เจเดน สมิธ

เจเดน สมิธ ไอคอนของเหล่า LGBT เพราะ “ผมไม่เคยแบ่งแยกว่าใครเป็นเพศอะไร”

account_circle
เจเดน สมิธ
เจเดน สมิธ

​แม้จะเกิดเป็นลูกชายคนโตของ Will Smith และ Jada Pinkett นักแสดงชื่อดังแต่ เจเดน สมิธ วัย 22 ปี ไม่เคยถูกรัศมีความดังของพ่อแม่บดบัง นอกจากจะหลงใหลในการเป็นนักแสดง นักร้อง แร็ปเปอร์ ซึ่งเจเดนก็ประสบความสำเร็จมาก อีกสิ่งที่เขาพยายามต่อสู้มาโดยตลอดและทำได้โดดเด่นไม่แพ้กันคือ การแสดงออกถึงความเป็นตัวเองโดยเฉพาะเรื่องเพศ

เจเดน สมิธ ไอคอนของเหล่า LGBT เพราะ “ผมไม่เคยแบ่งแยกว่าใครเป็นเพศอะไร”

เจเดน สมิธ ลูกชาย วิลล์ สมิธ

เจแดนเคยโพสต์ลงทวิตเตอร์ว่า “กระจกจะสะท้อนความจริงได้อย่างไร หากสายตาที่เรามอง ไม่ได้เห็นมันอย่างแท้จริง?”  เขาเคยให้สัมภาษณ์ The Huffington Post ถึงที่มาของข้อความดังกล่าวว่า ​“ผมอ่านเจอการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ว่า บางครั้งดวงตาก็ไม่ได้เห็นสิ่งของอย่างที่มันเป็นจริงๆ เพราะฉะนั้น สิ่งที่คนเรามองเห็นในทุกวัน อาจจะตรงกันข้ามกับความจริงเลยก็ได้” เช่นเดียวกับทัศนคติเรื่องเพศ เจเดนไม่ได้แบ่งแยกคนที่เพศ ว่าเป็นหญิงหรือชาย “ผมไม่เคยแบ่งว่าตัวเองเป็นเพศอะไร และผมเห็นคนสองประเภทอยู่บนโลกใบนี้คือ คนที่น่ากลัว และคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ” และประโยคนี้เองทำให้เขากลายเป็นไอคอนของเหล่า LGBT ไปโดยปริยาย

เจเดน สมิธ หลุยส์ วิตตอง

​เพราะความชัดเจนในจุดยืน ทำให้หลุยส์ วิตตองสนใจ ในปี 2016 เจเดนในวัย 17 ปี ได้ปรากฏตัวในชุดกระโปรงพลีต เสื้อโครเชต์ ถ่ายแฟชั่นสำหรับแคมเปญเสื้อผ้าผู้หญิงของหลุยส์ วิตตอง  แน่นอนว่า กระแสตอบรับ มีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับการยกย่องว่า ทำลายขนบทางเพศโดยสิ้นเชิง ความเป็นแฟชั่นไอคอนของเขาชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ปี 2017 เขาสวมโค้ตคอลเลคชั่นผู้หญิงของหลุยส์วิตตอง รวมถึงสวมรองเท้าบู๊ตส้นสูงไปร่วมงาน Met Gala ถ้ามองในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ยุคนั้นมีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจ

​ หลังจากนั้นเจเดนก็ปรากฏตัวในงานอีเวนท์มากมาย เขาสวมกระโปรงสั้นออกงาน ใส่กระโปรงยาวไปงานพรอม รวมถึงเปิดตัวแบรนด์เสื้อของตัวเองในชื่อ MSFTsrep ที่มีสโลแกนว่า “เสื้อผ้าแบรนด์นี้มีไว้สำหรับผู้หญิงที่อยากเป็นทอมบอย หรือผู้ชายที่อยากนุ่งกระโปรง และใครที่อยากทำลายขนบอะไรบางอย่าง”

ด้านการใช้ชีวิต เจเดนเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตัวจริง เขาเคยรับเชิญจากรายการ TED countdown ให้พูดถึงวิกฤตโลกร้อน เขาเผยว่า ตัวเองตระหนักถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่อายุ 11 ปีโดยเฉพาะวิกฤตของน้ำ  “ตอนนั้นครูสอนเซิร์ฟบอกผมว่า มหาสมุทรมีชีวิต ครูสอนสิ่งแวดล้อมก็บอกว่ามหาสมุทรกำลังจะตาย ตั้งแต่นั้นผมรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราต้องรีบแก้ไข”

เขาได้ร่วมก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไร ดูแลเรื่องระบบความปลอดภัยเรื่องน้ำอย่าง 501CTHREE “ผมตระหนักว่าโลกเราทุกวันนี้มีคนขาดแคลนน้ำสะอาดมากมายและกำลังจะตายจากการขาดน้ำสะอาด ซึ่งส่วนใหญ่คือเด็กนะครับ พวกเราอยากหาทางแก้ไขที่ยั่งยืนมากกว่าจะเอาขวดน้ำไปแจกตามชุมชน จึงพัฒนาระบบกรองน้ำ ซึ่งสามารถกรองน้ำบริสุทธิ์ได้ถึง 10 แกลลอน ทุกๆ 10 นาที  เราเคยไปช่วยเหลือรัฐมิชิแกน เพราะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสะอาด โดยนำระบบกรองน้ำ 4 เครื่องไปติดตั้ง และมีการเติมน้ำสะอาดให้อีก 19,000 แกลลอน เพื่อให้คนที่นั่นได้มีน้ำสะอาดดื่ม ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมาก ตอนนี้เรากำลังทำงานร่วมกับองค์กร Newark water เพื่อจะทำระบบกรองน้ำให้ทั่วถึงในระดับนานาชาติ ถ้าเมืองที่คุณอยู่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำสะอาด ติดต่อเราได้นะครับ”​

นอกจากการทำองค์กรการกุศล เจเดนยังทำธุรกิจของตัวเองในชื่อ Just Water ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบรรจุในขวดกระดาษและใช้ไบโอพลาสติก (พลาสติกชีวภาพ เช่น จากพืช ที่หมุนเวียนได้) ขวดจึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ ส่วนน้ำดื่มก็ผลิตจาก น้ำพุธรรมชาติ ที่ผ่านการกรองด้วยไมโครฟิลเตอร์ และแสงยูวี ทำให้สิ้นเปลืองน้อยกว่าการใช้น้ำประปามาผ่านกระบวนการคัดกรองที่ต้องสูญเสียพลังงานไฟฟ้ามหาศาล นอกจากจะช่วยโลกแล้ว ธุรกิจของเขาเติบโตขึ้นแท่นสตาร์ทอัพระดับพันล้านไปเรียบร้อยแล้ว


เรื่อง : Fai

Praew Recommend

keyboard_arrow_up