เปิดใจ 4 นักแสดงจากผลงาน Deep...โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย
Deep...โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย

เปิดใจ 4 นักแสดงจากผลงาน Deep…โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย

Alternative Textaccount_circle
Deep...โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย
Deep...โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย

ทำความรู้จัก 4 นักแสดงจากผลงาน Deep…โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย หลับเป็นตาย หนังที่ตั้งคำถามว่า จะเป็นอย่างไรถ้าเวลานอนสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้?

ใกล้ออกอากาศแล้วสำหรับภาพยนตร์ Deep…โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย ผลงานล่าสุดจาก บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด ร่วมกับ  Netflix ที่เตรียมลงจอในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ นำแสดงโดย 4 นักแสดงหน้าใหม่ที่ฝีมือไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น เจน (แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน),วิน(เค เลิศสิทธิชัย),พีช (กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์) และ ซิน (เฟิร์น-ศุภนารี สุทธิวิจิตรวงษ์) ซึ่งล่าสุด ทั้ง 4 ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องราวและความน่าตื่นเต้นในผลงานชิ้นนี้ ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามชมกันเลยค่ะ

เปิดใจ 4 นักแสดงจากผลงาน Deep…โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย

แคร์ปาณิสรา ริกุลสุรกาน รับบท “เจน”

ภาพยนตร์ Deep...โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย

มาแสดงหนังเรื่องนี้ได้อย่างไร?

“เริ่มแรกเลยทางทีมงานชวนให้มาแคสท์ติ้งบท “ซิน” แต่พอมาเล่นให้ผู้กำกับดู เขารู้สึกว่าเราดูฉลาดเกินไป เขาบอกว่าการพูด การวางตัวดูไปทางแคร์มากกว่า กับบท “เจน” เอาจริง ๆ แคร์รู้สึกว่าไกลตัวแคร์มากกว่า อย่างบท “ซิน” รู้สึกว่าเราคุ้นเคยมากกว่า เพราะเราเห็นบิวตี้ บล็อกเกอร์มาเยอะ เราซึมซับมา ทำให้เราจินตนาการภาพได้ค่อนข้างชัดกว่า ส่วนเจนจะเป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิสต์ มีความมุ่งมั่น มีจุดมุ่งหมายในชีวิต ในขณะที่ตัวแคร์เองตอนนี้เป็นคนอยู่กับปัจจุบัน อะไรก็ทำ ไม่บังคับตัวเอง เพราะแคร์คิดว่าเดี๋ยวชีวิตก็ไปเรื่อย ๆ ของมันได้”

แคร์มีความใกล้เคียงกับบท “เจน” มากน้อยแค่ไหนฦ

“ก็มีทั้งที่ใกล้เคียงและมีความต่าง แต่ก็ไม่มีอะไรที่รู้สึกหนักใจเลยค่ะ เวลาตีโจทย์ความเป็นเจน จะไม่ดูภาพรวม เน้นตีความเป็นฉาก ๆ ไปมากกว่า”

Deep...โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย

 ห่างจากงานหนังไปหลายปี ได้กลับมาเล่นอีกทีต้องปรับตัวยังไงบ้าง?

“ที่ผ่านมาเล่นละครช่อง 3 “วัยแสบสาแหรกขาด” และ “สามีสีทอง” ไม่ได้เล่นหนังมา 3 ปี หนูรู้สึกว่าการเล่นหนังสบายตัวมากกว่า ค่อนข้าง real กว่าการเล่นละคร แรก ๆ ก็มีติดแอ็คติ้งละครบ้าง แต่ก็ไม่มาก แต่จะเหนื่อยตรงที่หนังเรื่องก่อนหน้านี้เราไม่ได้เล่นเป็นตัวนำ แต่กลับมาครั้งนี้ต้องเป็นคนเดินเรื่องแทบตลอด ที่ผ่านมาไม่เคยกดดันเรื่องการทำงานเลย แต่พอมาเรื่องนี้ค่อนข้างกดดัน มีซีนที่ต้องพูดภาษาอังกฤษ แต่แคร์ไม่เก่งภาษาอังกฤษ เวลาเป็นหมอต้องใช้ศัพท์หมอเยอะ และต้องวางตัวจริงจังมากขึ้นเลยต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ เอาตรง ๆ มาเล่นเรื่องนี้ปรับแทบหมดเลย การที่ได้มาเล่นเรื่องนี้เป็นโอกาสที่ดีที่มาพร้อมความกดดันสูง แต่สุดท้ายเราก็พยายามทำกับมันให้เต็มที่และสนุกกับมัน ก็ทำให้ความหนักใจผ่อนลงไปเยอะ”

