ฝน-ชวมณฑ์ ปวโรดม

น้องไก่+น้องหมู รักแรกพบ แค่ได้มองก็มีความสุข ของ ฝน-ชวมณฑ์ ปวโรดม

account_circle
ฝน-ชวมณฑ์ ปวโรดม
ฝน-ชวมณฑ์ ปวโรดม

นอกจาก ฝน-ชวมณฑ์ ปวโรดม จะมีสัตว์เลี้ยงแสนรักอย่างหมา แมว กระต่าย และเต่า เธอยังได้พบรักกับน้องไก่แจ้และน้องหมู ซึ่งวันนี้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ประจำออฟฟิศสุวิมล (S’uvimol) ที่ไม่ว่าใครแวะไปก็ต้องขอเข้าไปถ่ายรูปด้วย

น้องไก่+น้องหมู รักแรกพบ แค่ได้มองก็มีความสุข ของ ฝน-ชวมณฑ์ ปวโรดม

“ฝนเริ่มเลี้ยงไก่เมื่อ 3 ปีที่แล้วค่ะ เหตุเกิดจากความบังเอิญว่าวันนั้นไปถ่ายรูปกระเป๋าแบรนด์สุวิมลที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง  แล้วข้างๆกันมีฟาร์มเพาะไก่แจ้ พอเข้าไปดูรู้สึกว่าน่ารักจังเลย ตัวเขาอ้วนกลมเหมือนลูกบอล เห็นแล้วอยากเลี้ยงมาก  จึงตัดสินใจซื้อมา 10 ตัว พร้อมกับตู้เลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีแบ่งเป็นหลายชั้นโดยพาไปเลี้ยงที่ออฟฟิศ เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง

“ตอนที่ซื้อยอมรับว่าไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องไก่เลย อาศัยฟังคำแนะนำจากคนขายว่าเลี้ยงง่าย แค่ให้อาหารเม็ดและน้ำก็พอ จึงค่อนข้างสบายใจ ตอนแรกฝนตั้งชื่อให้ทุกตัวเลยนะ เช่น ไอศกรีม คุกกี้แอนด์ครีม สตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก
วานิลลา โอริโอ้ ฯลฯ แต่พอเขาโตขึ้น จำไม่ได้ว่าตัวไหนชื่ออะไร เพราะหน้าตาคล้ายกันไปหมด จึงเลิกจำ (หัวเราะ)  ช่วงแรกฝนให้เขาอยู่รวมกัน ตอนหลังต้องจัดการแยกชั้นตามเพศ (ตัวผู้มีหงอน ขนที่ก้นยาวฟู ส่วนตัวเมียไม่มีหงอน
และขนไม่สวยเท่า) ไม่ให้เขาเดินหากัน เพราะเพิ่งมารู้ว่าไก่ผสมพันธุ์ไปเรื่อยๆ ไม่มีฤดูกาล เพราะฉะนั้นเขาจะมีลูกหลานเร็ว โดยปกติแม่ไก่ออกไข่ครั้งละประมาณ 10 ฟองและฟักได้หมด ทำให้ตอนนี้ฝนมีไก่แจ้ประมาณ 40 ตัวแล้วค่า (หัวเราะ)

“ฝนเคยไปนั่งรอดูลูกไก่ฟักด้วยนะ ช่วงแรกที่ออกมาตัวเขาจะเหนียวๆ แต่แป๊บเดียวเท่านั้น สักพักขนเขาจะฟู ตัวนุ่ม  แล้วเริ่มเดินเตาะแตะไปกินน้ำ น่ารักมาก ถือเป็นเรื่องพิเศษมากๆที่เขาสามารถดูแลตัวเองได้ตั้งแต่เกิด แต่แนะนำว่าช่วงแรกเราไม่ควรไปอยู่ใกล้ เพราะแม่ไก่หวงลูกมาก จะให้ลูกเข้าไปซุกอยู่ในอกประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นวิธีที่ทำให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นแข็งแรง ตอนแรกฝนก็ไม่ทราบค่ะ  ด้วยอารมณ์อยากดูใกล้ๆจึงยื่นมือเข้าไปหยิบในตู้ เลย
โดนแม่ไก่กระพือปีกใส่ ประมาณว่าเธอจะมาทำอะไรลูกฉัน (หัวเราะ) ปิดตู้แทบไม่ทัน แต่ฝนไม่เคยโดนจิกนะ อาจเพราะเขาเห็นเรามาตั้งแต่เขาเกิด

