ซูเปอร์สตาร์อีกนานแสนนาน ธงไชย แมคอินไตย์

เป็นเวลาปีกว่าๆ ที่ “เบิร์ด-ธงไชย” ลงปกแพรวครั้งล่าสุด หลังจากนั้นไม่นาน ทีมงานก็ได้รับข้อความจากผู้อ่านอย่างต่อเนื่องว่า “เมื่อไรเบิร์ดจะถ่ายแฟชั่นอีก… อยากอ่านบทสัมภาษณ์แล้ว แพรวจัดให้หน่อย” รวมถึงอีกหลายความรู้สึกที่ยืนยันได้ว่า ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลคนนี้อยู่ในหัวใจของคนไทยเสมอ เพราะฉะนั้นอย่าเสียเวลา แพรวชวนเบิร์ดมาคุยใกล้ๆ ทุกคนแล้วครับ

อัพเดทชีวิตให้แฟนๆ หายคิดถึงหน่อย อยากรู้ 24 ชั่วโมงในวันนี้ของ เบิร์ด-ธงไชย เริ่มจากวันสบายๆ ที่บ้านใบไม้ก็ได้ครับ

ชีวิตเบิร์ดธรรมดามาก ลุกออกจากเตียงประมาณ 10 โมง แต่ความจริงนอนบิดไปมาตั้งแต่ 8-9 โมงแล้วละ จากนั้นไหว้พระ ชงกาแฟ ต่อด้วยออกกำลังกาย 45 นาที ซึ่งโปรแกรมนี้ขึ้นอยู่กับ ว่า ช่วงนั้นฮิตออกกำลังกายเวลาไหน ถ้าเสียเหงื่อตอนเย็นก็ขยับตารางนี้ออกไป

หลังจากนั้นอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเช้า ต่อด้วยซ้อมเต้นเพื่อเตรียมสำหรับคอนเสิร์ต ถ้าพี่น้อย (พรพิชิต พัฒนถาบุตร) ออกไปทำงาน เบิร์ดก็โฮมอะโลน เดี๋ยวเดินเข้าบ้านนั้น ออกบ้านนี้ ถ้าวันนั้นไม่ต้องไปทำธุระที่ไหน ก็เป็นเวลาของการดูแลตัวเอง มาส์กหน้า มาส์กผม พักผ่อน ดูทีวี โดยเฉพาะเทนนิสที่เป็นรายการโปรด หรือไม่ก็เปิดหนังสือ ไม่ค่อยได้อ่านหรอก หนักไปที่ดูรูปภาพ เผลอแป๊บเดียวก็เย็นแล้ว เบิร์ดจะเดินช็อปปิ้งเสื้อผ้า ความหมายคือ เปิดตู้เสื้อผ้าดูว่า ถ้าพรุ่งนี้เราออกไปข้างนอกจะใส่ชุดอะไรดี

สำหรับมื้อเย็น นานๆ จะเข้าครัวเองสักครั้ง ไม่ได้เก่งนะครับ แค่ทำเป็น คนที่ผ่านความจนมาต้องทำได้ทุกอย่างแหละ เมนูที่เบิร์ดทำได้ดีอร่อยสุดคือ ไข่เจียวโปะข้าว (หัวเราะ) ช่วงหลังลองทำสลัดกินบ้าง ทำซ่าว่าจะไม่กินอะไรเพิ่ม แต่พอน้ำย่อยติดเครื่องก็ต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวอีกชาม จากนั้นได้เวลารวบรวมสติให้ความซ่าหายไปก่อนเข้านอน ไม่อย่างนั้นเบิร์ดจะเดินไปมาอยู่นั่น ยังจำได้ว่า สมัยแม่ยังอยู่ แม่ชอบพูดว่า “เบิร์ด นิ่งๆ บ้างนะลูก”

พี่นกน้อยเคยบอกแพรวว่า สมาธิของเบิร์ดจะดีที่สุดในช่วงใกล้นอน ถ้าอยากเจรจาต้าอ่วยเรื่องงาน ต้องเป็นตอนนั้น…ใช่ไหมครับ

ใช่ (หัวเราะ) พี่น้อยก็เป็นเหมือนกันนั่นละ อยู่นิ่งๆ ไม่ได้ เดี๋ยวเดินไปนั่นไปนี่ตลอดเวลา กว่าจะได้คุยงานกันก็ดึกแล้วทุกที

สำหรับการกลับมาจอทีวีอีกครั้งในละครเรื่องกลกิโมโน เริ่มคุยกันนานหรือยังครับ

ประมาณ 3 ปีครับ พี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธุ์) คุยกับพี่เล็ก (บุษบา ดาวเรือง) และพี่น้อย ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้ก็มีผู้จัดส่งบทละครมาตลอด แต่หลายๆ ปัจจัยยังไม่เอื้อกัน แต่กับกลกิโมโนเหมือนทุกอย่างลงตัว และอาจเป็นความต้องการลึกๆ ของเบิร์ดด้วยว่า เราห่างจากละครมา 17 ปี คงถึงเวลาแล้วละ อยากทำหน้าที่ที่ขาดหายไป เพราะแม้ไม่ได้แสดงมานาน แต่เบิร์ดเป็นนักดูละครตัวยง ติดตามอยู่ตลอด เวลาเจอนักข่าวก็โดนถามเสมอว่า เมื่อไรจะกลับมาเล่นละคร… ตอนนี้กลับมาแล้วนะครับ ฝากแพรวบอกณเดชน์ว่า พี่เบิร์ดกลับมาเล่นละครแล้ว ปล่อยงานมาบ้าง (เบิร์ดแกล้งทำเสียงแซวแล้วหัวเราะ)

