เดรสโค้ตของคุณกายเวลาออกงานจึงไม่มีคำว่า “น้อย” ซึ่งคุณกายก็ยอมรับว่า “เยอะตลอด (หัวเราะ) แต่ถ้าน้อยที่สุดคือชุดนอน เป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ จึงไม่แปลกที่เวลาไปตามงานสังคมคนมองว่าแต่งตัวไม่เหมือนใคร ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะทุกคนในโลกนี้ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับคนไหนมีสไตล์โดดเด่นขึ้นมา คำว่าสไตล์กับรสนิยมซื้อไม่ได้ด้วยเงิน บางคนรวยเป็นหมื่นล้าน แต่แต่งตัวเป็นอาแปะ แถมยังไม่ถูกกาลเทศะ บางคนไม่ได้รวย แต่แต่งตัวสวยอย่างกับนางแบบก็มี ผมไม่ได้สนใจ อาจจะประกอบกับผิวของผมดีด้วยไง พอใส่แล้วทำให้เป็นจุดสนใจ”
แต่ใช่ว่าจะฟุ้งเฟ้อสนุกสนานอย่างเดียว เพราะถ้าใครเคยติดตามแพรว จะรู้ว่าเดิมคุณกายมีกระเป๋าแอร์เมสหลักล้านและรุ่นท็อปๆ อยู่กว่า 20 ใบ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าหนังจระเข้ใบละ 1,800,000 บาท ที่คุณกาย “หิ้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ สะพายโหนรถไฟฟ้า” ส่วนใบสี่แสนกว่าบาทใช้เป็นกระเป๋าออกกำลังกาย เพราะใส่ตู้ล็อกเกอร์ได้พอดี ใบโปรดสุดคือแอร์เมสเบอร์กิ้น ไซส์ 40 ที่ใส่ของได้เต็มที่ แต่ล่าสุด หลังจากเข้าวัดปฏิบัติธรรม คุณกายก็ยอมรับว่า “เดี๋ยวนี้ใช้ชีวิตบาลานซ์ขึ้น ไม่สุดโต่งเหมือนแต่ก่อน เสื้อผ้าของแต่งตัว จากที่เคยซื้อทุกเดือน เดี๋ยวนี้เหลือแค่หนึ่งปี 2 ครั้งพอ เที่ยวต่างประเทศน้อยลง มีกระเป๋าแอร์เมสหิมาลายัน แต่ก็ใช้กระเป๋าธรรมดาทั่วไปได้ ส่วนกระเป๋าเบอร์กินของแอร์เมสกว่า 20 ใบ ส่งไปแกรนด์เซลล์หมดแล้ว เพราะมีอยู่วันหนึ่งถือเบอร์กิ้นไปเดินห้าง เจอน้องพนักงานทักว่าพี่เป็นผู้จัดการดาราหรือเปล่า กลับมาคิดว่าคงไม่เหมาะกับเราจึงเลิกถือดีกว่า (ยิ้ม)
“แต่ไม่ได้หยุดช้อปปิ้งนะ ผมว่าถือศีลทำบุญไม่ได้เกี่ยวกับช็อปปิ้ง ผมช็อปปิ้งกระเป๋า 3 แสนบาท ก็โอนเงินทำบุญ 3 แสนบาท เป็นความตั้งใจของผมที่ว่าเวลาซื้อของให้ตัวเองเท่าไหร่จะต้องทำบุญเท่านั้น แล้วไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศหรือโพสต์ใบอนุโมทนาบัตรลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค แค่นำใบเสร็จไปหักภาษีของตัวเอง ถ้ามัวโพสต์บอก คนอื่นคนจะหาว่าบ้า กลายเป็นคนแปลกไป ฉะนั้นจะใฝ่ธรรมก็ต้องให้กลืนไปกับวิถีชีวิตของเราด้วย ทุกวันนี้จ่ายตลาดมาทำอาหารกินเอง ค่าอาหาร บวกค่าใช้จ่ายจิปาถะและค่ารถไฟฟ้าด้วย ใช้ไม่เกิน 300 บาท ส่วนต่างเงินที่เหลือที่ตั้งไว้ใช้ในแต่ละวันจะโอนเข้าทำบุญตามมูลนิธิต่าง ๆ ผมแค่อยากใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น”
“ค่าใช้จ่ายทั้งหมดบอกได้อย่างภูมิใจว่าทุกบาททุกสตางค์มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองล้วน ๆ ทำงานมาตั้งแต่อายุสิบหก เริ่มจากสอนพิเศษ จากนั้นมีโอกาสทำอสังหาริมทรัพย์ซื้อมาขายไป ทำโร้ดโชว์ต่างประเทศ ธุรกิจขายยาส่งออกเซ้าท์อีสต์เอเชีย และทำธุรกิจสยามสเน็ก ฟาร์ม ผลิตเซรั่มพิษงูส่งออกต่างประเทศ เราได้ความเป็นนักธุรกิจมาจากคุณพ่อคุณแม่ ประกอบกับความโชคดีของตัวเองที่เฮง จับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด จึงมาถึงจุดนี้ได้ ตอนนี้ผมอายุ 40 ปี เกษียณตัวเองมาห้าปีแล้ว จึงได้ใช้ชีวิตสบาย ๆ ถ้ามีเวลาจะขับรถไปหาแม่ที่บ้านทุกวัน ซื้อพวงมาลัยไปกราบท่าน พาไปช็อปปิ้งซื้อของ เซ็นเช็คเปล่าให้คุณแม่ปีละใบมา 16 ปีแล้ว ทุกวันนี้จะเดินทางไปไหนชอบขึ้นรถไฟฟ้า สะดวกดี ไม่ชอบเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ นอกจากวันไหนที่ต้องไปพบลูกค้าจึงจะขับซูเปอร์คาร์”
“คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน เพียงแต่ว่าคุณจะเลือกทำอะไร สำหรับกาย เมื่อไหร่ที่นกหวีดเป่าปรี๊ดให้กลับไปขึ้นรถบัส มั่นใจได้ว่าเน็กซ์สเตชั่นของเราต้องสวย”
เรื่อง : แพรว
รูป : แพรว