คลั่งผอมจนเกือบตาย! เรื่องจริงของหญิงสาวผู้รอดชีวิตจากโรค Anorexia Nervosa

Anorexia Nervosa (อะนอเร็กเซีย เนอร์โวซา) หรือโรคคลั่งผอม ที่เกิดจากคนมีทัศนคติผิดๆ ต่อรูปร่าง และน้ำหนักตัว คนที่เป็นโรคนี้จึงกลัวอ้วนเอามาก ๆ เห็นน้ำหนักตัวเองเป็นศัตรู และนำไปสู่การปฏิเสธการรับประทานอาหารอย่างมากจนผ่ายผอม 

‘เมษา’  ภณิตา ฉัตรทิวาพร หญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มสดใสในวันนี้ ทว่าวันวานที่ผ่านมาเธอคือผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเชื่อว่าผู้หญิงผอมคือผู้หญิงสวย

เธอจึงดำดิ่งเข้าสู่เส้นทางของคนคลั่งผอม กระทั่งป่วยเป็นโรค Anorexia Nervosa ขั้นรุนแรงชนิดที่หัวใจอาจหยุดเต้นได้ทุกขณะ

“เมษาเป็นคนมีรูปร่างสมส่วน แต่เป็นในแบบคนโครงร่างใหญ่มาโดยตลอด กระทั่งช่วงอายุ 16-17 อยากมีกล้ามหน้าท้อง จึงตัดสินใจออกกำลังหน้าท้องทุกคืน โดยศึกษาจากคลิปทางอินเทอร์เน็ต พบว่าถ้าอยากให้เห็นลายกล้ามเนื้อชัดเจนจะต้องเบิร์นไขมันออก จึงเริ่มออกกำลังกายด้วย T25 (การออกกำลังกายทุกส่วนด้วยการเต้นใช้เวลา 25 นาที แต่ให้ประสิทธิภาพเท่ากับการออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง) ติดต่อกันทุกคืน ส่วนตอนเช้าตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อบริหารหน้าท้องและคาร์ดิโอ(การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเพื่อให้หัวใจเต้นแรง) แต่ยังกินอาหารเป็นปกติ

“สังเกตว่าหลังจากออกกำลังกายไปเรื่อยๆ เริ่มมีกล้ามหน้าท้องให้เห็น พอเปิดเทอมแรกของมัธยม 5 จึงตัดสินใจควบคุมเรื่องอาหารด้วยเพื่อให้กล้ามหน้าท้องชัดขึ้น โดยให้คุณแม่ทำข้าวกล่องไปกินที่โรงเรียน บอกท่านตลอดว่าห้ามทำอาหารทอด อย่าใส่น้ำตาลเยอะ เน้นผัก ฯลฯ เวลากินก็แทบไม่แตะข้าวเลย ส่วนขนมหวานกับน้ำหวานงดเด็ดขาด ก่อนออกกำลังกายน้ำหนักอยู่ที่ 51 กิโลกรัม แต่พอเมษาเปลี่ยนวิถีชีวิต น้ำหนักก็ลดลงไปเรื่อยๆ โดยไม่สังเกตตัวเองว่าผอมลง ทุกเช้าเวลาส่องกระจกจะดูแค่ว่ามีกล้ามหน้าท้องแล้วหรือยัง

“ช่วงนั้นเมษาเครียดเรื่องเรียนด้วย เพราะต้องเตรียมตัวเอนทรานซ์ ทุกกลางวันจึงกินข้าวกล่องอยู่บนห้องเรียน พร้อมกับอ่านหนังสือไปด้วย แต่เพราะแทบไม่ได้กินคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาล ทำให้อารมณ์แปรปรวน แค่เพื่อนพูดเสียงดังก็เหวี่ยงแล้ว จนเพื่อนไม่กล้าเข้าหา ส่วนความสัมพันธ์กับที่บ้านแย่ยิ่งกว่า เพราะพอมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการกินก็ไม่อยากออกไปกินข้าวนอกบ้าน ที่บ้านจึงไม่เข้าใจว่าเราเป็นอะไร ช่วงนั้นทะเลาะกันบ่อยมาก

“อาการเริ่มออกชัดเจนตอนปิดเทอมภาคเรียน เนื่องจากมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น จึงเพิ่มเวลาออกกำลังกายทั้งเช้า กลางวัน เย็น ส่วนใหญ่เน้นแบบคาร์ดิโอหนักๆ ให้หัวใจเต้นเร็วๆ แต่แทบไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ทั้งที่กินอาหารน้อยมาก ตอนนั้นน้ำหนักเหลือเพียง 40 ต้นๆ เท่านั้น

“วันหนึ่งเล่นอินเทอร์เน็ตแล้วเจอคำว่า Anorexia Nervosa พออ่านแล้วรู้สึกว่าอาการตรงกับตัวเองทุกข้อ เช่น ติดการออกกำลังกายอย่างหนัก กินน้อยเพราะกลัวอ้วน ถ้าวันไหนตื่นเช้ามาแล้วพุงป่องจะเครียด ที่สำคัญคือไม่เชื่อว่าตัวเองผอม ทั้งที่ช่วงนั้นคนรอบข้างทักว่าผอมมาก เห็นกระดูกชัดเจน ขนาดเวลานั่งเก้าอี้ที่โรงเรียนต้องใช้เบาะรอง เพราะกระดูกก้นกบทิ่มกับเก้าอี้ไม้จนเจ็บก็ยังคิดว่าตัวเองอ้วน

“ชั่งใจอยู่สักพักจึงยอมปรึกษาคุณแม่ ท่านอยากให้ไปหาหมอ แต่เมษาคิดว่าโรคนี้น่าจะรักษาได้ด้วยตัวเอง จึงบอกว่าอยากลองปรับพฤติกรรมดูก่อน คุณแม่ก็ยอม เพราะคิดว่าถ้าไปหาหมอแบบถูกบังคับคงไม่ได้ผล เมษาเริ่มกินขนมให้มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังออกกำลังกายเยอะ ผลคือผอมหนักกว่าเดิม

“ที่พีคสุดคือน้ำหนักลดเหลือ 36 กิโลกรัม ร่างกายเหมือนกระดูกเดินได้ ผลจากการได้รับสารอาหารไม่พอ ผมจึงร่วงมาก รู้สึกเหนื่อยง่าย มีอาการวูบโดยเฉพาะเวลาลุกนั่ง บวกกับหายใจลำบาก สูดหายใจได้ไม่เต็มที่ หนักสุดคือประจำเดือนขาดติดต่อกันประมาณ 4 เดือน รวมทั้งร่างกายหยุดโต ปกติสังเกตว่าแต่ก่อนจะสูงขึ้นทุกๆ ปี คราวนี้หยุดสูงไปเลย ที่แย่คือร้องไห้แทบทุกคืน เพราะเครียดทั้งเรื่องเรียนและการลดน้ำหนัก ถ้าได้ยินเพื่อนพูดคำว่าไดเอตจะเครียดทันที กลัวเพื่อนออกกำลังกายเยอะกว่าเรา ครูประจำชั้นสังเกตเห็นความผิดปกติว่าเมษาเข้ากับเพื่อนไม่ได้ นั่งทำหน้าโกรธโลกทั้งวัน จึงโทร.มาคุยกับคุณแม่ และนั่นเป็นจุดตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องไปโรงพยาบาล

“คุณแม่พาไปพบจิตแพทย์และคุณหมอโภชนาการที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตอนวัดความดันค่าออกมาต่ำมาก อยู่ที่ 45-70 (ความดันปกติอยู่ที่ 80-120) มีโอกาสที่หัวใจจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ คุณหมอบอกว่าที่ร่างกายขาดประจำเดือนเป็นเพราะไม่มีไขมันไปสร้างฮอร์โมน จึงให้เข้าเครื่องเอ็มอาร์ไอสแกนสมองด้วย พบว่ามีเนื้องอกติ่งเล็กๆ อยู่ที่ต่อมใต้สมอง คุณหมอจึงแจ้งคุณแม่เพิ่มว่าที่ประจำเดือนไม่มาอาจเป็นเพราะต่อมใต้สมองเกิดอาการผิดปกติร่วมด้วย แต่ตอนนั้นคุณแม่ไม่บอกเมษาเพราะกลัวเครียด

“คุณหมอโภชนาการสั่งให้หยุดการออกกำลังกายทุกอย่าง ให้อาหาร เสริมวิตามิน และยามากิน รวมแล้วประมาณมื้อละหนึ่งกำมือ ส่วนจิตแพทย์เป็นเหมือนที่ปรึกษาเรื่องอาหาร ตั้งคำถามให้คิด เช่น ถ้ากินวันนี้ คิดว่าพรุ่งนี้จะอ้วนขึ้นทันทีเลยไหม และมีเงื่อนไขว่าทุก 2 สัปดาห์ที่พบกัน น้ำหนักจะต้องขึ้น  0.5 -1 กิโลกรัม ห้ามลดลงเด็ดขาด พอรักษาที่โรงพยาบาลไปสักพักก็มีคนแนะนำให้ไปรักษากับแพทย์แผนจีนที่พัทยาร่วมด้วย ใช้วิธีการฝังเข็ม คุณหมอฝังเข็มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร รวมทั้งมียาสมุนไพรให้กินบำรุงเลือดและปรับสมดุลในร่างกาย

“ช่วงแรกที่รักษาเมษายังกินไม่ได้เพราะร่างกายไม่ชิน คุณพ่อคุณแม่จะคอยบอกว่า ‘กินเพื่อพ่อแม่นะ’ คำพูดนั้นทำให้กินได้มากขึ้น บวกกับเมษามีความฝันอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งร่างกายต้องแข็งแรง ที่สำคัญคือกลัวตาย ในชีวิตยังมีหลายอย่างที่อยากทำ ถ้าตายไป คงรู้สึกผิดกับคุณพ่อคุณแม่ เราไม่อยากตายแบบไร้ค่า นั่นคือจุดเปลี่ยน ที่ทำให้กินอาหารมากขึ้น กินขนม ทั้งช็อกโกแลต เค้ก ไอศกรีม แต่แทบไม่รู้รสชาติเพราะลิ้นไม่รับรส อย่างเวลากินปลานึ่งมะนาว คุณแม่ต้องเติมมะนาวให้เยอะมากจึงจะรู้สึกเปรี้ยว กินไปสักพักร่างกายก็ค่อยๆ ปรับสมดุลได้

“เมษาตัดสินใจงดออกกำลังกายด้วย ทำให้น้ำหนักขึ้นมาที่ 48 กิโลกรัม ประจำเดือนกลับมาเป็นปกติหลังจากขาดหายไปเกือบ 1 ปี พอเห็นว่าอาการหลายอย่างโอเคแล้ว คุณแม่จึงบอกความจริง เรื่องต่อมใต้สมองและพาไปสแกนเอ็มอาร์ไออีกครั้ง พบว่าติ่งเนื้อชิ้นนั้นหายไปแล้ว ผมหยุดร่วง ความดันและการเต้นของหัวใจขึ้นมาเป็นปกติ รวมทั้งอารมณ์ก็กลับมาคงที่ เพื่อนที่โรงเรียนเห็นว่าเราดีขึ้นก็กลับมาคุยด้วยเหมือนเดิม

