ปลื้ม-ชนาธิป สิมะโรจน์

จากนักอ่านสู่ หนุ่มวิศวะ รู้จัก ปลื้ม-ชนาธิป สิมะโรจน์ ทายาทซัสโก้ รุ่นที่ 3

account_circle
ปลื้ม-ชนาธิป สิมะโรจน์
ปลื้ม-ชนาธิป สิมะโรจน์

“หนังสือ การเดินทาง วิศวกรรม” 3 สิ่งนี้คือความสนใจของ“ปลื้ม – ชนาธิป สิมะโรจน์” หนุ่มหน้าใสทายาทรุ่นที่ 3 ปั๊มน้ำมัน SUSCO ลูกชายสุดเลิฟของคุณชัยฤทธิ์- คุณศรีเพ็ชรินทร์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซัสโก้ จำกัด  (มหาชน)

หลังจากที่เรียนจบ ปริญญาตรี ด้านวิศวกรรมนาโน หลักสูตรนานาชาติ ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ล่าสุดหนุ่มปลื้อก็ได้บินไปเรียนต่อที่ ปริญญาโท ด้านบริหาร ที่ประเทศอังกฤษ เรียกได้ว่าเป็นเซเลบหนุ่มรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองไม่น้อยเลยทีเดียว

นักอ่าน…สู่หนุ่มวิศวะ 


สมัยเด็กชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์  สังคม  แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย  เขากลับเลือกเรียนต่อด้านวิศวกรรมศาสตร์  สาขานาโนวิศวกรรม (ภาคภาษาอังกฤษ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มต้นก็น่าค้นหาแล้ว

“ผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก  เวลาว่างผมสามารถใช้เวลาอยู่ในห้องหนังสือที่บ้านได้ทั้งวัน  ซึ่งก็มีทั้งหนังสือการ์ตูน นิยาย แต่ชอบที่สุดคือหนังสือประวัติศาสตร์ครับ

“ที่ผมเลือกเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์  ส่วนหนึ่งเพราะอยากให้เอื้อกับการช่วยงานธุรกิจของครอบครัวในอนาคต  ซึ่งหลักสูตรของคณะมีสาขาวิศวกรรมนาโนด้วย ผมคิดว่าน่าสนใจ เพราะเป็นเทรนด์ในอนาคต บวกกับเป็นสาขาเดียวที่ได้
เรียนวิชาเคมีที่ผมชอบ จึงตัดสินใจเลือกสาขานี้ครับ พอได้เรียนผมรู้สึกว่าคิดถูกแล้ว เพราะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆมากมาย นำไปต่อยอดในการทำงานได้ด้วย

“ปีที่แล้วช่วงรอไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารที่ประเทศอังกฤษ ผมมีโอกาสเข้าไปเรียนรู้งานที่ปั๊มน้ำมัน อาจจะเรียกว่าฝึกงานก็ได้ครับ (หัวเราะ) เพราะไม่ใช่แค่เข้าไปดูธุรกิจที่บ้าน แต่เป็นการทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนจริงๆ 6 เดือนเต็ม

“ก่อนหน้านี้ผมคุยเรื่องงานกับคุณพ่อตลอด ท่านจะเล่าให้ฟังว่าที่บริษัทเป็นอย่างไร ทำให้ผมรู้สึกว่าได้โตมากับทุกสถานการณ์ของบริษัทตั้งแต่รุ่นคุณปู่จนถึงรุ่นคุณพ่อ จึงทำให้เรามีแพสชั่นกับงานตรงนี้ ผมเริ่มเข้าไปทำตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ซึ่งตอนนั้นบริษัทกำลังทำโปรเจ็กต์ใหม่พอดี เริ่มจากฝึกงานเป็น Management Trainee ในฝ่ายวิศวกรรม ตั้งแต่ออกไปดูงาน วางแผน และประสานงานกับหลายฝ่าย รวมถึงการก่อสร้างหรือปรับปรุงปั๊มในจังหวัดต่างๆ