“ฝนเคยลองสังเกตพฤติกรรมของเขา แม่ไก่จะคอยสอนลูกทุกเรื่อง เช่น สอนให้ลูกกระโดดเกาะกิ่งไม้ จิกอาหาร ซึ่งอย่างที่บอกว่าอาหารหลักคืออาหารเม็ดของไก่ เพราะจะได้โปรตีนและแร่ธาตุครบ สลับกับข้าวสวย ขนมปัง หรือผลไม้บ้างเป็นบางมื้อ ซึ่งฝนฝึกให้กินตรงเวลา ตรงมื้อ แบ่งเป็นเช้า อาหารว่าง และอาหารเย็น ไม่ให้กินจุบจิบ

“อีกเรื่องที่ฝนสังเกตคือแม่ไก่อยู่ใกล้ชิดกับลูกแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แล้วก็จะทิ้งให้ลูกๆอยู่กับกลุ่มพี่น้องของตัวเอง ฝนเพิ่งรู้ว่าไก่มีสังคมของตัวเองสูงมาก เขาจะอยู่แค่ในกลุ่มพี่น้อง เวลาไปไหนเดินไปด้วยกัน ไม่ข้ามไปนอนกับตัวที่ไม่สนิท
และไม่รับเพื่อนใหม่เลย ถ้าฝนเอาตัวที่ไม่เคยอยู่ด้วยกันไปไว้กรงเดียวกัน รับรองว่าจิก ทะเลาะกันทันทีค่ะ หนักสุดคือเคยจิกกันถึงขั้นตาบอด โดยเฉพาะตัวผู้กับตัวผู้ ดุเดือดมาก บางทีเขาก็ทะเลาะกันเรื่องแย่งอาณาเขต แต่ไก่ที่รักสันโดษก็มีค่ะ เคยเห็นบางตัวชอบเดินเล่นตัวเดียว น่ารักดี

“ไก่ตรงต่อเวลาสุดๆ เขาจะจำเวลาได้ว่าพี่ยามจะเปิดประตูให้ออกมาเดินเล่นตอน 8 โมงเช้า และเข้าบ้านตอนเย็น  ประมาณ 4 โมงครึ่ง พอถึงเวลาเขารู้ว่าต้องกลับบ้าน ก็จะเดินต่อแถวรอ ไม่ดื้อไม่ซน เคยเปิดประตูรั้วทิ้งไว้ก็ไม่เคย
หนีออกไปข้างนอก แถมยังฉลาดด้วย สมมติคุณแม่ (คุณพัชรพิมล  ยังประภากร) มานั่งทำงานข้างนอก ขบวนไก่แจ้ตัวกลมๆป้อมๆจะออกมารอรับ เพราะรู้ว่ามีของกิน หรือแค่หยิบถังใส่อาหารออกมาก็จะรีบมารอ เลี้ยงไปเลี้ยงมาเหมือนเลี้ยงสุนัข (หัวเราะ) ส่วนเรื่องการทำความสะอาด แทบไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ เพราะเขาจัดการตัวเองเก่ง ทำความสะอาดขนตัวเองได้ดี เราแค่ช่วยล้างคอกให้เขาก็พอ”