ต้องมาเล่นเป็นนักศึกษาหมอ เราต้องหา reference ในการแสดงไหม?

“ในเรื่องนี้ต้องเล่นเป็นนักศึกษาหมอก็จริง แต่ก็ไม่ใช่จุดใหญ่ จะมีบางซีนที่ต้องใช้ศัพท์หมอ ก็จะมีนักศึกษาแพทย์ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจว่าศัพท์ตัวนั้น ๆ หมายความว่าอะไร หรือซีนที่ต้องทำ CPR ก็จะมีพี่พยาบาลมาสอน”

ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ไม่นอนมาเล่นติดต่อกันกี่วัน

“ไม่มีเลย เพราะปกติแคร์จะเป็นคนนอนวันละ 10-12 ช.ม. พอต้องมาเล่นเป็น insomnia แคร์ก็พยายามเอาความรู้สึกที่ตัวเองอดนอนและเพลียที่สุดมาใช้ และใช้วิธีศึกษาข้อมูลจากในอินเทอร์เน็ตก็มีบอกว่าคนที่นอนไม่หลับเกิดจากภาวะเครียด ซึ่งแคร์เองก็เคยนอน ๆ อยู่แล้วกระตุกขึ้นมา เพราะมีเรื่องกังวลในใจ เราก็คิดว่าเจนน่าจะเป็นแบบนี้ด้วย”

ฝากอะไรถึงผู้ชม

“อยากให้ทุกคนมาดูหนังเรื่องนี้ ทุกคนตั้งใจทำและอดหลับอดนอนกับเรื่องนี้จริง ๆ ทีมงานถึงจะมีความเป็นมือใหม่ แต่รู้สึกว่าเป็นผลงานที่แปลกใหม่ ผู้กำกับมีการเล่าเรื่องที่ท้าทาย และพล็อตเรื่องสนุกแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ มาเล่นเรื่องนี้แคร์สนุกกับมันมาก คือตัวแคร์รู้สึกว่า ถ้าเราเล่นแล้วไม่สนุก คนดูจะสนุกได้ยังไง แต่เรื่องนี้เราเอ็นจอยมาก คิดว่าผู้ชมไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ”

เค เลิศสิทธิชัย รับบท “วิน”

เค เลิศสิทธิชัย

เคเตรียมตัวอย่างไรเพื่อมารับบทนี้?

“มีจังหวะหนึ่งผู้กำกับบอกว่า อยากได้เคที่อยู่ในยูทูป ชอบ pernality นี้ ทางผู้ใหญ่ที่ทรานส์ฟอร์เมชั่น และ เอ็ม พิคเจอร์ส ก็ถูกใจ ซึ่งก็เป็นตัวเคเลย ถ้าไม่ใช่มุมดราม่าหรือปมในตัววินที่แยกออกมา ก็เป็นตัวเคในระดับหนึ่งเลยครับ”

คาแร็คเตอร์ “วิน” เป็นอย่างไร

“วินเป็นเพลย์บอยอารมณ์ดี หน้าตาดี ชอบปาร์ตี้ เป็นหนุ่มป๊อปปูล่าร์ เพราะเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย เป็นตัวละครที่เป็นสีสันของเรื่อง”

 วินมีความคล้ายหรือต่างกับเคอย่างไรบ้าง?

