account_circleประเดิมร่วมงานกับช่องวันเป็นครั้งแรก ในละคร “หัวใจรักพิทักษ์เธอ” สำหรับหนุ่ม เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค ที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงอิสระ หลังหมดสัญญากับช่อง 3 วันนี้ แพรว มีโอกาสได้เจอเจ้าตัว เลยต้องให้อัพชีวิตทั้งเรื่องการทำงาน และความรักกับแฟนสาว เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ที่คบหาดูใจกันมา 7 ปีแล้ว ใกล้จะมีข่าวดีหรือยัง
ไม่ใช่นักแสดง 100 เปอร์เซ็นต์ เคน ภูภูมิ บาลานซ์ชีวิต เลือกทำในสิ่งที่มีความสุข
ทำงานกับช่องวันครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง ?
“สนุกครับ ได้มีส่วนร่วมในการทำงานมากพอสมควร ทั้งเรื่องความคิดเห็น ตัวละคร การแคสติ้งคนที่รายล้อม มีอิสระในการพูดคุยและการสื่อสาร ความน่าสนใจของเรื่อง “หัวใจรักพิทักษ์เธอ” คือ ผมรู้สึกว่าคาแรคเตอร์ ด้วยบท เป็นสิ่งที่เราไม่เคยได้รับมาก่อน เลยอยากเล่นเรื่องนี้ครับ”
“เคน” รับบทเป็นใคร ?
“เรื่องนี้รับบทเป็น “เทวัญ” ซึ่งพี่สาวกับพี่เขยถูกฆาตกรรม เราก็เลยได้เป็นผู้จัดการมรดก ให้หลานตัวเล็ก แต่ พี่แอน สิเรียม ที่เป็นพี่สาวของพี่เขย เขาต้องการเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว เลยต้องฆ่าเทวัญ ซึ่งพอโดนตามล่า เขาก็ต้องหาคนมาเป็นบอดี้การ์ด และมีเหตุบังเอิญที่นางเอกช่วยชีวิตพระเอกมา 2 ครั้งแล้ว เลยจ้างนางเอกมาเป็นบอดี้การ์ด ถือว่าเชือดเฉือนกับพี่แอนพอสมควร แต่เป็นการสู้กันด้วยชั้นเชิงและมันสมองมากกว่าครับ”
มีบู๊ แอ็คชั่นเยอะขนาดไหน?
“ผมกับ วิว วรรณรท ก็จะแอ็คชั่นไปด้วยกัน เพราะเราก็ต้องหนีเหตุการณ์การตามล่าไปพร้อม ๆ กัน แต่เหมือนวิวเขาจะเก่งกว่า เพราะเขาเป็นบอดี้การ์ด ก็จะมีทักษะหลาย ๆ ที่ดีกว่าเรา”
แล้วเลิฟซีนล่ะ ?
“ถ้าเป็นซีนโรแมนติกมีเยอะครับ ผมว่าเรื่องนี้มีความโรแมนติกมากกว่าแอคชั่นด้วยซ้ำ และมีความคอมเมดี้เข้ามาแทรก ซึ่งการทำงานกับวิวก็สนุกดีครับ เรามีการปรับจูนกันในช่วงที่เวิร์คช้อปไปแล้ว ก็ละลายพฤติกรมทำความรู้จักกันไปเยอะแล้วครับ ทำงานด้วยกันก็รับส่งกันได้ดี เลยไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมว่าคนดูจะได้รอยยิ้มและความอบอุ่นหัวใจจากการดูเรื่องนี้ ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ”
รีวิวการเป็นนักแสดงอิสระ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ?
“คงเป็นการที่มีบทหลากหลายมาให้เราเลือกอ่านมากขึ้น และตั้งใจไว้ว่าจะรับทีละเรื่อง เลยไม่ได้รู้สึกหวือหวาหรือมีความเปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งที่เราต้องการความยืดหยุ่น แต่ไม่ได้ว่าจะต้องมีงานเยอะ ยังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเรื่องต่อไปอยากเล่นแบบไหน ยังมีเวลาให้คิด ให้ชิวได้ครับ เราอาจชินกับการที่นาน ๆ มีละครทีก็ได้(หัวเราะ) ผมอยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริง ๆ ที่สบายใจ ไม่เหนื่อยมาก และมีความสุขมากด้วยครับ”
ฟังดูเหมือนกำลังวางแผนเกษียณตัวเอง ?
“ไม่ได้เกษียณครับ คือ เหมือนเราอยากได้งานที่มีคุณภาพ ที่เป็นมาสเตอร์พีซของเราจริง ๆ อย่างที่บอกว่าอยากทำในสิ่งที่เราทำแล้วแฮ็ปปี้ 100 เปอร์เซ็นต์ เราไม่ได้อยากมีชีวิตที่ตื่นเช้ามาไปกองละคร 7 วัน เราอยากแค่ถ่ายละครประมาณนึง ใช้ชีวิตทำธุรกิจประมาณนึง ได้มีเวลาพักผ่อน ทำอย่างอื่นบ้างเท่านั้นเองครับ”
ต้องการชีวิตที่บาลานซ์มากขึ้น ?