“ที่ดีใจที่สุดคือ เมษาเอนทรานซ์ติดคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ปัจจุบันน้ำหนัก 53 กิโลกรัม ออกกำลังกายบ้าง แต่ไม่หักโหมอย่างแต่ก่อน กินอาหารได้เป็นปกติ ถ้าชั่งน้ำหนักแล้วลดลงจะรู้สึกเครียดมากกว่า เพราะกลัวจะกลับไปเป็นอย่างเดิม ตอนนี้เมษาเรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับร่างกายของตัวเองว่าความที่โครงร่างของเราใหญ่ จึงไม่มีทางที่จะทำให้ร่างกายผอมแบน เหมือนคนตัวเล็กๆ ได้ และทุกคนมีรูปร่างที่เหมาะกับตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร นั่นทำให้รู้สึกรักรูปร่างตัวเองมากขึ้น”

เมษาโชคดีที่รอดพ้นจากภาวะดิ่งลึกของโรคคลั่งผอม กระทั่งสามารถมาถ่ายทอดประสบการณ์ร้ายให้เราอ่านได้ เพราะฉะนั้นสาวๆ ที่คิดแต่อยากผอมๆ ลองสำรวจตัวเองว่าวิธีที่คุณใช้บิดเบี้ยวอยู่ไหม ฝากเรื่องของเมษาเป็นอุทาหรณ์เตือนสติไว้ด้วยนะคะ


สถานที่ ร้าน FITB : Fuel in the Blank โทร. 0-2941-3341

ที่มาเรื่อง/ภาพ: คอลัมน์ ‘ครั้งหนึ่ง’ นิตยสารแพรว

พระเอก ซงจุงกิ

พระเอก ซงจุงกิ ยกเลิกตารางงานทั้งหมด! หลังจากคนใกล้ชิดติด Covid-19

Alternative Textaccount_circle
พระเอก ซงจุงกิ
พระเอก ซงจุงกิ

สื่อเกาหลีใต้ได้รายงานว่า พระเอก ซงจุงกิ วัย 35 ปีเจ้าของฉายา สามีแห่งชาติ กำลังอยู่ช่วงกักตัว หลังจากที่สัมผัสติดต่อกับคนรู้จักที่ติดโควิด-19

วันนี้ ( 2 ก.ค. 2564) สื่อเกาหลีใต้ได้รายงานว่า ซงจุงกิ  (Song Joong Ki)  นักแสดงหนุ่ม เจ้าของผลงานซีรีส์ฮิต Descendants of the Sun และ Vincenzo ถูกระบุว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ เนื่องจากเขาได้ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ป่วยได้แจ้งทีมงานของซงจุงกิหลังทราบผลเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2564

ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้กำหนดการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Bogota ต้องถูกเลื่อนออกไป โดยทีม Megabox JoongAng Plus M ได้เปิดเผยว่าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยจะหยุดถ่ายทำจนกว่าจะมีการระบุว่าซงจุงกิปลอดภัย โดยต่อจากนี้ทีมงานจะทำงานเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19 ทีมผู้ผลิตจะร่วมมืออย่างจริงจังกับมาตรการที่ดำเนินการโดยหน่วยงานกักกัน ก่อนจะกลับมาถ่ายทำต่อ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ทราบข่าวซงจุงกิได้สมัครใจเข้าตรวจหาเชื้อ แม้ผลจะออกมาแล้วว่าเป็นลบ แต่เจ้าตัวยืนยันที่จะกักตัวให้ครบตามมาตรการการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส

พระเอก ซงจุงกิ นักแสดงหนุ่มเจ้าของฉายาสามีแห่งชาติ

ซงจุงกิ-1

พระเอก ซงจุงกิ


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

7 เรื่องไม่ธรรมดาของ Song Joong Ki สามีมหาชน ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา

หน้าเด็กเป็นสไตล์! เปิดสูตรผิวใส “ซงจุงกิ” ดูกลาสสกินแบบวาววับกระแทกใจ

ตาชั้นเดียวกระชากใจ 8 หนุ่มแดนกิมจิ อย่าเผลอมองตา อาจถูกขโมยหัวใจ

นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้ รุ่น Cape Cod

ซูมความแน่นของเพชร! นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้ รุ่น Cape Cod

นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้ รุ่น Cape Cod
นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้ รุ่น Cape Cod

นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้ รุ่น Cape Cod Chaîne d’Ancre ได้รับการประดับประดาด้วยเพชรและหินออบซิเดียน (Obsidian) เผยให้เห็นแง่มุมใหม่ที่ล้ำค่าและโดดเด่นในอัตลักษณ์

ในปี 1991 นาฬิกา Cape Cod ได้ถือกำเนิดขึ้นจากลายเส้นดินสอหนาของนักออกแบบนามอองรี ดอริญี (Henri d’Origny) ที่ควรจะออกแบบนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ความมีอิสระในการออกแบบของเขา ทำให้ตัดสินใจว่ารูปทรงของมันควรจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสในสี่เหลี่ยมผืนผ้า

นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้

Cape Cod นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้-1

Cape Cod นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้-2

ซูมความแน่นของเพชร! นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้ รุ่น Cape Cod

นาฬิกา Cape Cod พลิกรหัสและเชื่อมโยงสไตล์อิสระที่ไม่อยู่ในกรอบและความเข้มงวด ตัวเรือนดั้งเดิมประกอบด้วยตัวเชื่อมทรงโซ่สมอเรือครึ่งสองชิ้น ลวดลายที่รังสรรค์ขึ้นโดย โรเบิร์ต ดูมาส์-แอร์เมส (Robert Dumas-Hermes) ในปี 1938 ที่ได้แรงบันดาลใจจากโซ่ของสมอเรือ และลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากโซ่ของสมอเรือยังประดับไว้บนพื้นหน้าปัดของ Cape Cod เผยให้เห็นถึงสัมผัสที่แปลกใหม่มากมาย

ปีนี้ Cape Cod ได้รับการเปลี่ยนโฉมอีกครั้ง ทั้งทอประกายแสงระยิบระยับด้วยเพชรน้ำงามและรังสรรค์ด้วยหินออบซิเดียน ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟสีเทา หรือพ่นทราย เคลือบทองและเคลือบเงา รูปทรงของดีไซน์กราฟิกโดดเด่นเล่นกับพื้นผิวและวัสดุ

นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้-2

Cape Cod นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้-4

นาฬิกา Cape Cod Chaîne d’Ancre รุ่นแรกคือความงามระหว่างความแตกต่างและความกลมกลืน โดดเด่นในตัวเรือนโรสโกลด์ ประดับด้วยเพชร 52 เม็ดล้อมรอบหน้าปัดออบซิเดียนที่โดดเด่น ส่องประกายด้วยเพชรน้ำงาม 181 เม็ดบนข้อต่อโซ่สมอเรือที่เชื่อมแบบไขว้กัน

ในรุ่นที่สองที่มีขนาดเล็กกว่า ประดับอัญมณีในโทนสีที่เข้ากับตัวเรือนสตีลกับเฉดสีแอนทราไซต์ของหน้าปัดหินภูเขาไฟ และโซ่สมอเรือที่ประดับด้วยเพชร และสุดท้ายกับรุ่นที่สาม ในตัวเรือนโรสโกลด์ในตัวเรือนขนาดเล็กที่คล้ายกัน ประดับด้วยเพชร 46 เม็ดโดดเด่นกับพื้นหน้าปัดสีทองพ่นทรายพร้อมลายโซ่สมอเรือประดับเพชร

จับคู่กับสายหนังแบบเส้นเดียวหรือสายคู่ที่ผลิตด้วยหนังจระเข้สี Chantilly (แชนทิลลี่) หรือสีเทามุก รังสรรค์ขึ้นในเวิร์กช้อป Hermès Horloger นาฬิกา Cape Cod Chaîne d’Ancre รุ่นใหม่ แสดงเวลาชั่วโมงและนาที ด้วยเข็มเรียวยาวที่เคลือบทองหรือเคลือบโรเดียม

Cape Cod นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้

Cape Cod นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้-3

นาฬิกา Hermes สายหนังจระเข้-5


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ราคาไม่แรง แต่ดูแพงมาก! นาฬิกา หมอซงฮวา ในซีรีส์ดัง Hospital Playlist SS2

ราคาโหดแต่ใช้คุ้ม! นาฬิกา Rolex ‘ซารา ทินดอลล์’ พระนัดดาควีนเอลิซาเบธ

เผยเรื่องราวของ นาฬิกา Nantucket จาก Hermès แรงบันดาลใจจากโซ่สมอเรือ

 

รวบตึงลิป 4 แบบที่สวมแมสก์แล้วรอด พร้อมทริคเลือก ลิปติดแน่น สไตล์จีซู

พักกลอสฉ่ำๆ! รวบตึงลิป 4 แบบสวมแมสก์แล้วรอด พร้อมทริคเลือก ลิปติดแน่น สไตล์จีซู

Alternative Textaccount_circle
รวบตึงลิป 4 แบบที่สวมแมสก์แล้วรอด พร้อมทริคเลือก ลิปติดแน่น สไตล์จีซู
รวบตึงลิป 4 แบบที่สวมแมสก์แล้วรอด พร้อมทริคเลือก ลิปติดแน่น สไตล์จีซู

แรกๆ ที่ต้องสวมแมสก์กันอย่างจริงจัง เหล่าบิวตี้บล็อกเกอร์ต้องพยายามลองผิดลองถูกเพื่อหาลิปสติกไม่ติดแมสก์ (หน้ากากอนามัย) อย่างที่ฝันกันจนเวียนหัว มาตอนนี้ที่ผ่านการระบาดมาหลายระลอก ประสบการณ์ก็สอนให้รู้ว่ามี ลิปติดแน่น อยู่ 4 แบบที่เอาอยู่ จนสาวๆ ควรมีไว้ในคลังในขณะที่เรายังต้องสวมแมสก์กันยาวๆ พักลิปกลอสฉ่ำวาวและลิปเนื้อครีมลื่นๆ ไหลๆ เอาไว้ก่อน แล้วหันมาเลือกลิปสติกที่เป็นมิตรกับแมสก์ เมื่อเจอลิปสไตล์ที่ถูกจริต รับรองว่าหายหงุดหงิดแน่นอน