“เคเป็นคนเฟรนด์ลี่ ชอบสร้างสีสัน ไม่ได้ห่างใกล้จากเคมากเท่าไหร่ ถ้าไม่นับปมลึก ๆ ที่อยู่ในใจวิน สิ่งที่เขาพยายามสื่อออกมาก็เป็นตัวตนของเคระดับหนึ่งครับ”

กับบทของวินจะมีปมเรื่องครอบครัว ต้องมีมุมดราม่าด้วย ยากไหม

“วินต้องเสียแม่ไป เขาจะโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของพ่อ ก็จะมีดราม่า เรื่องนี้เคก็ต้องมานั่งเขียนภูมิหลังให้ตัวละครก่อนเริ่มงานเพื่อซัพพอร์ตความรู้สึกของวินว่าเกลียดพ่อเพราะอะไร เคต้องทำการบ้านกับวินเยอะ ครูร่ม ซึ่งเป็นแอ็คติ้งโค้ช บอกว่าควรทำเพื่อสร้างจุดโฟกัสในการแสดง ทำให้เราแสดงอารมณ์ได้ถูกต้อง คนเรามีความโกรธหลายอย่าง โกรธแบบโมโหทั่วไป กับโกรธแบบไม่เข้าใจพ่อเชิงมีปม อารมณ์มันแตกต่างกันนะครับ การเขียนแบ็คกราวนด์ตัวละครจะทำให้เราลงลึกในรายละเอียดได้เยอะกว่า”

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้น่าสนใจตรงไหน

“หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีพระ-นางตายตัวเหมือนหนังไทยทั่วไป นักแสดงนำ 4 คนมีคาแร็คเตอร์แตกต่างกัน  แต่ละคนมีปมชีวิตที่แตกต่างกัน แต่ต้องมาร่วมทำ mission เดียวกันให้สำเร็จ ผมว่ามันมีความเรียลมากขึ้น อยากให้เปิดใจ อย่ามองว่าเป็นผู้กำกับใหม่ นักแสดงก็ใหม่ แต่พวกเราเต็มที่ทุกคน หนังมีรสชาติใหม่ เป็นแนวลุ้น ๆ เร้าใจครับ”

เฟิร์นศุภนารี สุทธิวิจิตรวงษ์ รับบทเป็น “ซิน”

อยากให้เล่าถึงบทบาท ซิน ในเรื่องนี้สักหน่อย?

“เฟิร์นได้อ่านบทแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ เฟิร์นอยากลองด้วยมั้งว่าหนังเรื่องแรกในชีวิตจะเป็นอย่างไร ที่สนใจเพราะคิดว่าตัวละคร “ซิน” มีความขัดแย้งในตัวเอง มันน่าศึกษา เป็นนักศึกษาแพทย์ที่ไม่ได้อยากเรียนหมอ แต่ทำเพราะความต้องการของที่บ้าน แต่จริง ๆ ตัวเองอยากเป็น บิวตี้ บล็อกเกอร์ ”

“สำหรับการเตรียมตัวนั้น ต้องเรียนการแสดง ครูร่มก็จะบอกว่าตรงนี้ต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง ตอนเรียนแอ็คติ้งเขาก็จะเอาบทที่ยาก ๆ มาให้ลองเล่นดู  แต่เขาจะให้เราลองจินตนาการเล่นเองก่อนนะว่าอารมณ์ประมาณไหน ถามว่าตีความบท “ซิน” ยังไง ก็ไม่ยากนะคะ แค่คนที่อยากเป็นบิวตี้ บล็อกเกอร์ ที่จำใจต้องมาเรียนหมอ เราก็ต้องเล่นให้คนรู้สึกว่าเรามีความเป็นหมอที่เก๋ ๆ หน่อย โชคดีที่เรื่องนี้ไม่ต้องมานั่งท่องศัพท์แพทย์ เพราะไม่ได้เจาะลึกมากเท่าไหร่  แต่ก็ต้องดู Keep look ให้ดูเป็นหมอด้วย”

ผู้กำกับบอกว่าบท “ซิน” เขาวางเอาไว้แบบหวานซ่อนเปรี้ยว แต่เฟิร์นเป็นแนวเปรี้ยวซ่า?