“ใช่ ๆ เราพยายามจัดบาลานซ์การทำงานในวงการบันเทิง และการทำธุรกิจให้ไปด้วยกันได้ โดยที่ไม่กระทบกันและมีประสิทธิภาพ ถามว่าเป้าหมายเปลี่ยนไหม ก็ไม่ได้เปลี่ยน แค่เราจัดการได้ดีขึ้น ก่อนหน้านี้เราก็รับละครเยอะ เพราะเรายังต้องทำ และยังคิดไม่ออกว่าสิ่งที่เราวางเป้าหมายในอนาคต คือ อะไร แต่ตอนนี้เหมือนเรามองเห็นแล้ว ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทำงานสบายใจมากขึ้น”
ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวใช่ไหม ?
“ก็ยังมีความท้าทายอยู่ ผมก็ยังมีสิ่งที่อยากทำให้แฟน ๆ ของตัวเองได้เห็นอยู่ ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมทำได้ แต่แฟน ๆ ยังไม่ได้เห็น อาจจะต้องเลือกรับในสิ่งที่เราอยากทำ เพราะเราก็คาดหวังให้มันออกมาดี แต่สิ่งที่จะทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่า คือ การที่เราได้ทำและรู้สึกดีกับสิ่งที่ทำ ผมไม่ค่อยได้ทำในสิ่งที่อยากทำและสนุกกับมันมาสักพักแล้ว เราก็เลยอยากหาจุดตรงนี้ที่ทำให้เรามีพลังที่จะทำมันต่อไป”
ไม่เกษียณและไม่ได้หมดไฟด้วยใช่ไหม ?
“ไม่ได้เรียกว่าหมดไฟ แค่อยากเต็มที่ทั้งกับงานในวงการและงานอื่น ๆ ด้วย ฉะนั้นไม่แปลกเลยถ้าวันหนึ่งเราจะหายไป แล้วค่อยกลับมาใหม่ ต้องบอกว่าผมไม่ใช่คนบันเทิง 100 เปอร์เซ็นต์ ผมทำงานบันเทิงเป็นงานหลักงานหนึ่ง แล้วผมก็ยังอยากทำงานอย่างอื่นด้วย เพราะเราไม่ได้แข่งกับใคร ไม่รู้จะแข่งไปทำไม ผมรู้สึกว่าเราใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็น อยากทำให้มีความสุขดีกว่า”
งานในวงการเดินทางไปถึงเป้าหมายที่เราวางไว้หรือยัง?
“ผมเข้าวงการมาน่าจะ 10 ปีแล้ว ผ่านมาทุกรูปแบบ เรียกว่าเกินจุดที่เราคาดหวังไปแล้ว ผมคิดว่าเราไม่น่าจะมาถึงจุดนี้ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมอยู่ในจุดที่เราก็อยากทำงาน แต่เราก็อยากแฮปปี้ด้วย การที่มีงานในวงการบันเทิงน้อยลง ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำงานน้อยลง เพราะผมก็ทำธุรกิจของผมมากขึ้น รายได้ก็ไม่ได้หายไป จริง ๆ มั่นคงกว่าด้วยซ้ำ ไม่ต้องมาลุ้น มาแข่งกับใคร”
ถามถึงความรักกับเอสเธอร์ คบกันมา 7 ปีแล้วเป็นยังไงบ้าง ?
“ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปรับแล้ว เราเคยมีจุดที่ความสัมพันธ์เปราะบาง แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่เราอาจจะโฟกัสในการทำงานมากเกินไป ทำให้รู้ว่าเราควรที่จะสื่อสารกันมากขึ้น ช่วงนั้นอาจจะวุ่น ๆ แต่พอได้สื่อสารกันก็โอเค ความโรแมนติกก็เท่าเดิม แต่พยายามให้เวลาและใส่ใจเขามากขึ้น ด้วยความที่เราไม่ได้โรแมนติกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เลยไม่ใช่เรื่องแปลก เอาจริง ๆ น้องจะเป็นฝ่ายมีมุมหวาน ๆ มากกว่า ตัวผมเองก็มีบ้าง แค่ไม่ได้ออกสื่อแค่นั้นเอง ไม่งั้นก็คงไม่มาถึง 7 ปีครับ(ยิ้ม)”
คุยเรื่องแต่งงานกันหรือยัง ?
“ก็คุยกันนะครับ ว่าน่าจะอีกสักพัก เพราะตอนนี้เราน่าจะทำงานไปก่อน ผมว่าต้องดูจังหวะด้วย แต่เราก็ไม่ได้เรื่อยเปื่อย ก็พยายาม ยังไงก็คนนี้แหละ ในความคิดผม แต่งช้าก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวนี้คนอาจจะอยากทำอะไรมากกว่าเมื่อก่อน โลกมีอะไรให้เราทำอีกเยอะมาก ๆ ซึ่งการแต่งงานช้าก็เป็นไปตามยุคสมัย แล้วแต่คนด้วย สำหรับผมเรารู้สึกว่าไม่แปลกครับ”
ภาพจากกองละคร : หัวใจรักพิทักษ์เธอ , @ken_phupoom