ทริคเลือก ลิปติดแน่น สไตล์จีซู

รวบตึงลิป 4 แบบที่สวมแมสก์แล้วรอด พร้อมทริคเลือก ลิปติดแน่น สไตล์จีซู

ทริคเลือกลิปสไตล์ JISOO BLACKPINK “ที่เกาหลีมีวัฒนธรรมการสวมแมสก์กันมานานแล้ว ฉะนั้นการพยายามเสาะหา ว่าลิปสติกสไตล์ไหนที่ทาแล้วไม่เลอะแมสก์จึงไม่ได้เพิ่งเริ่ม แต่ฉันค้นพบมานานแล้ว ว่าถ้าจะให้เอาอยู่จริง ลิปต้องเนื้อบางสุดๆ แต่ให้เม็ดสีที่ชัดเจน ชนิดที่เวิร์คมากๆ จึงเป็นพวกลิปบาล์มมีสีหรือทิ้นต์ที่เป็นเนื้อน้ำ

ลิปบาล์มมีสีรุ่นใหม่ๆ ออกแบบมาให้เปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิร่างกายของเรา พวกนี้จะดูบางใสมาก และให้สีชัดเฉพาะบริเวณที่เป็นสีปากจริงๆ ส่วนที่เลอะขอบออกมาบ้างก็ดูจางๆ ไม่น่าเกลียด ข้อดีมากๆ คือให้ความรู้สึกสบายปากกว่าการทาลิปเนื้อแมตต์ ไม่รู้สึกแห้งตึงเวลาสวมแมสก์

“ส่วนลิปทิ้นต์นั้นมีความเป็นน้ำแนบสนิทไปกับผิว ทำให้เมื่อแห้งแล้วเกาะติดสนิท ไม่มีการไหลลื่น จะให้ดูฉ่ำขึ้นก็ใช้กลอสใสแตะทับนิดๆ ลิปสองแบบนี้ ทำให้ฉันรอดเสมอเวลาถอดแมสก์ออกมาถ่ายรูปหรือให้สัมภาษณ์สื่อ เพราะยังเป๊ะเหมือนเดิม ไม่ต้องคอยกังวลถามเพื่อนว่าปากเลอะไหม”

ลิปติดแน่น 1

CHARLOTTE TILBURY GLOWGASM LIP BALM

น่ารักสุดๆ จนอยากอวดบนอินสตาแกรม Glittergasm ลิปบาล์มมีสีที่ Charlotte Tilbury ออกแบบหน้าตา สวยจนแทบไม่กล้าทา ด้วยแท่งใสๆ ส่องเห็นกลิตเตอร์วิบวับข้างใน มีมิติงดงามมองไม่เบื่อ แต่เห็นใสๆ แบบนี้ใช่ว่าจะไม่มีสี ความดีงามคือลิป Glittergasm จะมอบสีชมพูอ่อนระเรื่อตามอุณหภูมิของเรียวปาก ทำให้ได้สีเฉพาะบุคคลที่สวยไม่ซ้ำกัน ที่สำคัญยังช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้บนเรียวปากได้ยาวนาน พร้อมส่วนผสมจากวิตามินอีบำรุงริมฝีปากให้เรียบลื่น

ลิปติดแน่น 2

DIOR DIOR LIP GLOW

ลิปบาล์มมีสีรุ่นต้นตำรับด้วยฝีมือการออกแบบของ Peter Phillips ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และ ภาพลักษณ์ของดิออร์เมคอัพ ที่มาจากความต้องการสร้างสรรค์ลิปบาล์มที่มอบการบำรุงแบบจัดเต็ม และที่สำคัญต้องให้สีที่งดงามไม่ซ้ำใคร Dior Lip Glow โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Color Reviver Technology ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อระดับค่า pH และอุณหภูมิของริมฝีปาก ทำให้เรียวปากสีสดใสแบบธรรมชาติและเข้ากับโทนสีผิวเฉพาะบุคคลได้อย่างกลมกลืน มาพร้อมส่วนผสมเข้มข้นจากเนยสกัดจากมะม่วง (Mango Butter) ที่ช่วยให้ชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม อย่างต่อเนื่องยาวนานตลอดวัน

ลิปติดแน่น 3

NARS AFTER GLOW LIP BALM

ใครชอบเอฟเฟ็กต์แบบโปร่งแสงยังคงเห็นสีปากจริงส่องทะลุมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ต้องหลงรัก After Glow Lip Balm ที่มอบประกายให้เรียวปากดูอิ่มเอิบชุ่มฉ่ำได้ แม้จะเลอะแมสก์เล็กน้อยก็ดูไม่น่าเกลียด เนื่องจากความบางเบาของเท็กซ์เจอร์ที่ดูเป็นธรรมชาติทั้ง 6 สีที่มีให้เลือกนั้นสวยจนตัดใจยาก แต่สำหรับสาวก NARS ตัวจริง ชี้เป้าว่าเขามีสี Orgasm ชมพูพีช ประกายทองในตำนานด้วยนะ

ลิปติดแน่น 4

BENEFIT GOGO TINT CHEEK & LIP STAIN

สีแดงเชอร์รี่น้องใหม่ในตระกูลลิปทิ้นต์ของ BENEFIT ทิ้นต์ในตำนานที่ให้สีสดสวย เกลี่ยง่าย ติดทนไม่ไหลลื่น พร้อมมอบความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ปากแห้งตกร่อง ใช้ได้ทั้งกับเรียวปากและพวงแก้ม พร้อมมอบลุคผิวและเรียวปาก สวยระเรื่อสุขภาพดีได้อย่างแนบเนียนเป็นธรรมชาติ


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 971

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชอบทำสีต้องมีติดบ้าน! 5 ทรีทเมนต์บำรุงเส้นผม ฟื้นฟูผมเสียจากการทำสีแบบล้ำลึก

สายผิวแห้งถูกใจสิ่งนี้! 5 ไฮยาลูรอน ตัวดังปังสุดๆ อัดความชุ่มชื้นให้ผิวแบบจัดเต็ม

วิตามินซี ใช้ร่วมกับอะไรแล้วไม่เริ่ด? พร้อมคัด 5 ไอเท็ม อยากหน้าใสต้องใช้แล้วแหละ

 

 

12 ไอเดียทรงผม สำหรับไปร่วมงานวิวาห์ สวยเรียบง่ายไม่แย่งซีนเจ้าสาว

12 ไอเดียทรงผม สำหรับไปร่วมงานวิวาห์ สวยเรียบง่ายไม่แย่งซีนเจ้าสาว

Alternative Textaccount_circle
12 ไอเดียทรงผม สำหรับไปร่วมงานวิวาห์ สวยเรียบง่ายไม่แย่งซีนเจ้าสาว
12 ไอเดียทรงผม สำหรับไปร่วมงานวิวาห์ สวยเรียบง่ายไม่แย่งซีนเจ้าสาว

เซฟไว้ค่ะ 12 ไอเดียทรงผม ไปร่วมงานแต่ง สวยเรียบง่ายไม่แย่งซีนเจ้าสาว สำหรับผู้หญิงเราเวลาไปออกงาน ไม่ว่าจะงานแต่งหรือโอกาสสำคัญอะไรต่างๆ นอกจากการแต่งตัว และแต่งหน้าให้สวยเป๊ะแล้ว การทำผมก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรละเลย เพราะจะทำผมแค่ดรายตรงธรรมดามันก็จะดูง่ายไปหน่อย แต่ครั้นจะเสียเงินให้ซาลอนเนรมิตผมสวยบ่อยๆ กระเป๋าสตางค์แห้งได้

แพรวเวดดิ้งเลยขอนำไอเดียทำผมแบบเรียบง่ายสามารถทำเองได้ไม่ง้อช่างมาฝาก กับลุคสวยดูดีีแต่ไม่เด่นจนแย่งซีนเจ้าสาว ไม่ว่าจะเป็นลองเปียผมด้านข้างทบเข้าหากัน แล้วม้วนเก็บผมด้านข้างที่เหลือ มัดรวบเป็นช่อเดียว ผูกหางม้าแต่แอบซ่อนดีเทล ฯลฯ ลองดูตามแบบนี้ได้เลยค่ะ

12 ไอเดียทรงผม สำหรับไปร่วมงานวิวาห์ สวยเรียบง่ายไม่แย่งซีนเจ้าสาว

 ไอเดียทรงผม 2 ไอเดียทรงผม 3 ไอเดียทรงผม 4 ไอเดียทรงผม 8 ไอเดียทรงผม 7 ไอเดียทรงผม 6ไอเดียทรงผม 1

 


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ปังตั้งแต่ทางเข้า 12 ป้ายหน้างานแต่ง ที่จะตั้งโชว์ในวันสำคัญของคุณ

ตามกระแสเที่ยวทิพย์! เตรียมมโนแผน ฮันนีมูน ช่วงกักตัวกับทริปเดินทาง 4 สไตล์

งานแต่งธีมรัสติก ฉบับอินดอร์ ไม่ต้องจัดงานแต่งในสวน ก็สวยสไตล์รัสติกได้

 

So Not Worth It

เด็กไทยสุดปัง! มินนี่ แจ้งเกิดผลงานซีรีส์ So Not Worth It ส่งดังเปรี้ยง

account_circle
So Not Worth It
So Not Worth It

เด็กไทยสุดปัง! มินนี่ แจ้งเกิดผลงานซีรีส์ So Not Worth It ส่งดังเปรี้ยง แฟนๆชมฝีมือการแสดงเรื่องแรกไม่ธรรมดา

โด่งดังและมีชื่อเสียงจากการเป็นศิลปินเ กิร์ล​กรุ๊ป​ของเกาหลีวง(G)I-DLE แบบสุดๆแต่ว่างานด้านการแสดงของ”มินนี่ ณิชา ยนตร์รักษ์”สาวเสียงเอกลักษณ์ ตำแหน่ง main vocalของวงนั้นถือว่ายังใหม่มาก เมื่อได้รับโอกาสให้มาแสดงซิตคอมเกาหลีเรื่อง…วัยใสๆหัวใจสุดเปิ่น  ออกอากาศทาง Netflix “มินนี่”ก็ตอบรับแบบไม่ลังเล และหลังจากที่เหล่าเนเวอร์แลนด์(ชื่อเรียกแฟนคลับของวง) ได้ชมซีรี่ส์เรื่องนี้กันไปแล้วก็มีกระแสตอบรับถึงบทบาทการแสดงครั้งแรกดีมาก และ”มินนี่”ได้เล่าความรู้สึกถึงเรื่องนี้ว่า