“ตอนแรกรู้ว่าต้องเล่นเป็นสาวหวาน เขาก็บอเฟิร์นว่าต้องเล่นหวานนะ เฟิร์นลองดูว่าจะหวานแบบไหนดี แต่เฟิร์นทำไม่ได้ รู้สึกว่ายาก ผู้กำกับก็ปรับให้เป็นเรามากขึ้น”

 พอได้มาชิมลางงานภาพยนตร์ แตกต่างจากซิทคอมที่เราเคยเล่นไหม?

“ก็น่าจะแตกต่าง ซิทคอมเป็นอะไรที่ง่าย โยนมุกเล่นอะไรก็ได้ แต่เรื่องนี้บทค่อนข้างหนัก แอ็คติ้งจะเข้มกว่า เราก็ต้องทำการบ้านมากขึ้น เราต้องเล่นกับหลาย ๆ คน อารมณ์ก็ต้องส่งหากัน เรื่องนี้มีความจริงจังกว่า ถามว่ามีกดดันอะไรบ้างไหม ไม่เลย ชิลล์ ๆ เล่นในสิ่งที่เราเชื่อ”

เฟิร์น-ศุภนารี สุทธิวิจิตรวงษ์

หลังได้ร่วมงานกับผู้กำกับรุ่นใหม่ เฟิร์นรู้สึกอย่างไรบ้าง?

“ก็โอเคนะคะ เหมือนเป็นเพื่อนกัน เราสามารถแชร์ไอเดียได้ ไม่ชอบอะไรก็พูดเลย เขาก็พร้อมรับฟังเรา ต่างคนต่างใหม่กับงานหนัง ก็ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปกัน เขามีการทำงานที่ละเมียด อย่างเล่น 1 ซีน แต่มีผู้กำกับหลายคน เขาก็มีหลายความคิด มีขัดแย้งกันเองบ้าง แต่เราไม่หงุดหงิดนะ เราเข้าใจว่าเขาเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ เขาเลยต้องเพิ่มความระมัดระวังในการทำงาน และเขาทำงานกันเป็นทีม เขาก็ต้องตัดสินใจเน้นความเห็นส่วนรวม”

คิดว่าหนังเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ อย่างไร

“เราไม่ค่อยเห็นคนไทยทำหนังแนวนี้ ตื่นเต้น ๆ มีทริลเลอร์ผสม ก็อยากฝากให้ไปดูกันนะคะ”

กิตกฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ รับบทเป็น “พีช”

มาเล่นเรื่องนี้ได้อย่างไร?

“ทีมผู้กำกับเป็นรุ่นน้องของผม ชวนให้มาแคสท์เรื่องนี้ เพราะเขาเห็นผมเคยผ่านงานโฆษณามาก่อน ก็ลองไปแคสท์ดู ผมเองก็ชอบการแสดงอยู่แล้วระดับหนึ่ง และบท “พีช” เป็นเกมเมอร์ ซึ่งเกมเมอร์คือผมอยู่แล้ว แต่ต่างตรงพีชเป็นนักศึกษาหมอ เนิร์ด ๆ ตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเป็นทุกอย่าง ก็เลยอยากลองดู    ตอนที่แคสท์ผ่านก็ดีใจครับ”

เตรียมตัวกับบท “พีช” อย่างไรบ้าง?

