“ปกติที่ผ่านมาทางจีนจะซื้อละครที่ผมเคยเล่นไปแปลเป็นภาษาจีนอีกที แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นละครโปรดักซั่นจีนทั้งหมด ก่อนไปก็ได้เรียนภาษาจีนมา 2 เดือน จริงๆ ไม่ค่อยได้อะไรมาก เพราะเราไม่ได้ใช้ ช่วงแรกๆ ที่ไปถึงจึงต้องปรับตัวเยอะ ยิ่งตอนเข้าบทเราฟังนักแสดงคนอื่นไม่ออกก็ต้องพยายามเดาใจกันว่าจะพูดจบประโยคหรือยัง พูดถึงไหนแล้ว ยิ่งถ้าฉากไหนมีนักแสดงเข้าเยอะผมต้องจำถึงขั้นว่าใครพูดกี่ประโยคบ้าง แต่พอใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น ได้ฝึกใช้ภาษาจีนในชีวิตประจำวันสะกพักก็เริ่มพูดได้ ฟังออกมากขึ้น เวลาเข้าฉากก็เริ่มรู้แล้วว่าควรจะพูดตอนไหน
“ส่วนบรรยากาศในกองก็คล้ายๆ กับกองละครที่เมืองไทยเลยครับ ทีมงานกับนักแสดงต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใครซื้อของกินอะไรก็จะมาแชร์กัน วันหนึ่งมีคนซื้อซุปมาให้ ทีมงานก็ตักใส่ถ้วยเล็กแบ่งมาให้ผมกิน ตอนกินก็อร่อยดีนะ แต่พอเดินไปดูที่หม้อเห็นเป็นกระดองเต่า โอ้… ช็อคมาก (หัวเราะ) เขาก็งงว่าแปลกตรงไหน เพราะบ้านเขามองว่าเต่าเหมือนเป็นปลาชนิดหนึ่ง เราก็พยายามอธิบายไปว่าคนไทยไม่กิน หลังๆ เวลาจะกินอะไรเลยต้องดูดีๆ ครับ
“ผมเป็นคนชอบเที่ยวชอบเดินทางอยู่แล้ว พอได้มาเจออะไรแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่แปลกใหม่ดี ช่วงที่อยู่จีน ผมพักโรงแรมในเมืองซูโจ ถ้าวันไหนว่างก็ออกไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้เพราะอยู่ใกล้ๆ กัน ด้านแฟนคลับที่โน่นก็ดีใจที่เรามา แรกๆ มีส่งอาหารไทยมาให้กิน เพราะกลัวผมกินอาหารจีนไม่ได้ บางคนซื้อจักรยานมาให้ เพราะรู้ว่าผมชอบปั่นจักรยาน แล้วคงกลัวผมเบื่อ มีถึงขนาดเอาคูปองซักผ้าของโรงแรมมาให้ด้วย
“เป็นการดูแลในมุมที่น่ารักๆ ที่ผมประทับใจมากครับ”
เรื่อง : apinya
ภาพ : pongnawat