เด็กไทยสุดปัง! มินนี่ แจ้งเกิดผลงานซีรีส์ So Not Worth It ส่งดังเปรี้ยง

มินนี่ ณิชา ยนตร์รักษ์ มินนี่ ณิชา

“ทีแรกก็ลังเลผสมกับตื่นเต้นค่ะว่าซีรี่ส์จะออกมาเป็นยังไง คนดูจะชอบไหม เพราะก่อนออนแอร์หนูได้ดูที่ตัดออกมาไม่กี่ตอนเท่านั้นก็บินกลับมาไทยค่ะ เท่ากับว่าวันที่ทุกคนได้ดู หนูก็ดูไปพร้อมกันจริงๆ วันนั้นดูอยู่ที่บ้านกับครอบครัวค่ะ ดูพร้อมกันหมดเลยลุ้นกันทั้งบ้าน เขินๆแต่สูแล้วทุกคนบอกสนุกค่ะ การแสดงครั้งแรกสำหรับหนู ก็ค่อนข้างยากในเรื่องมุมกล้องต่างๆการแอคติ้งที่ต้องเล่นเว่อร์ๆหน่อย เพราะเป็นซิตคอม แต่โชคดีที่ได้รับบทใกล้เคียงตัวเองที่ชอบอยู่กับเพื่อนๆ เวลาเพื่อนเดือดร้อนก็พร้อมปรึกษาช่วยเหลือ และในเรื่องก็ชื่อมินนี่อีกด้วย แต่ว่าตัวจริงหนูไม่ได้เป็นคนเพ้อหรือมโนเยอะแบบยัยมินนี่ในเรื่องนะคะ แต่พอเป็นการแสดง ยิ่งเป็นซิตคอมที่ต้องเล่นใหญ่เข้าไว้ก็เลยสนุกดี ได้เจอเพื่อนๆพี่ๆนักแสดงคนอื่นๆในวัยใกล้ๆกัน เวลาไปทำงานก็สนุกมากขึ้นอีกเวลาเข้าฉากจะเผลอแกล้งให้หัวเราะกันเองบ่อยๆด้วยค่ะ หลังจากซีรี่ส์ออนแอร์ก็ได้รับฟีดแบคกลับมาเยอะมากๆทั้งจากเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานด้วยและจากเนเวอร์แลนด์ ว่าดีมากชอบมาก บางคนก็บอกเกินคาดมากสำหรับเรื่องแรก คือหนูดีใจมากๆเลยที่รู้ว่าทุกคนชอบและรักมินนี่ในเรื่องนี้กันเยอะ รู้สึกโล่งใจเลยค่ะเพราะแอบลุ้นเหมือนกันว่าคนดูจะชอบการแสดงของหนูไหม พอตอบรับกันอย่างนี้ก็อยากขอบคุณทุกๆคนที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจ”มินนี่”มาตลอดนะคะ อยากให้ติดตามผลงานอีกเรื่อยๆ ตอนนี้หนูอยู่ที่ไทยก็จะมีโอกาสเจอพี่ๆสื่อมวลชนและมีงานที่ไทยด้วยขอฝากด้วยค่ะ”

So Not Worth It-2 So Not Worth It-1 So Not Worth It


 

พิมฐา เน็ตไอดอล

ทัวร์ลงเน็ตไอดอล #พิมฐา ติดโควิด จี้เปิดไทม์ไลน์ไม่ครบ

พิมฐา เน็ตไอดอล
พิมฐา เน็ตไอดอล

สถานการณ์การระบาดของโควิด -19 ในประเทศไทย ยังไม่มีทีท่าที่จะลดลง มีแต่เพิ่มยอดผู้ติดเชื้อมากขึ้นทุกวันๆ ซึ่งก็ระบาดไปทั่วทุกวงการ ล่าสุดเน็ตไอดอลชื่อดัง พิมฐา-ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล ถูกถล่มยับหลังโลกออนไลน์จับผิดการโพสต์แถลงในไอจีส่วนตัวเรื่องการเปิดเผยไทม์ไลน์ ที่ไม่เคลียร์

พิมฐา เน็ตไอดอล

พิมฐา เน็ตไอดอล

พิมฐา เน็ตไอดอล

ทั้งนี้ไทม์ไลน์ของเน็ตไอดอลสาวสวยยังถูกสังคมโดยเฉพาะในโลกออนไลน์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่มีความชัดเจน จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 และมีคนทวิตถึง 5 แสนกว่าครั้งแล้ว โดยงานนี้ หนุ่มแบงค์- ธิติ มหาโยธารักษ์ ก็ถูกวิจารณ์ด้วย เนื่องจากมีภาพของทั้งสองคนที่อยู่เชียงใหม่ ซึ่งหนุ่มแบงค์ก็ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วว่า

 

Vicco Salcedo สาวไร้แขนและขาซ้าย ร่วมชิงมง Miss Ecuador 2021

สวยและสู้! Vicco Salcedo สาวไร้แขนและขาซ้าย ร่วมชิงมง Miss Ecuador 2021

Alternative Textaccount_circle
Vicco Salcedo สาวไร้แขนและขาซ้าย ร่วมชิงมง Miss Ecuador 2021
Vicco Salcedo สาวไร้แขนและขาซ้าย ร่วมชิงมง Miss Ecuador 2021

เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานความงามและอื่นๆ ที่เปิดกว้างและถูกยอมรับในสังคมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เห็นได้ชัดเจนในปีนี้คือเรื่อง นางงาม ที่ในบางประเทศเปิดกว้างให้กลุ่มหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ สามารถเข้าร่วมประกวดนางงามเวทีที่ปกติมักจะเป็นผู้หญิงแท้เท่านั้น โดยล่าสุดที่ปรากฎ คือ Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมประกวด Miss USA 2021 และ Lehlogonolo Machaba สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมชิงมง Miss South Africa 2021

และนอกจากความหลากหลายทางเพศเริ่มถูกยอมรับมากขึ้นแล้ว ล่าสุดมี Vicco Salcedo สาวงามผู้มีร่างกายไม่ครบ 32 เธอไร้แขนทั้งสองข้างและขาข้างซ้าย ได้มีโอกาสเข้ารอบเพืื่อร่วมประกวดMiss Ecuador 2021 ซึ่งก็ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของเธอเลยทีเดียว

1 ชิงมง Miss Ecuador 2021

เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่จะขัดขวางให้ทำตามความฝันได้ถ้าใจเราสู้ Victoria Salcedo นางแบบสาวผู้โด่งดังบนอินสตาแกรมที่มียอดผู้ติดตามกว่าหนึ่งแสนคน เธอเป็นหญิงสาวผู้สูญเสียแขนทั้งสองข้างและขาซ้ายด้วยอุบัติเหตุในวัยเด็ก และเมื่อเติบโตขึ้นในวัย 25 ปี เธอก็ได้ทำตามความฝันของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง โดยได้รับโอกาสให้มีสิทธิ์เข้าร่วมประกวดนางงาม Miss Ecuador 2021

นอกจากนี้ เธอยังถือว่าเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลอีกคน ที่มีผู้คนให้ความสนใจและติดตามเธอมากมาย เพราะทุกไลฟ์สไตล์และอาชีพของเธอนั้นเต็มไปด้วยความหลากหลายและมีแต่เรื่องราวเชิงบวก เธอจึงถูกยกให้กลายเป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตและปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เหมือนกับที่เธอก็ต่อสู้มาตลอดชีวิตของเธอเช่นกัน

7 ชิงมง Miss Ecuador 2021

โดยอุบัติเหตุที่ทำให้ร่างกายของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไม่ครบ 32 ไปตลอดชีวิต เกิดขึ้นเมื่อปี 2001 ตอนนั้นเธอมีอายุประมาณ 5 ขวบ ในวันเกิดเหตุ เธอเผลอไปจับสายไฟแรงสูงเข้า ทำให้ร่างกายถูกไฟไหม้ระดับ 3 หลังจากที่เธอถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทีมแพทย์ได้พยายามรักษาชีวิตด้วยการตัดเพียงนิ้วเท้าของเธอก่อน แต่กลับไม่สามารถยับยั้งบาดแผลรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ สุดท้ายแพทย์ต้องตัดแขนทั้ง 2 ข้าง และขาซ้ายของเธอ เพราะถูกไฟไหม้เสียหายอย่างหนัก เพราะอาจนำไปสู่การติดเชื้อรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ และเธอต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง

เธอเล่าถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนั้นว่า มันเป็นเรื่องยากมากที่ต้องตื่นมาแล้วพบว่าเหลือขาขวาเพียงข้างเดียว ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเธอยังเป็นแค่เด็กก็ตาม แต่หลังจากนั้นเธอก็พยายามใช้ชีวิตให้ปกติที่สุด และต่อสู้จนผ่านพ้นความยากลำบากทั้งหมดมาแล้ว

นอกจากเป็นสาวงามใจสู้แล้ว เธอยังมีจิตใจที่ดี มักช่วยเหลืองานการกุศลต่างๆ ผ่านอาชีพนางแบบของเธอที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนในประเทศอย่างมากมาย นอกจากนั้นเธอยังเป็นนักพูดและนักเรียกร้องสิทธิที่สร้างแรงขับเคลื่อนในสังคมให้กับผู้พิการ

ปัจจุบันเธอจบการศึกษาจิตวิทยาครอบครัว ที่มหาวิทยาลัย Brigham Young ในสหรัฐอเมริกา และใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีอีกด้วย และล่าสุดเธอก็กลายเป็นผู้หญิงที่ผู้คนทั่วโลกอยากรู้จักขึ้นมาทันที เมื่อเธอคือผู้ที่ถูกประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการของกองประกวด Miss Ecuador ในรอบ 20 คนสุดท้าย ที่จะร่วมแข่งขันเพื่อชิงมงกุฎ MissEcuador 2021 และแน่นอนว่านี่จะกลายเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์สำหรับผู้เข้าร่วมการประกวดนางงามที่น่าจดจำมากที่สุดอีกด้วย

 

สวยและสู้! Vicco Salcedo สาวงามไร้แขนและขาซ้าย ร่วมชิงมง Miss Ecuador 2021

6 ชิงมง Miss Ecuador 2021 8 ชิงมง Miss Ecuador 2021 9 ชิงมง Miss Ecuador 2021 4 ชิงมง Miss Ecuador 2021 5 ชิงมง Miss Ecuador 2021 3 ชิงมง Miss Ecuador 2021 2 ชิงมง Miss Ecuador 2021 ชิงมง Miss Ecuador 2021


ข้อมูลและภาพ : organizacionmissecuador ,vicco_salcedo

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

 

Lehlogonolo Machaba สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมชิงมง Miss South Africa 2021

ปังไม่หยุด! Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมประกวด Miss USA 2021

หน้าเป๊ะหุ่นปั๊วะ! ส่องสไตล์ มิสยูนิเวิร์สสเปน 2018 สตรีข้ามเพศคนแรก

 

นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ

นพ.สันติ ไฉไลวณิชย์กุล ฟื้นจากคนอัมพาตมาเป็นหมอไคโรแพรคติกเบอร์ต้นของเมืองไทย

นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ
นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ

จากเด็กยากจนย่านคลองเตย  ที่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 10 ขวบ  ทั้งคนงานแบกปูน คนขับรถสองแถว ฯลฯ  แต่เพราะอยากเรียนหนังสือ  ทำให้เขา…  นพ.สันติ ไฉไลวณิชย์กุล  ดิ้นรนทุกหนทาง จนได้ไปเรียนหนังสือต่อที่อเมริกา  ที่นั่นเขาเริ่มต้นใหม่จากศูนย์  ต้องฝ่าฟันบททดสอบชีวิตขั้นทรหดถึงขั้นเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก

นี่คือบทคัดย่อเรื่องราวชีวิตของ นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล  แพทย์สาขาไคโรแพรคติกอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่พร้อมเล่าทุกประสบการณ์โลดโผนที่ผ่านมาให้แพรวฟังอย่างอารมณ์ดี  ราวกับชีวิตนี้ไม่เคยผ่านเรื่องเศร้า  หรือไม่เคยลำบากมาก่อน

“ชีวิตลำบากครับ”  คุณหมอสันติพูดประโยคแรกพร้อมรอยยิ้ม  ก่อนเล่าต่อว่า  “ผมมีพี่น้อง 5 คน  พ่อเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ  ใกล้กับที่เช่ารถสามล้อของปู่  พอว่างก็ไปช่วยปู่ซ่อมรถ  แต่ปู่คุมเงินทั้งหมด  พ่อจึงมีเงินติดตัวไม่มาก  ไม่พอเลี้ยงทั้งครอบครัว  แต่แม่อยากให้ผมเรียนหนังสือ  จึงเอาเข็มขัดนากซึ่งมีอยู่เส้นเดียวไปจำนำเพื่อส่งผมเข้าเรียน ป.1  พอเรียนจนถึง ป.7  ก็ต้องออกมาทำงาน

เด็กประถมจะทำงานอะไรได้หรือคะ

แบกปูนซีเมนต์ให้ร้านขายเครื่องสุขภัณฑ์  โอ้ย… เกือบตาย  ปูนถุงหนึ่งหนัก 50 กิโลกรัม  ไปวันแรกโดนแกล้งโยนถุงปูนลงบ่า  ผมถึงกับหัวทิ่ม  แต่พวกที่แกล้งหัวเราะชอบใจ

ทำงานสักพักอยากเรียนหนังสือต่อ  จึงขอเถ้าแก่เลิกงานเร็วขึ้นครึ่งชั่วโมงเพื่อไปเรียนภาคค่ำที่วัดแถวนั้น  เรียนได้ 3 ปีก็จบมัธยม จึงไปช่วยพ่อขับรถสองแถวรับส่งผู้โดยสารแถวถนนเชื้อเพลิงอยู่ 1 เดือน  แต่เบื่อมาก  ไม่ชอบ  จึงเปลี่ยนมาขับรถส่งของ  ก็ไม่ไหวอีก  พอดีเพื่อนชวนไปหุ้นทำกิจการซื้อ – ขายของเก่า  แต่ทำได้ปีเดียว  บอกตัวเองว่าไม่ใช่ทาง

พอดีตอนนั้นพี่ชายคนโตไปอยู่อเมริกาได้ 3 ปีแล้ว  ต้องเล่าย้อนกลับไปว่าพี่ชายต่างจากผม  เขาไม่ชอบให้ที่บ้านบังคับ  จึงหนีไปหางานทำและใช้ชีวิตเอง  กระทั่งดิ้นรนไปอเมริกาได้  ผมจึงเขียนจดหมายหาพี่ว่าอยากไปเรียนหนังสือ  ช่วยหาโรงเรียนกับที่อยู่ให้หน่อย  พี่ถามกลับมาว่าชีวิตที่โน่นลำบากมาก  จะไหวหรือ  แต่ผมยืนยัน  พี่จึงวิ่งหาโรงเรียน  ที่พัก  แถมหางานให้ด้วย

โชคดีว่าตอนนั้นการไปเรียนอเมริกายังไม่มีการตรวจสอบอะไรมาก  กฎมีแค่ว่าต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวอเมริกันเท่านั้น  ซึ่งพี่ชายจัดแจงให้แล้ว  ส่วนที่บ้านไม่ว่าอะไร  เพราะช่วงนั้นมีสงครามเวียดนาม  เขากลัวผมถูกจับไปเกณฑ์ทหาร  ผมจึงตีตั๋วเครื่องบินไปขาเดียว… ไม่มีกลับ

นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ

ไปถึงอเมริกาวันแรกเป็นอย่างไรคะ

ตื่นเต้นมาก  จำได้ถึงขนาดว่าเป็นวันพฤหัสบดี  พี่ชายมารับที่สนามบิน  แล้วพาผมไปส่งที่บ้านพักในเมืองรัทเธอร์ฟอร์ด (Rutherford)  รัฐนิวเจอร์ซีย์  ส่วนพี่ชายกลับไปอยู่อีกเมือง  ที่ต้องแยกกันอยู่เพราะเขาหาโรงเรียนได้แถวนั้น  ดีว่าเขาฝากเพื่อนฝรั่งในเมืองให้คอยพาผมไปโรงเรียน และไปทำงานร้านอาหารที่สมัครไว้ให้ ซึ่งวันรุ่งขึ้นผมก็ต้องทำงานเลย  เป็นร้านอาหารอิตาลีระดับ 4 ดาว

เริ่มงานวันแรก เจ้าของร้านพูดสอนงานรัวเป็นชุด  ผมฟังไม่รู้เรื่อง  แต่อาศัยสังเกตเอา  เช่น  ถ้าเขาสอนจัดโต๊ะ  เราก็ดูโต๊ะข้างๆ ว่า  อ้อ…วางจานแบบนี้นะ  ส้อม 2 คัน  มีด 2 เล่ม  ช้อน 1 คัน  จึงรอดมาได้  ตอนนั้นผมทำงานทุกวัน ศุกร์-อาทิตย์  ได้ค่าจ้างอาทิตย์ละ 50 เหรียญ  ซึ่งถือว่ามาก  แต่ยังไม่พอใช้

แล้วได้เรียนหนังสือสมใจไหมคะ
(พยักหน้า)  ต้องบอกว่าผมได้อาจารย์ที่ปรึกษาดี  เขาเคยมาเที่ยวเมืองไทยและชอบบ้านเรามาก  จึงวิ่งเต้นให้โรงเรียนเซ็นเอกสารรับรองว่าผมมาเรียนหนังสือและมีที่อยู่ในเมืองนี้  ทำให้ผมได้เรียนโรงเรียนรัฐ  ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก  แต่ช่วงแรกผมยังสื่อสารกับใครไม่รู้เรื่อง  ครูจึงส่งผมเข้าไปนั่งดูวิดีโอการ์ตูนในห้องสมุดเพื่อฝึกการฟังสำเนียงให้เข้าหูก่อน  ที่เหลือค่อยๆ เรียนคำศัพท์จากชีวิตประจำวัน  เช่น  เจอเหตุการณ์รถชนมาแล้วเล่าให้เพื่อนฟังว่า One car go.  One car come. Two car  โครม!  เพื่อนก็  “Oh…accident”  เราก็จำไว้ว่า accident แปลว่า  อุบัติเหตุ

ผมใช้เวลาปรับตัวอยู่ 3 ปี  ภาษาจึงคล่องขึ้น  ตอนนั้นจบไฮสกูลพอดี  แต่ยังไม่ค่อยมีเงิน  แม้จะทำงานไปด้วยตลอดก็ตาม  ผมจึงเลือกเรียนต่อเป็นจูเนียร์คอลเลจ  เพราะค่าเล่าเรียนถูกหน่อย

ความตั้งใจจะเรียนหมอเกิดขึ้นตอนไหนคะ

เรื่องอยากเป็นหมอนั้นมีสัญญาณบอกตั้งแต่เด็ก  มาจากแม่ผมมีความรู้ค่อนข้างมาก  โดยเฉพาะเรื่องยาสมุนไพรจีน  แล้วละแวกบ้านผมมีแต่คนจน  พอใครเจ็บป่วยก็เดินมาหาแม่ที่บ้านเรียก “อาซิ่มๆ  ผมเป็นแบบนั้นแบบนี้”  แม่ก็ซักถามอาการแล้วเปิดตำราเพื่อจดชื่อสมุนไพรต่างๆ ให้เขาไปหาซื้อเอง  เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่จำความได้  ทำให้คิดว่าเป็นหมอก็ไม่เลวแฮะ  ได้ช่วยเหลือคน  ทำให้เขาหายเจ็บป่วย

แต่ระบบการเรียนหมอที่อเมริกา  ต้องเรียนเตรียมแพทย์ 4 ปี  จากนั้นจึงเรียนแพทย์อีก 4 ปี  และฝึกงาน 2 ปี  รวมทั้งหมด 10 ปี  ผมจึงแพลนว่าจะเรียนจูเนียร์คอลเลจ 2 ปี  พอเก็บเงินได้ค่อยทำเรื่องย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัย  ผมทำงานส่งอาหารแช่แข็งให้ภัตตาคารญี่ปุ่นพักหนึ่งก็เลิกเพราะเงินน้อย  พอดีบริษัทของวอลล์สตรีทจากนิวยอร์กต้องการคนตรวจพวกของเก่า  จำพวกเพชร  ทอง  และเงิน  คือพวกตลาดหุ้นเป็นแบบนี้  สมมุติวันนี้มีการซื้อทองราคานี้  เขาต้องรีบส่งทองไปหลอมวันนั้น  แล้วส่งไปยังปลายทางทันที

ผมลองไปสมัครดู  ตอนแรกได้ทำงานในแผนกแพ็คของและส่งของ  จากนั้นได้เลื่อนตำแหน่งไปทำหน้าที่ตรวจเศษเพชรที่เขาซื้อเข้ามา  หากเจอเพชรน้ำหนักมากกว่า 25 สตางค์  ต้องแงะออกมาส่งให้เจ้านาย  แต่ถ้าน้ำหนักน้อยกว่า 25 สตางค์ก็ทุบทิ้ง

บอกให้ตาโตเล่น  ห้องใต้ดินที่ผมทำงานอยู่ตอนนั้นเป็นห้องเก็บเพชรกับทองมูลค่ามหาศาล  เชื่อไหมผมนั่งอยู่ท่ามกลางทองคำแท่งที่กองกันอยู่เป็นตั้งๆ ท่วมตัว  ยุคที่ราคาทองขึ้นสูง  ทองทั้งห้องน่าจะมีมูลค่าราว 400 – 500 ล้านเหรียญ

ตามิพร่าไปเลยหรือคะ

ก็มีบ้าง (หัวเราะ) ผมทำงานที่นั่นอยู่ 3 ปี  ก็เก็บเงินเรียนต่อได้  ช่วงแรกสับสนอยากเรียนศัลยกรรมหัวใจ  แต่ติดขัดหลายเรื่อง  เลยคิดจะเบนไปทางทันตกรรม  แต่มีคนแนะนำให้ลองไปคุยกับหมอกายภาพ  ซึ่งเขาแนะนำให้เรียนจบเป็นหมอ  เพราะถ้าเป็นนักกายภาพอย่างเดียวมีความรู้ไม่พอ  แล้วยังต้องคอยรับคำสั่งจากแพทย์อีกทีหนึ่ง  จะไม่มีอิสระ