“ตอนเรียนมัธยมปลายเพื่อนเป็นเด็กเรียนเยอะมาก ครึ่งห้องเป็นหมอเลย ผมก็เลยแอบนัดเจอเพื่อน ๆ กลุ่มเด็กเรียนมากินข้าวกัน เราไม่ให้เขารู้ตัวว่าเรากำลังศึกษาบุคลิกเขาอยู่ (หัวเราะ) เราเอาความเป็นเกมมอร์ในตัวมาใส่ความเป็นเด็กเรียน ถามว่ายากไหม มันยากนะครับ เพราะพีมีความสับสนในตัวเอง อยากแสดงออก แต่ก็เป็นคน introvert มีความคอนทราสต์กันอยู่ ทางผู้กำกับก็ให้ไปดู “เดอะ รู” มาเพื่อดู mood and tone หนัง แต่ในส่วนคาแร็คเตอร์ตัวละคร ไหมให้ผมดีไซน์เอง เวลาอยู่หน้ากองผมจะโดนบรีน้อยสุด เพราะต้องเล่นเป็นคนเอ๋อ ๆ งง ๆ ผู้กำกับเลยไม่รู้จะรียังไง เลยปล่อยให้ผมฟรีสไตล์ครับ”

นิยาม “พีช” ในมุมมองกิตเป็นอย่างไร

“เขาไม่ได้นิร์ดหรืออ๊องแบบที่ทุกคนคิด แต่เขาอาจมีปมอะไรบางอย่างในใจที่อยากพิสูจน์ตัวเอง  ตอนที่เล่นก็เขิน ๆ นะครับ เขาไปถ่ายทำที่มหาวิทยาลัยเก่าของผมด้วย อาจารย์หลาย ๆ คนผมก็รู้จัก ก็เลยมีเขินบ้างครับ”

การร่วมงานกับผู้กำกับรุ่นใหม่เป็นอย่างไรบ้าง

“ผมเองก็เรียนด้านการทำหนังมา และตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ ผมก็เคยร่วมงานกับผู้ใหญ่ ก้าวแรกของเราอาจดูไม่น่าเชื่อถือ ก็อาจมีการทรีอีกแบบหนึ่ง ทำให้ผมจำขึ้นใจว่า ถ้าผมสามารถให้โอกาสใครได้ ผมจะไม่ทำแบบนั้น พอตอนทำงานกับรุ่นน้อง ผมก็บอกกับผู้ใหญ่ว่าผมไม่คิดว่าเขาเป็นน้องนะ แต่ผมจะรีเขาเหมือนเป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ผมเคยไปฝึกงาน คนที่เป็นผู้กำกับเป็นเด็กจบใหม่ แต่ช่างไฟเป็นผู้ใหญ่ พอมีอะไรผิดพลาดผู้กำกับก็ต่อว่าช่างไฟหน้ากองเลย ผมช็อกเลย แต่พอพักกอง ผู้กำกับเดินไปขอโทษพี่ช่างไฟ ซึ่งผมรู้สึกว่าการทำงานต้องเป็นแบบนี้ มองเรื่องงานเป็นใหญ่งานถึงจะเดินหน้าต่อได้ พอมาร่วมงานก็ไม่ได้มองทีมผู้กำกับว่าเป็นรุ่นน้อง พอเขามีอะไรผิดพลาดผมก็คุยกันเลย ผู้กำกับ 4 คนอาจมีมุมมองต่างกัน ทำให้มีการตัดสินใจแตกต่างกันทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง และด้วยกับประสบการณ์และสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่มันใหญ่เกินวัย เขาอาจไม่รู้ว่าจะแก้ไขยังไง แต่มันก็เข้าใจได้ มีการปรับปรุงตัว จนกลางเรื่องไปการทำงานไหลลื่นขึ้นครับ การทำงานเราต้องเชื่อ director เชื่อคนถือหางเสือครับ”

คิดว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร

“ผมว่าพล็อตเรื่องแหวกแนว เหมือน “13 เกมสยอง” ผมนึกถึง พี่น้อย วงพรู ต้องเล่นให้สุดไปเลย เพียงแต่เรื่องนี้มีความร่วมสมัย หนังมีคำสั่งให้ไปทำ แล้วคำสั่งมันบ้ามาก ก็อยากให้ไปดูกันนะครับ เป็นหนังของผู้กำกับมือใหม่ที่ตั้งใจกับการงานมากครับ”


 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up