“ซึ่งคุณพ่อไม่เคยบังคับหรือสั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่เคยบอกว่าเรียนจบแล้วต้องมาทำธุรกิจครอบครัว คือถ้าผมชอบอะไรหรืออยากลองด้านไหน ท่านก็พร้อมสนับสนุนและคอยให้คำปรึกษา  แต่ครั้งนี้ผมเลือกที่จะทำงานด้วยตัวเอง
คุณพ่อจึงให้ผมเรียนรู้และลุยงานแบบเต็มตัว เวลาทำงานท่านก็ไม่ได้บอกคนในบริษัทว่าผมเป็นลูกหรือต้องดูแลพิเศษ เพื่อให้ผมได้เรียนรู้การทำงานเหมือนพี่ๆ ในบริษัทอย่างเต็มที่

“ช่วงนั้นผมเดินทางตลอดแทบทุกสัปดาห์ หลักๆคือภาคอีสาน ทำงานกลางแจ้ง ตากแดดทั้งวัน (หัวเราะ) แต่สนุกมากครับ เพราะได้ทำงานจริงๆ และทีมงานทุกคนก็ให้ความช่วยเหลือ สอนงานผมดีมากๆ ซึ่งถ้านั่งอยู่แต่ในออฟฟิศอาจจะไม่ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำงานจริงตั้งแต่เริ่มต้น

“ในอนาคตผมตั้งใจนำความรู้ที่เรียนมาปรับใช้ในการทำงาน เพราะผมเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกมาก ทั้งเรื่องเทคโนโลยี เรื่องพลังงานต่างๆ ผมจึงอยากสานต่อธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตและดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆครับ (ยิ้ม)
ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท้าทายของผม”

Don’t Worry, Be Happy

ความตั้งใจของปลื้มคือการทำงานสานต่อธุรกิจครอบครัว แต่เขายังมีอีกความฝันซ่อนไว้ คือการออกท่องเที่ยวรอบโลก

“ความฝันของผมอาจไม่ใช่การไปอยู่จุดสูงสุดของวงการธุรกิจ แต่เป็นการเที่ยวรอบโลก อยากไปเห็นสถานที่ประวัติศาสตร์ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วยตาตัวเอง

“สถานที่ที่อยากไปมากที่สุดคือมาชูปิกชูที่ประเทศเปรู เพราะนอกจากสวยแล้ว ยังดูมีเสน่ห์ น่าค้นหา มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย แม้การเดินทางจะค่อนข้างยาก แต่ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ไปคงเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต

“ส่วนเวลาว่างผมก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป เล่นกีฬา เตะฟุตบอล ตีกอล์ฟ ดูการ์ตูน แต่ถ้าอยู่บ้านก็ขออ่านหนังสือให้เต็มที่ (ยิ้ม) สมัยเรียนก็ค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรมนะครับ ทั้งงานสันทนาการ รับน้อง ตอนอยู่ปี4 ก็ได้เป็นกลุ่มผู้อัญเชิญ
พระเกี้ยวของมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก

“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้เลยครับ เพราะพูดไม่เก่ง ไม่กล้าแสดงออก แต่พอได้ลงมือทำ ไปสมัครและได้รับคัดเลือก ก็ทำให้รู้ว่าถ้าเรากล้าที่จะลองและตั้งใจทำก็ทำได้ และเราเกิดมาครั้งเดียว มีชีวิตเดียว สิ่งที่ควรกลัว คือวันหนึ่งอายุ 60 แล้วต้องเสียดายว่าทำไมตอนที่มีพละกำลัง มีเวลา แล้วเราไม่ได้ทำ ฉะนั้นถ้าชอบหรืออยากทำอะไร ลงมือทำและทำให้เต็มที่ครับ (ยิ้ม)

“ผมยึดคติตามที่คุณพ่อสอนว่า Don’t Worry, Be Happy ไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือเรื่องอะไรก็ให้แฮ็ปปี้ไว้ก่อน (ยิ้ม)  ส่วนตัวผมค่อนข้างร่าเริง เข้ากับคนง่าย เพราะผมอยากให้บรรยากาศรอบตัวไม่เครียด พยายามจะใจดีกับทุกๆคน
เพื่อให้เขาแฮ็ปปี้ แต่กับบางเรื่องที่ต้องจริงจัง ทุ่มเท ผมก็เต็มที่นะครับ

“ชีวิตคนเราก็ต้องเจอเรื่องเครียดอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองจมกับสิ่งนั้น เพราะถ้ายิ่งเครียดจะยิ่งมองไม่เห็นทางออกหรือทางแก้ ผมจึงบอกตัวเองเสมอว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป…ยิ้มไว้ดีกว่าครับ”


เรื่อง : Minim

Praew Recommend

keyboard_arrow_up