ผมคิดดูแล้วน่าสนใจ  จึงลองไปสอบที่ Northwestern Chiropractic College (NWCC)  ที่มินนิโซตา  ซึ่งเชี่ยวชาญด้านไคโรแพรคติก  ปัจจุบันขยายเป็นศูนย์วิจัยทางการแพทย์ที่ทางรัฐบาลอเมริกาให้การสนับสนุน  และเปลี่ยนชื่อเป็น Northwestern Health Sciences University (NWHSU)

นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ

การเป็นแพทย์ไคโรแพรคติกต้องเรียนอะไรบ้างคะ

เรียนทุกอย่างเหมือนแพทย์ทั่วไป  แต่ไคโรแพรคติกเน้นความสัมพันธ์ระหว่างโรคต่าง ๆ กับกระดูกสันหลังและระบบประสาท  เปรียบเทียบว่าเส้นประสาทเป็นสายไฟ  อวัยวะคืออุปกรณ์ไฟฟ้าดีๆ นี่เอง  เมื่ออุปกรณ์มีปัญหา  เราต้องดูว่าเกิดจากสวิตช์ไหน  สายไฟเส้นไหน  แล้วเส้นนี้วิ่งไปเชื่อมกับตรงไหน

สมมุติคนไข้บอกว่า  ตามีปัญหาอย่างนี้  แต่ตรวจตาแล้วปกติ  อาจมีปัญหามาจากระบบประสาท  ดังนั้นผมจึงต้องเรียนทุกเรื่องเพราะเชื่อมโยงถึงกันหมด  ตั้งแต่เรื่องเภสัชกรรม  กายภาพ  ตรวจวินิจฉัยโรค  รังสี ถ่ายเอกซเรย์  เคมี  วิตามิน  การทำคลอด  ฯลฯ  เรียกว่ารู้ครอบจักรวาล  อีกอย่างกฎหมายที่นั่นบังคับว่า  ถ้าเรียนแพทย์ต้องทำเป็นทุกอย่าง

โอ้โห… ฟังดูยากจังค่ะ

ทุกอย่างยาก  ไม่มีอะไรง่ายเลยชีวิตนี้(หัวเราะ)  แต่ถ้าตั้งใจก็ทำได้หมดนะ

สำหรับผมเรื่องยากคือ  ภาษาทางการแพทย์ซึ่งเป็นภาษาละตินหรือกรีก  ถือว่ายากมาก  อีกอย่างคือมหาวิทยาลัยนี้มาตรฐานสูงกว่าปกติ  อย่างที่อื่น 1 เทอมมี 16 หน่วยกิต  แต่ที่นี่เรียนเทอมละ 34 – 35 หน่วยกิต  จึงเรียนหนักเป็นสองเท่า  ซ้ำร้ายมีครูที่ปรึกษาคนหนึ่งไม่ชอบคนต่างชาติ  จึงพยายามหาเรื่องแกล้งกดดันให้ท้อถอย

เรียนแพทย์ได้ 2 ปี  เงินหมดอีกรอบ  แต่หนนี้โชคดีมีพ่อแม่บุญธรรมช่วย  ความจริงผมรู้จักครอบครัวนี้นานแล้ว  ตั้งแต่สมัยอยู่ไฮสกูล  เพราะพี่ชายเคยไปเช่าห้องในบ้านของเขาอยู่ตอนมาอเมริกาใหม่ๆ  พอผมปิดเทอม  พี่พาผมไปเที่ยวบ้านเขา  เป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุกว่า 300 ปี  สวยมาก  ตั้งอยู่ริมทะเลที่คอนเนตทิคัต  มีทั้งหมด 16 ห้อง  แต่อยู่กันแค่สองคนสามีภรรยา  ไม่มีลูก  จึงสนิทกับพี่ชายผมดี  ภรรยาชื่อ Vivian Knapp  เป็นอดีตดาราบรอดเวย์ที่สวยมาก  ส่วนสามีชื่อ Lewis George Knapp  เป็นนักออกแบบเฮลิคอปเตอร์

วันหนึ่งวิเวียนจะให้ยาสุนัขที่บ้าน  แต่ให้ไม่เป็น  ผมจึงช่วย  พอสุนัขกลืนยาปุ๊บ  เขาบอกเลยว่า You can call me mom. (หัวเราะ)  แล้วผมเป็นคนไม่ค่อยอยู่เฉย  ช่วงหน้าร้อนเวลาเขาไปเที่ยวพักผ่อนต่างเมือง  ผมก็อาสาไปดูแลบ้าน  ทาสีให้ใหม่  ตากแดดจนตัวดำ  พอเขากลับมาจึงประทับใจมาก  ขอให้ผมแวะไปหาทุกปี  เพราะฉะนั้นพอทราบว่าผมไม่มีเงินเรียนหนังสือ  จึงให้ยืมมาหลายล้านบาท  บอกว่าไว้มีเงินค่อยนำไปคืน  ไม่ซีเรียส

มีเงินเรียนแล้ว ชีวิตคงดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ

ตรงกันข้าม  เรียกว่าลำบากที่สุดเลยก็ว่าได้  ตอนนั้นผมอยู่ปี 3 วันนั้นเป็นศุกร์ 13 กุมภาพันธ์ 1996  ที่มินนิโซตามีพายุหิมะเป็นครั้งแรก  รถติดยาวไป 20 ไมล์  รถผมติดอยู่ท้ายแถว  จู่ๆ มีรถ 24 ล้อวิ่งมาแล้วเสยเข้าท้ายรถผมจัง ๆ  รถคันนั้นหนักกว่า 3 หมื่นปอนด์  แรงกระแทกขนาดว่าเข็มขัดนิรภัยล็อกไม่อยู่  ผมจึงถูกอัดเข้ากับพวงมาลัย  แล้วกระดอนกลับมากระแทกพนักที่นั่งจนหักไปครึ่งหนึ่ง  ส่งผลให้สะโพกข้างซ้ายเลื่อน  เสื้อกันหนาวผมถูกแรงอัดจนฉีกออกเป็นชิ้นๆ

ผมนอนจุกครึ่งๆ กลางๆ อยู่ที่พื้นรถ  ได้ยินเสียงเบรกดังลั่นจึงพยุงตัวขึ้นมาดู  เห็นรถอีกคันพุ่งมาชนด้านข้าง  คราวนี้กระจกรถผมแตกละเอียดกระเด็นเข้ามาเต็มปาก  เท่านั้นไม่พอ… รถ 24 ล้อคันเดิมยังไถลกลับมาเสยรถผมต่อ  เนื่องจากรถมีน้ำหนักมากแม้จะเบรกแล้ว  แต่ท้ายรถยาวๆ นั้นยังไม่หยุด  ปัดขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาขี่อยู่บนรถผม

ลุ้นวินาทีระทึกของคุณหมอ กดเลข 2

The Weekend โจลี

คู่นี้ยังไง! แองเจลิน่า โจลี ออกเดทสุดโรแมนติกกับ The Weekend ใน LA

account_circle
The Weekend โจลี
The Weekend โจลี

สื่อต่างประเทศโดย The Sun ได้เผยภาพสุดเอ็กซครูซีฟ พร้อมกับรายงานว่า แองเจลิน่า โจลี กำลังออกเดทในค่ำคืนแสนโรแมนติกกับ The Weekend นักร้อง และนักแต่งเพลงชื่อดัง

คู่นี้ยังไง! แองเจลิน่า โจลี ออกเดทสุดโรแมนติกกับ The Weekend ใน LA

เครดิต: BackGrid

นักแสดงสาวฮอลลีวู้ดชื่อดัง แองเจลิน่า โจลี วัย 46 ปี ถูกพบขณะกำลังออกเดทกับ “อาเบล เทสฟาเย” วัย 31 หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Weeknd  ที่ Giorgio Baldi ร้านอาหารยอดนิยมในหมู่คนดังในลอสแองเจลิส ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่าทั้งคู่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในร้านอาหารก่อนจะแยกจากกันเพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย

เครดิต: BackGrid

แองเจลิน่า โจลี ปรากฏตัวในชุดเรียบง่าย เธอสวมชุดเดรสสีดำ เทรนช์โค้ตสีน้ำตาลเข้ม รองเท้าปิดส้นสีนู้ด ขณะที่ The Weekend ก็ใส่ชุดลำลองแบบสบายๆ

การปรากฏตัวของทั้งคู่เรียกได้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก แองเจลิน่า โจลีที่เพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบ 46 ปี กับลูกๆ อีกทั้งยังมีข่าวว่าเธอกำลังเผชิญกับความตึงเครียดกับการฟ้องร้องเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 6 คนกับอดีตสามี แบรด์ พิตต์ ถึงอย่างนั้นก็ตามเธอมีดูผ่อนคลายขึ้นมาก หลังจากที่กลัดกลุ้มกับผลการตัดสิทธิ์ของศาลที่ให้แบรดร่วมเลี้ยงดูลูกๆ ด้วย

The Weekend เบลล่า

The Weekend เซเลน่า

สำหรับ The Weekend หรือ “อาเบล เทสฟาเย” เรียกได้ว่าเป็นชายเจ้าเสน่ห์ เขาเคยคบหาดูใจกับ นางแบบระดับโลก เบลล่า ฮาดิด ซึ่งคู่นี้เขารักๆ เลิกๆ กันมาหลายรอบ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด สุดท้ายทั้งคู่จึงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ นอกจากเบลล่า ฮาดิด อีกหนึ่งสาวสวยคนดังที่เคยคบกับนักร้องหนุ่มคือ เซเลน่า โกเมซ และนักร้องสาว Rosalía


สมาชิกโจลี-พิตต์ พร้อมหน้า แองเจลิน่า โจลี ฉลองวันเกิดลูกๆ ทั้ง 6 คน

สื่อ ตปท. เผย พบ โจลี เดินออกจาก อพาร์ทเม้นท์อดีตสามี จอห์นนี ลี มิลเลอร์

ปกเจ้าหญิงไดอานา

เปิดบันทึกPrincess Diana ครั้งแรก ทรงเปี่ยมด้วยเมตตาแม้ในวันที่โดดเดี่ยว

ปกเจ้าหญิงไดอานา
ปกเจ้าหญิงไดอานา

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของPrincess Diana เจ้าหญิงไดอาน่า แต่ชาวอังกฤษและทั่วโลกต่างก็ยังคงระลึกถึงเจ้าหญิงผู้ทรงเสน่ห์พระองค์นี้อยู่เสมอ ล่าสุดซึ่งเป็นวันครบรอบ 60 ปี นอกจากจะมีการเปิดตัวประติมากรรมรูปปั้นของพระองค์แล้ว ยังได้มีการเผยบันทึกส่วนตัวของพระองค์ ซึ่งบันทึกฉบับนี้ยังไม่เคยถูกเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

พระโอรสของเจ้าหญิงไดอานา

ความยากลำบากในการรับมือกับเรื่องราวที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ โดยเฉพาะชีวิตหลังการเข้าพิธีเสกสมรสของพระองค์นั้นอาจไม่ได้สวยหรูโรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนในนิยาย แต่ในความโดดเดี่ยวที่พระองค์ต้องพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น กลับไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่พระมารดาที่ดูแลพระโอรสทั้งสองได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังทรงมีพระเมตตาเผื่อแผ่ไปถึงเด็กๆ ที่พระองค์ได้พบเจอตามที่ต่างๆ