หายจากงานละครไปถึง 17 ปี กลับมาคราวนี้ตื่นเต้นไหมครับ

มา….ก (ลากเสียงยาว) ตื่นเต้นตั้งแต่วันฟิตติ้ง เพราะเป็นบรรยากาศที่หายไปจากชีวิตตั้ง 17 ปี วันนั้นอะเลิ้ทมาก พอน้องทีมงานบอกว่า พี่เบิร์ดพร้อมไหมคะ เรากระโดดเข้าไปยืนอยู่หน้าฉากเลย พร้อมมาก (หัวเราะ)

หลังจากนั้นเบิร์ดไปเรียนการแสดงกับครูแอ๋ว (อรชุมา ยุทธวงศ์) เพื่อฟื้นฟูทักษะที่ไม่ได้ใช้มานาน โชคดีที่ตัวละครที่รับคราวนี้คือ “ท่านชายโยชิ” ที่มีอายุตั้ง 400 ปี เหมาะกับตัวเองมาก (หัวเราะ) ฝากคนดูเอาใจช่วยด้วยนะครับ เพราะเบิร์ดตั้งใจมาก และพอได้กลับมาเล่นละคร ทำให้รู้ว่า เรายังสนุกกับการทำงานอยู่เหมือนเดิม ไม่มีความคิดว่า พอดีกว่าไหม

ส่วนหนึ่งที่ทำให้งานครั้งนี้ราบรื่นต้องให้เครดิตพี่น้อยที่รักงานแสดงเป็นชีวิตจิตใจ พี่น้อยช่วยขีดไฮไลท์บทในส่วนที่เบิร์ดต้องพูดและเกี่ยวข้อง ช่วยได้เยอะมาก ต้องขอบคุณพี่น้อยที่ดูแลตั้งแต่วันแรก ช่วยเดินนำเบิร์ดไปในทุกสถานที่และโอกาสที่ดี ไม่นับเรื่องที่พี่น้อยเป็นคนตลกมาก อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ถือเป็นหนึ่งคนสำคัญที่สุดในชีวิต

ถ้าให้เปรียบเทียบการทำงานละครในอดีตกับวันนี้ละครับ

สมัยก่อนเหนื่อยและหนักมาก เริ่มทำงานจากเช้าวันหนึ่งไปจบอีกวัน เรียกว่า เป็นยุคปากกัดตีนถีบที่ทุกคนต้องช่วยกัน อุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือก็ยังไม่พร้อม ในบรรยากาศนั้นเบิร์ดสนุกนะ เพียงแค่เหนื่อยมากจริงๆ มาถึงวันนี้วงการละครพัฒนาขึ้นมากแล้ว นักแสดงได้รับการดูแลดีขึ้น การทำงานมีการเตรียมมาอย่างละเอียด ตั้งแต่การเขียนบท การเลือกโลเคชั่น จนถึงวันถ่ายทำ

สำหรับเรื่องกลกิโมโน เบิร์ดโชคดีที่ได้ร่วมงานกับพี่หน่อง นักแสดงและทีมงานทุกคนก็เก่งๆ ทั้งนั้น คงต้องรอวันออนแอร์ รอเสียงตอบรับจากคนดู ซึ่งก็คงมีทั้งที่ชอบและไม่ชอบเป็นธรรมดา แต่เบิร์ดคิดว่า ความตั้งใจจริงในการทำงานจะทำให้ทุกอย่างออกมาดี

พี่เต๋อ-เรวัต พุทธินันทน์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าเปรียบชีวิตเบิร์ด-ธงไชย ก็เหมือนหนังสือ ยิ่งอ่านยิ่งสนุก” แต่ถ้าถามเจ้าตัวถึง เรื่องราวหรือภาพไหนในชีวิตที่ไม่เคยลืม

(พี่เบิร์ดคิดแป๊บเดียว) ภาพที่เป็นที่สุดในชีวิตของเบิร์ดคือ ตอนกราบพี่เต๋อบนเวทีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดครั้งแรก กับตอนกราบแม่ในแบบเบิร์ดเบิร์ดครั้งที่ 2 ทั้งสองเหตุการณ์นั้นคือ พลังที่ช่วยพาเบิร์ดไปต่อได้อีกไกลจนถึงทุกวันนี้ เบิร์ดเชื่อว่า ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จึงเป็นภาพที่ไม่เคยลืมเลย

