเกิดจะมีซิงเกิลออกมา ก็อยากให้มันมีแนวทางที่ชัดเจน”

แล้วได้มีปรึกษาแฟนหนุ่ม “โต้ง”บ้างไหมคะ?
“มีคุยๆอะไรกันไว้อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นกับโต้งหรือว่าคนอื่นด้วย ว่าอยากทำออกมาแบบนี้ ที่ แต่ว่ามันก็อยู่ที่ความพร้อมของเราแล้วก็ส่วนใหญ่นี้แหละค่ะ คำถามคือเราต้องรู้ก่อนว่าเราอยากทำเพลงแบบไหน”
แล้วคิดว่าถ้าเป็นนักร้องเราจะเป็นนักร้องแนวไหน?
“คงแบบอยากเป็นอาร์แอนด์บีมั้งคะเพราะปรางชอบเพลงอาร์แอนด์บีมาก แต่ก็ไม่ง่ายอาร์แอนด์บีคือยากมาก แต่เพลงป๊อปน่ารักๆก็ไม่ใช่แนว”
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ละครบ้าง?
“ปรางขอฝากละครเรื่องแรกกับทางช่อง ONE31 ด้วยนะคะ แล้วก็เป็นครั้งแรกอีกหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นร่วมงานกับฟิล์ม หรือว่าครั้งแรกกับบทที่ทุกคนไม่เคยได้เห็น ปรางภูมิใจกับมันมากในทุกวันที่ไปทำงานที่กองถ่าย แล้วก็เชื่อว่าความสุขต่างๆ ที่พวกเรามีมันจะสามารถรวมกันแล้วส่งไปถึงคนดูได้แน่ๆ ฟ้าเพียงดินเป็นเวอร์ชันใหม่ที่พวกเราตั้งใจทำมาเพื่อให้เข้าถึงกับคนยุคใหม่ เพราะฉะนั้นอยากฝากให้เปิดใจแล้วก็ลองติดตามชมพวกเราด้วยนะคะ ทุกวันพุธ-พฤหัสค่ะ”