อาลัยเจ้าหญิงไดอานา

ล่าสุดในวันครบรอบ 60 ปี ของPrincess Diana เจ้าหญิงไดอาน่า ยังได้มีการเปิดเผยข้อมูลจากบันทึกที่พระองค์ทรงเคยเขียนไว้ในปี 1993 ให้กับหน่วยงานของสภากาชาดอังกฤษโดยมีใจความว่า

ไดอารี่เจ้าหญิงไดอานา

ในฐานะผู้อุปถัมภ์เยาวชนกาชาด ข้าพเจ้ามีโอกาสมากมายที่จะได้เห็นงานของสภากาชาดอังกฤษในประเทศนี้และในต่างประเทศด้วยตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าได้รับกำลังใจอย่างมากจากความพยายามอันยอดเยี่ยมของอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด งานของสภากาชาดอังกฤษมีความสำคัญในปัจจุบันเช่นเดียวกับที่เคยเป็นมา ความต้องการทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งในประเทศและต่างประเทศ หมายความว่าสภากาชาดต้องทำงานเพื่อเพิ่มระดับรายได้โดยสมัครใจ นั่นคือเหตุผลที่การสนับสนุนของคุณในวันนี้มีความสำคัญมาก ขอให้ทุกท่านมีความสุขในค่ำคืนที่สนุกสนานที่สุด

ความช่วยเหลือที่เอื้อเฟื้อของท่านจะช่วยให้สาขา Greater Manchester สามารถให้ความช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือได้มากขึ้น

                                                                                                                                         ด้วยความขอบคุณเป็นอย่างสูง ไดอานา, ตุลาคม 1993

 

 

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่นี่

เหตุผลสุดอบอุ่น ทำไมเจ้าหญิงไดอาน่าไม่ทรงสวมพระมาลาเมื่อต้องเจอเด็กๆ

สไตล์ชุด รูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า แสดงถึงความเมตตาและวาระสุดท้ายของชีวิต

พี่น้องสมานฉันท์ รอยยิ้มอันงดงามเพื่อพระมารดา ในวันเปิดรูปปั้น เจ้าหญิงไดอานา

Praew Sound Hub : รู้หรือไม่ รองเท้า Christian Louboutin เกิดจากชีวิตรักแสนเศร้าของ เจ้าหญิงไดอาน่า

ชุดรูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า

สไตล์ชุด รูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า แสดงถึง ‘ความเมตตา’ และวาระสุดท้ายของชีวิต

ชุดรูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า
ชุดรูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า

สไตล์ของชุดที่เลือกสำหรับ รูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า สามารถบ่งบอกอะไรบ้าง รวมถึงความหมายที่ผู้ออกแบบรูปปั้นต้องการจะสื่อ ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าแม้เวลาจะเดินไปข้างหน้า แต่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับก็ไม่เคยถูกลืม และยังทรงเป็นที่รักเสมอ

เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์และเจ้าชายแฮร์รี่ ดยุกแห่งซัสเซกส์ เสด็จฯ เปิดพระอนุสาวรีย์ของพระมารดาผู้ล่วงลับ ที่ Sunken Garden ในพระราชวังเคนซิงตัน ซึ่งในวันที่ 1 กรกฎาคมยังเป็นวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 60 ปีของ ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลล์อีกด้วย

รูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า-3

รูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า-2

เจ้าหญิงไดอาน่าถือเป็นไอคอนสไตล์สำหรับหลายๆ คนและยังคงสร้างแรงบันดาลใจในการเลือกแฟชั่นของผู้คนในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สไตล์ของพระองค์เปลี่ยนไปและพัฒนาขึ้นในช่วงชีวิตของพระองค์ หลังจากเข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แล้ว เจ้าหญิงไดอาน่ามักจะสวมเสื้อเบลาส์ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยม

หลังจากการหย่าร้างของพระองค์ ได้พัฒนาทางเลือกแฟชั่นที่เป็นตัวเองมากขึ้น เพื่อสะท้อนถึงความเป็นอิสระใหม่ของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหญิงไดอาน่าทรงมีส่วนร่วมกับโครงการการกุศลเป็นอย่างมาก ลุคใหม่ของพระองค์จึงดูสบายๆ มากขึ้น และทรงเลือกใส่ชุดเดรสทรง Low Cut อยู่หลายครั้ง

รูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า-4

สไตล์ชุด รูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า แสดงถึง ‘ความเมตตา’ และวาระสุดท้ายของชีวิต

ต้องบอกว่ารูปปั้นของเจ้าหญิงไดอาน่า เหมือนถอดแบบสไตล์ของพระองค์ออกมาจริงๆ เพื่อแสดงถึงช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของพระองค์ ซึ่งรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่ออกแบบโดย Ian Rank-Broadley เราจะเห็นเจ้าหญิงไดอาน่าในชุดกระโปรงยาวที่มีแขนยาวและเข็มขัด

ซึ่งพระราชวังเคนซิงตันแถลงอย่างเป็นทางการว่า “รูปปั้นและสไตล์การแต่งกายบอกเล่าช่วงสุดท้ายในชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่า เนื่องจากพระองค์ทรงได้รับความเชื่อมั่นในบทบาทของทูตด้านมนุษยธรรม ผลงานรูปปั้นชิ้นนี้มีเป้าหมายที่จะถ่ายทอดอุปนิสัยและความเมตตากรุณาของพระองค์ รวมทั้งสะท้อนถึงความอบอุ่น ความสง่างาม และพลังของเจ้าหญิงไดอาน่า”

รูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า

ชุดรูปปั้นเจ้าหญิงไดอาน่า-1

นักออกแบบ Rank-Broadley เลือกใช้สิ่งที่คลาสสิกสำหรับรูปปั้น และในช่วงปีสุดท้ายของเจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าหญิงทรงเคยสวมชุดลำลองแบบสมาร์ท รูปปั้นต้องการแสดงถึงสไตล์ของพระองค์ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เดรสทรงดินสอ คอเปิด เอวสูง พร้อมเข็มขัดที่มีหัวเข็มขัดขนาดใหญ่นี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับสไตล์เจ้าหญิงไดอาน่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต


ภาพและที่มา : www.express.co.uk

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ใครแต่งตัวเด็กแบบนั้น! ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ ร่วมเชียร์บอลยูโร ทำแฟนๆ ไม่พอใจ

พี่น้องสมานฉันท์ รอยยิ้มอันงดงามเพื่อพระมารดา ในวันเปิดรูปปั้น เจ้าหญิงไดอานา

เหมือนถอดแบบมา! 10 แฟชั่น เมแกน แต่งตัวคล้ายกับ เจ้าหญิงไดอาน่า

 

โฟร์ซีซั่นส์

การกลับมาอีกครั้งของซันเดย์บรันซ์กองทัพอาหารทะเล ที่ห้องอาหารข้าว บาย โฟร์ซีซั่นส์

โฟร์ซีซั่นส์
โฟร์ซีซั่นส์

การกลับมาอีกครั้งของซันเดย์บรันซ์กองทัพอาหารทะเล ที่ห้องอาหารข้าว บาย โฟร์ซีซั่นส์

ซันเดย์บรันช์ที่คนเชียงใหม่โปรดปรานกลับมาอีกครั้ง พร้อมมอบช่วงเวลาแห่งความเพลิดเพลินให้กับคุณและคนที่คุณรักในบรรยากาศสบายๆ ยามบ่ายวันอาทิตย์

ห้องอาหารข้าว นอกจากจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งห้องอาหารแนะนำในมิชลินไกด์ ประจำปี 2021 แล้ว ยังเป็นดั่งจุดนัดพบในวันอาทิตย์ของผู้ที่ชื่นชอบซันเดย์บรันช์อีกด้วย โดยมีจุดเด่นคือการนำกองทัพอาหารทะเลสดใหม่หลากหลายชนิดมาให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง “เราคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพเยี่ยมและอาหารทะเลเกรดพรีเมี่ยมเพื่อให้แขกของเราได้อิ่มอร่อย” กล่าวโดยคุณยัง ราห์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม

โฟร์ซีซั่นส์

​โฟร์ซีซั่นส์บรันช์ของฉัน #MyFSBrunch

อิ่มเอมไปกับหลากหลายเมนูซีฟู้ดและรสชาติความสดใหม่ส่งตรงจากท้องทะเลอันประกอบด้วย หอยนางรม ล็อบสเตอร์  หอยทากทะเล หอยแมลงภู่ กุ้ง ปูม้า และสาหร่ายวากาเมะเป็นต้น “ทีมพ่อครัวที่เชี่ยวชาญของเราพร้อมโชว์ฝีมือปิ้งย่างอาหารทะเลจานโปรดของคุณที่โซนบาร์บีคิว แขกทุกท่านสามารถเลือกรับปลาแซลมอน ปลากะพงขาว ปลาแมคเคอเรล หรือกุ้งย่างบาร์บีคิว” กล่าวโดยเชฟเลียม นีลอน หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ผู้อยู่เบื้องหลังประสบการณ์สุดพิเศษที่ซันเดย์บรันช์ของโฟร์ซีซั่นส์ นอกจากเมนูอาหารทะเลที่มีให้เลือกมากมายแล้ว เชฟเลียมยังนำเอาเมนูอาหารจานโปรดของเขาจากห้องอาหารนอร์ท บาย โฟร์ซีซั่นส์ มาเสิร์ฟที่ซันเดย์บรันช์ให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย อาทิเช่น สเต็กเนื้อแกะ แฮงเกอร์สเต็ก ไก่บาร์บีคิว และหมูสามชั้นกรุบกรอบซึ่งเป็นที่โปรดปรานของใครหลายๆ คน

โฟร์ซีซั่นส์

รสชาติของวัตถุดิบท้องถิ่น

ทุกๆ จานถูกจัดวางและเสิร์ฟให้กับแขกแต่ละท่านด้วยความใส่ใจ โดยแต่ละเมนูนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากความหลงใหลในรสชาติอาหารทะเลของเชฟเลียม “มันคือความชื่นชอบและความหลงใหลที่ถูกถ่ายทอดออกมาในเมนูเหล่านี้ ซึ่งรับรองว่าเมนูอาหารทะเลปิ้งย่างบนเตาถ่านและเนื้อย่างบาร์บีคิวนั้นคือเมนูไฮไลท์ของมื้อนี้แน่นอน” ทีมพ่อครัวของเรายังเฟ้นหาวัตถุดิบในท้องถิ่นและผลผลิตตามฤดูกาลเพื่อนำมาเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของซันเดย์บรันช์ ซึ่งเปิดโอกาสให้แขกทุกท่านสามารถประยุกต์สร้างสรรค์เบเกิลแซนวิชในแบบฉบับของตนเองได้อีกด้วย