พูดถึงคอนเสิร์ตทั้งที่แสดงมาเป็นสิบๆ ปี แต่ถึงเวลาต้องขึ้นเวทีไม่รู้เป็นอะไร เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น ยิ่งช่วงก่อนขึ้นแสดงนี่เข้าห้องน้ำบ่อยมาก (หัวเราะ) แต่พอห่างจากเวทีนานๆ ก็คิดถึงนะครับ เพราะพื้นที่ที่ทำให้เบิร์ดมีความสุขที่สุดก็คือ ห้องซ้อมและเวทีคอนเสิร์ตนี่ละ

ความจริงถ้าวันนี้ไม่ทำงาน เบิร์ดก็อยู่ได้สบายๆ แล้ว ทำไมขยันทำงานขนาดนี้ครับ

เบิร์ดไม่ได้มีกิจการหรือธุรกิจเป็นเรื่องเป็นราว เป็นคนธรรมดาที่ต้องทำงานเหมือนคนอื่นๆ ละครับ ถ้าไม่ทำงานแล้วก็อาจอยู่สบายๆ ได้ แต่เบิร์ดไม่เคยคิดจริงๆ ว่า ทำไมต้องเลือกแบบนั้น ทั้งที่หลายงานที่ทำก็หนักมาก อย่างหลายปีก่อนที่เล่นคอนเสิร์ต 37 รอบ ไม่รู้ทำได้อย่างไร หลังจากจบงานต้องใช้เวลาฟื้นฟูพลังเยอะ ไม่พูดกับใคร 4 วันก็มี พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเบื่อนะ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเบิร์ดรักงานที่ทำจริงๆ
ไม่ใช่ว่าแพรวมาสัมภาษณ์แล้วต้องตอบแบบนี้ด้วย เพราะเบิร์ดรู้ดีว่า งานนี้ดูแลชีวิตเรา แม่ พี่น้อง และคนที่เบิร์ดรักมาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าเหนื่อยก็แค่หยุดพัก ไปเที่ยว หรือไม่ก็อยู่บ้านใบไม้ ซื้อมาแพงก็อยู่ไป บ้านนี้ต้นไม้เยอะ… ยุงก็เย้อ (เบิร์ดแซวบ้านตัวเองแล้วหัวเราะชอบใจ)

ทุกคนรู้ว่า เบิร์ดไม่ได้ใช้ชีวิตนอกบ้านเท่าไร ไม่เบื่อบ้างหรือครับ

เบิร์ดไม่มีภาพว่า ออกไปข้างนอกแล้วสนุกแบบไหน ไม่รู้อยู่ได้อย่างไรมาตั้งหลายปีเนอะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเบิร์ดชอบอยู่บ้าน แต่ช่วงหลังๆ ก็ไปแถวทองหล่อบ้างนะ ไปดูร้านที่เขาฮิตๆ กันว่าเป็นอย่างไร ออกไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง อย่างไปกินอาหารฝรั่งที่โบเตก้า อาหารเวียดนามที่ร้าน เลอ ดาลัด อาหารญี่ปุ่นร้านโฮวยู อาหารจีนที่ฮิลตัน แต่ถ้าอยู่เมืองนอกก็ไมได้กินหรูหรา ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือบ้านที่สวิตเซอร์แลนด์ เบิร์ดก็กินร้านข้างทางได้ อร่อยด้วย (ยิ้ม)

รู้กันว่า เวลาในวงการบันเทิงไม่ได้นานนัก คนใหม่มา คนเก่าก็หายไป แต่เบิร์ดเหมือนเป็นข้อยกเว้น เรียกว่า เป็นอมตะได้ไหมครับ

(ยิ้ม) เบิร์ดไม่เคยมองว่าตัวเองยิ่งใหญ่เลย แต่สำหรับสิ่งที่ได้รับมาต้องบอกว่า ภูมิใจมาก ขอบคุณที่ให้ความรักกับเบิร์ดมาตลอด ทุกครั้งที่เล่นคอนเสิร์ตหรือไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ เบิร์ดสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆ เหล่านั้น ทั้งหมดเป็นพลังให้มีแรงทำงานต่อไปอีกนานแสนนาน

บางคนเห็นชีวิตเบิร์ดแล้วอาจคิดว่า ร้องเพลงมาเป็นสิบๆ ปี ไม่เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นบ้างหรือ ชอบย่ำอยู่กับที่หรือเปล่า แต่ถ้าสิ่งที่ทำอยู่คือความสุข แล้วเบิร์ดจะกระโดดไปทำอย่างอื่นทำไม ชีวิตหลายปีที่ผ่านมาอาจไม่มีเรื่องใหม่หรือแตกต่างจากเดิม แต่ในมุมของเบิร์ด ความพิเศษคือ เรายังสามารถทำงานที่รักได้เหมือนเดิม ทั้งร้องเพลง แสดงคอนเสิร์ต หรือถ่ายแฟชั่นกับแพรว นั่นหมายความว่า เรายังมีโอกาสในทุกๆ ช่วงวัยของชีวิต

และเบิร์ดจะใช้โอกาสนั้นอย่างดีที่สุดทุกครั้ง (ยิ้ม)

เรื่อง : ปารัณ เจียมจิตต์ตรง
ภาพ : สุเมธ วิวัฒน์วิชา
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 840 คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up