หากใครมีความเชื่อว่าไก่ขันเฉพาะตอนเช้า คุณฝนบอกว่าขอให้เปลี่ยนความคิดได้เลย “เรื่องจริงคือไก่ขันทั้งวันค่ะ  เมื่อก่อนฝนคิดว่าเขาขันเฉพาะตอนพระอาทิตย์ขึ้น ที่ไหนได้ ขันตลอดวัน จนพนักงานชินไปแล้ว บางคืนฝนนอน
ค้างที่ออฟฟิศ ประมาณตี1 ได้ยินไก่ขัน โชคดีที่ออฟฟิศเรากว้าง เสียงคงไม่ไปรบกวนเพื่อนบ้าน”

นอกจากน้องไก่แล้ว โชคชะตายังทำให้เธอได้เจอกับน้องหมู Tiny Heart ด้วย “ปีที่แล้วฝนไปฟาร์มจระเข้ของคุณตา (คุณอุทัย ยังประภากร) ที่สมุทรปราการ ซึ่งมีโซนเลี้ยงหมูให้เยี่ยมชมได้ บังเอิญว่าวันนั้นมีหมูเกิดใหม่พอดี มีตัวหนึ่งผอมๆ เห็นแล้วน่าสงสารจึงพากลับมาเลี้ยง และด้วยความไม่อยากให้เขาเหงา จึงพาพี่น้องที่เกิดในคอกเดียวกันมาด้วย ปรากฏว่าน้องตัวผอมไม่รอด เหลือแต่ตัวที่แข็งแรงไว้ฝนตั้งชื่อให้ว่า Tiny Heart ตามรุ่นกระเป๋าที่ออกมาตอนนั้น ซึ่งหลังจากเลี้ยงมาปีกว่า ไทนี่กลายเป็นหมูหนุ่มร่างใหญ่แล้ว

“ช่วงแรกฝนเลี้ยงไทนี่ที่บ้านค่ะ ให้นอนในห้องนั่งเล่น เขาเลี้ยงง่ายมากเหมือนน้องหมา เราฝึกให้เขาฉี่ในแผ่นรองเป็นที่เป็นทาง แต่พอตัวโตขึ้น เลี้ยงในบ้านไม่ไหว จึงพาไปอยู่คอกบ้านปูนที่ออฟฟิศ ไทนี่รักความสะอาดสุดๆ เชื่อไหมว่า
เขาไม่ยอมอึหรือฉี่ในคอกเลย เพราะกลัวบ้านเขาสกปรก ยอมอั้นไว้จนถึงตอนเช้าที่พี่ยามมาเปิดประตูคอกให้ เขาจะรีบเดินออกมาเลย

“ส่วนเรื่องกิน ฝนเลี้ยงแบบให้กินแต่ผักผลไม้ ไทนี่จึงไม่มีกลิ่นตัว และมีนิสัยค่อนข้างเฟรนด์ลี่ อยู่กับไก่และสัตว์อื่นๆได้ด้วย เวลาเราเปิดคอกออกไป เขาเห็นไก่กินอะไรก็จะเดินเข้าไปดู นอกจากนี้เขายังชอบคนมาก เพราะรู้ว่าจะได้กิน
อาหารอร่อยๆ เวลามีคนมาที่ออฟฟิศ ทุกคนอยากเจอไทนี่ ฝนจะเตรียมแตงกวาไว้ให้ป้อนไทนี่ เขาชอบเวลาใครๆมาลูบพุง ด้านน้องไก่ แขกก็ชอบมาขอถ่ายรูปเหมือนกัน เพราะขนเขาสวย ตอนนี้ฝนตั้งใจว่าจะเลี้ยงไปเรื่อยๆเลย แต่ขอจำกัดจำนวนไว้แค่นี้ มากกว่านี้คงไม่ไหว

“ฝนว่าการเลี้ยงสัตว์เพลินดีนะคะ เวลาเราพักเบรกจากงานเครียดๆ ออกมานั่งดูน้องหมูกับน้องไก่เล่นกัน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 976

เรื่อง Fai ภาพ @fonnsuvimol

Praew Recommend

keyboard_arrow_up