เจเนลล์ โมเนต์

เจเนลล์ โมเนต์ #IamNonbinary “เรียกฉันอย่างไรก็ได้ ฉันรู้ดีว่าตัวเองเป็นใคร”

account_circle
เจเนลล์ โมเนต์
เจเนลล์ โมเนต์

เจเนลล์ โมเนต์ คือนักร้อง นักแสดงและแฟชั่นไอคอนชื่อดังชาวผิวสี  เธอฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์ระดับรางวัลออสการ์อย่าง Hidden Figures และ Moonlight ส่วนงานเพลงก็เป็นที่น่าจดจำ จากการเสนอชิงรางวัลแกรมมี่ถึง 6 สาขา เรียกว่าเป็นนักแสดงผิวสีที่พกความมั่นมาเต็มเปี่ยม

             ปีที่แล้ว เจเนลล์ โมเนต์ ประกาศตัวในทวิตเตอร์ว่าเป็น #IamNonbinary ซึ่งหมายถึง ฉันคือคนที่ไม่ระบุเพศ

เจเนลล์ โมเนต์

​“Prince เคยพูดว่า ฉันไม่ใช่ผู้หญิง ฉันไม่ใช่ผู้ชาย ฉันเป็นบางสิ่งที่คุณไม่มีวันเข้าใจ นั่นล่ะความรู้สึกฉันเลย บางทีฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง บางครั้งก็เป็นผู้ชาย ฉันไม่สามารถอธิบายได้ว่าคืออะไร จนถึงวันหนึ่งฉันเลิกหาคำตอบ เพราะพบว่า ฉันไม่ใช่ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ตัวฉันคือประสบการณ์”

สิ่งที่ทำให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีกคือการที่ เจเนลล์เลิกใช้คำสรรพนามเรียกตัวเองแบบระบุเพศ “เว็บไซต์ Wikipedia เคยแนะนำให้ฉันใช้สรรพนาม she หรือไม่ก็ They แต่ทั้งหมดนั่นมันไม่ใช่ฉัน เอาจริงๆ นะผู้คนจะเรียกฉันว่าอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ เพราะฉันรู้ดีว่าฉันเป็นใคร ฉันรู้ที่ผ่านมา ฉันเป็นยังไง ไม่ต้องมีการยืนยันว่าต้องใช้สรรพนามอะไรหรอก ขณะเดียวกัน เธอยังยอมรับว่าตัวเองเป็น Pansexual ซึ่งหมายถึงสามารถรักได้ทุกเพศ

ความอิสระของเธอปรากฏให้เห็นในเครื่องแต่งตัว เธอคือแฟชั่นไอคอนตัวแม่ที่คงสไตล์ Unisex แฟนๆ ต่างรอคอยว่า เธอจะสวมอะไรออกงาน เพราะไม่มีใครคาดเดาได้ เธอเคยสวมสูทยาวสีดำประดับด้วยลวดลายดอกไม้ จัดแต่งทรงผมเรียบแสกข้างเหมือนชายหนุ่ม แต่พอถึงงานMet Gala 2019เธอใส่เดรสที่ผสมระหว่างความเป็นหญิงและชาย กระโปรงฝั่งหนึ่งเป็นสีชมพูสดใส ขณะที่อีกฝั่งเป็นสีขาว เมื่อมาถึงช่วงลำตัว ด้านหนึ่งสวมเกาะอกซึ่งดีไซน์เป็นรูปดวงตา ส่วนอีกด้านเป็นสูท เธอสวมหมวกผู้ชายหลายใบซ้อนกันขึ้นไปข้างบน สื่อแฟชั่นหลายสำนักได้ออกมาชมเชยถึงสไตล์แปลกใหม่และฉีกแนวเช่นนี้

เธอเล่าถึงที่มาของการเตรียมชุดออกงานให้ฟังว่า “ฉันนำเสนอไอเดียและมักจะระดมทีมช่วยกันคิดเพื่อให้ได้ลุคที่ดีที่สุด แต่สำหรับการทำงานเพลง ฉันจะเลือกชุดด้วยตัวเอง มีเหมือนกันที่ฉันขอคำแนะนำจากทีมงาน แต่แน่นอนส่วนใหญ่ฉันจะตัดสินใจสุดท้าย เพราะฉันอยากให้ออกมาเป็นตัวเองที่สุด

เจเนลล์ โมเนต์

ในชีวิตส่วนตัวเจเนลล์เกิดในชนชั้นแรงงานที่เธอต้องเห็นที่บ้านและคนในชุมชนทำงานหนักมาตลอดชีวิต “พ่อของฉันเป็นคนทิ้งขยะ แม่ของฉันเป็นภารโรง พ่อเลี้ยงของฉันทำงานที่ไปรษณีย์ ยายของฉันเสิร์ฟอาหารที่คุก ฉันเห็นพวกเขาตื่นขึ้นมาทุกเช้าใส่เครื่องแบบ และทำงานอย่างหนัก ฉันจึงทำงานหนักตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เป็นพนักงานเสิร์ฟ, เป็นแม่บ้านในสถานบริการรวมไปถึงทำความสะอาดบ้านของชนชั้นกลางเพื่อจ่ายค่าเรียนหนังสือให้ตัวเอง เพื่อให้ไปถึงฝัน”

ระหว่างทางที่ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปิน เธอได้เห็นความไม่ยุติธรรมหลายๆ อย่างที่เกิดกับคนผิวดำในชุมชน เจเนลล์และเพื่อนๆ จึงทำโปรเจคต์ Hell You Talmbout  ให้ผู้คนตะโกนพูดชื่อคนดำที่เคยตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงทางเชื้อชาติและความโหดร้ายของตำรวจตั้งแต่ปี 2015 ก่อนที่กระแส #metoo จะโด่งดัง เพื่อให้คนในสังคมได้รับรู้ถึงสภาพที่เลวร้ายของคนผิวสี รวมถึงได้ทำโปรเจ็คต์ Fem the Future เพื่อให้ผู้หญิงได้มีโอกาสทำงานในวงการเพลงมากขึ้น

“ฉันไม่ใช่นักการเมือง ฉันเป็นศิลปินและเป็นคนอเมริกา ฉันห่วงใยในประเทศของตัวเอง   โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิทธิของคนที่ฉันรักซึ่งมาจากชุมชนของฉันถูกเหยียบย่ำ มันเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกมีความรับผิดชอบ ในการใช้แพลตฟอร์มของตัวเองเพื่อพูดอะไรบางอย่างออกไป  ทุกวันนี้ฉันทำงานช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและพยายามวิ่งเต้นให้ผู้หญิงผิวดำได้สิทธิที่พึงจะได้ รวมไปถึงการการคุ้มครองชุมชน LGBTQIA และความยุติธรรมทางเชื้อชาติ ฉันสนใจประเด็นนี้และจะทำต่อไป”


ภาพ : IG (@janellemonae)

Praew Recommend

keyboard_arrow_up