โฟร์ซีซั่นส์

สำหรับสาวกขนมหวาน

นอกจากเมนูอาหารปิ้งย่างแล้ว ยังมีเมนูเรียกน้ำย่อยมากมายไม่ว่าจะเป็นซีฟู้ดออนไอซ์หรือเมนูจากโซนกระทะร้อนและอาหารจานหลักอีกหลากหลายเมนู ที่พร้อมยั่วน้ำลายในยามบ่ายของคุณ  แต่ซันเดย์บรันช์มื้อนี้จะสมบูรณ์ไปไม่ได้หากไม่คุณไม่ได้ลิ้มลองขนมหวานเลิศรสที่สร้างสรรค์โดย เชฟญาณิศา เวียงนนท์ หัวหน้าครัวขนมอบและขนมหวานประจำรีสอร์ทของเรา “ไม่ว่าจะเป็นแพนเค้กนุ่มๆ เสิร์ฟพร้อมวิปครีมที่สุดแสนละมุนและสตรอว์เบอร์รี ครัวซองต์วาฟเฟิลช็อกโกแลตหนึ่งเมนูยอดฮิตจาก “Chiang Mai Whiskers” ไปจนถึงซูเฟล่ชีสเค้ก แอปเปิ้ลทาร์ตตาแต็ง และอื่นๆ อีกมากมาย คลอเคล้าไปกับเสียงเพลงในบรรยากาศสบายๆ พร้อมจิบเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ และนี่ก็คือวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สมบูรณ์แบบ” เชฟญานิศา ยิ้ม

ซีฟู้ดซันเดย์บรันช์

 

เปิดให้บริการทุกวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 15.00 น. ที่ห้องอาหารข้าว บายโฟร์ซีซั่นส์

ราคา 2,299++ บาทต่อท่านพร้อมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์แบบไม่จำกัด

และราคา 3,099++ บาทต่อท่านพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบไม่จำกัด

รับส่วนลดครึ่งราคาสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี

พิเศษส่วนลด 20% สำหรับสมาชิก Gourmet Club

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ 053-298-181 หรือ อีเมล [email protected]

หรือสำรองที่นั่งผ่าน โฟร์ซีซั่นส์แอปพลิเคชัน หรือ Open Table.

 

 

รู้จัก “เป๊ก-เศรณี ชาญวีรกูล” ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน อนุทิน ชาญวีรกูล

Alternative Textaccount_circle

“เป๊ก- เศรณี ชาญวีรกูล” เซเลบริตี้คนดังทายาทของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและ เห็นแบบนี้ขอบอกเลยว่าทั้งหล่อและเก่งไม่ธรรมดา

รู้จัก “เป๊ก- เศรณี ชาญวีรกูล” ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน อนุทิน ชาญวีรกูล หวานใจ “เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม

“เป๊ก” เป็นทายาทพันล้าน โดยเขาเป็นลูกชายคนเล็กของ “อนุทิน-สนองนุช ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  เป็นหลานปู่ “คุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงพาณิชย์ และยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เขาสำเร็จการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เป๊ก เศรณีเป็นเซเลบหนุ่มไฟแรงที่กำลังเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว โดยเขามีเป้าหมายว่าจะทำธุรกิจที่ปู่และพ่อได้สร้างให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป อย่างไรก็ตามเมื่อปี  2563 หนุ่มเป๊กได้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองประจำการประจำปี 2563 ที่กองพันทหารสื่อสาร ทุ่งมหาเมฆ และจับได้ใบแดง ทบ.ผลัด 2 จึงทำให้ต้องเป็นทหารกองประจำการ 1 ปี

สำหรับงานอดิเรกที่หนุ่มเป๊กชื่นชอบคือ การออกกำลังกาย นอกจากฟิตเนสแล้วเขายังมีกีฬาอื่นๆ ที่ชื่นชอบ อาทิ ขับเครื่องบิน, ขี่ม้า, กีฬาทางน้ำ ฯลฯ

ซึ่งความชื่นชอบกีฬาเกือบทุกชนิดทำให้รูปร่างของเขาฟิตแอนด์เฟิร์มเสมอ และนี่เองทำให้เขาได้รับการแนะนำจาก “แหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ” ให้เข้าประกวดหนุ่มในฝัน

แต่เห็นเป็นหนุ่มไลฟ์สไตล์หรูแบบนี้ ทว่าในวัยเรียนเขาใช้เงินต่อวันเพียง 100 บาท เป็นค่าอาหารกลางวัน 50 บาท และค่าจอดรถ 40 บาท

ด้านสเปคสาว “เป๊ก” เคยบอกไว้ว่าต้องเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่อง เข้ากันได้ และเป็นคนน่ารักมากกว่า ซึ่งปัจจุบันเขากำลังคบหาดูใจกับ “เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม” ลูกสาวคนเดียวของ มาดามตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย ปัจจุบันปฎิบัติหน้าที่เป็น นายก อบจ. สมุทรปราการ  และ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แต่สิ่งที่ทำให้หลายๆ คนตกใจคือ “มาดามตู่” ผู้หวงลูกสาวหนักมากยอมให้ผ่านด่าน ซึ่งนี่อาจจะเป็นคนแรกและคนเดียวเลยก็ว่าได้


ภาพจาก : pek_c

สวีทจนน้ำตาลขึ้น! “เป๊ก-เพลง” ตอบทุกคำถามความรัก ควงคู่โชว์หวานด้วยกันครั้งแรก

‘มีดวงถูกฉวยโอกาส อย่าอยู่ใกล้ชิดใคร ยุคนี้ต้องอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ’ ดูดวงรายวัน 2 กรกฏาคม 2564

ดูดวงรายวัน 2 กรฏาคม 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘มีดวงถูกฉวยโอกาส อย่าอยู่ใกล้ชิดใคร ยุคนี้ต้องอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ’

ดูดวงรายวัน 2 กรกฏาคม 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  ก็ยังอยู่ที่การใช้ปฏิภาณ ไหวพริบ และความคล่องตัวในการทำงาน เพื่อเอาตัวรอดจากความผิดพลาดและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวันนี้คุณคิดจะอาสาเจ้านายไปปฏิบัติภาระกิจที่เสี่ยงต่อความผิดพลาด ก็ควรเตรียมความพร้อมให้ดี เพราะดวงบริวารของคุณเสีย มีความเสี่ยงที่จะถูกเทได้ง่ายๆ จึงยิ่งไม่ควรยึดมั่นถือมั่น มีทิฐิ ปล่อยให้โทสะหรือโมหะเข้าครอบงำ ควรใจเย็นๆ อดทน รอคอย จังหวะและโอกาสที่จะมาถึงจะดีกว่า

การเงิน  : จากที่เคยเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่น มีความเสี่ยงที่เงินจะเข้ามือซ้ายออกมือขวา บริหารจัดการการเงินเหนื่อยหน่อย วันนี้ก่อนจะควักเงินออกจากกระเป๋าควรมีสติ เพราะอาจต้องเสียเงินก้อนใหญ่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ความรัก : ที่ผ่านมาคุณใช้ชีวิตคู่กันอย่างเจ็บช้ำน้ำใจกับคำพูดแรงๆ ของคู่ ซึ่งคุณก็ทนมาตลอด แต่วันนี้มีความเสี่ยงที่คุณจะไม่ทนแล้ว อาจเพราะมีคนใหม่เข้ามา แต่ก็อย่าเพิ่งไปฝากความหวังกับเขาเลย เพราะมาแบบฉาบฉวย ไม่ได้คิดจริงจังอะไร  คนโสด คุณจะไม่ทนอีกต่อไป วันนี้ขอเป็นโสด

สุขภาพ  :  หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่สะอาด ไม่ถูกสุขลักษณะ รสจัด วันนี้คุณมีความเสี่ยงที่จะท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษ

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  หากคุณกำลังอยู่ในช่วงนำเสนองานหรือโครงการ รวมทั้งนำเสนอแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมทำงาน วันนี้มีแนวโน้มว่าก็ยังคั่งค้างอยู่เหมือนเดิม ส่งผลให้คุณอึดอัด และวิตกกังวลมาก ทางที่ดีไม่ควรมีทิฐิ เชื่อมั่นในตัวเองจนไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นเลย เพราะจะทำให้งานเกิดความผิดพลาดเสียหายได้อย่างคาดไม่ถึง จึงควรใจเย็นๆ ระวังคำพูด มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และทักษะในด้านต่างๆ ริเริ่มงานใหม่ หรือโยกย้ายเปลี่ยนแปลงงานไปเลย

การเงิน :  ควรหลีกเลี่ยงจากงานสีเทา หรือเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งจะมีเข้ามาเป็นจำนวนมาก วันนี้มีความเสี่ยงที่ญาติสนิทมิตรสหายจะมาหยิบยืมเงิน แต่เดี๋ยวเขาก็นำมาคืน

ความรัก : วันนี้หากคุณมีนัดไปติดต่องานกับลูกค้า การที่คุณแต่งตัวสวยเสริมบุคลิกให้กับตัวเองจึงเป็นจุดเด่นให้ผู้คนสนใจในตัวคุณ จนเสี่ยงที่คู่คุณจะเข้าใจผิดได้ คนโสด  วันนี้ไม่ควรให้ความใกล้ชิดหรือไว้ใจใครมากเกินไป ไม่ว่าจะข้องเกี่ยวกันเพราะงานหรือความสนิทส่วนตัว นอกจากคุณจะเสี่ยงถูกฉวยโอกาสแล้วยังเสี่ยงกับโรคอีก  ยุคนี้ต้องอยู่กันห่างๆ อย่างห่วงๆ

สุขภาพ  : มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาในกลไกการรับประทานอาหาร ตั้งแต่ฟัน อวัยวะในช่องปาก ทางเดินอาหาร จนถึงระบบการย่อยอาหาร รวมถึงเสี่ยงต่อการเกิดต่อมทอนซิลอักเสบด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับการทำงานที่ต้องเดินทางไปโน้นนี่ ไม่ได้นั่งติดออฟฟิศ มีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้เริ่มต้นงานใหม่ หรือมีโครงการนำงานเก่าขึ้นมาพัฒนาปรับปรุงใหม่ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้มุมมองทางด้านความสวยงาม การดีไซน์ออกแบบ และงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งวันนี้คุณมีคุณสมบัติเด่นทางด้านการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และการให้คำปรึกษาในด้านต่างๆแต่ไม่ควรเชื่อมั่นในตัวเองมากจนเสี่ยงเป็นเสี่ยงกันอย่างน่ากลัว

การเงิน : ก่อนที่คุณจะรับปากทำงานหรือเซ็นสัญญา โดยเฉพาะเรื่องเงินและผลประโยชน์ วันนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะคุณอาจพลาดท่าเสียที เสียทั้งเงินและเสียทั้งเครดิต ในกรณีที่ทำไม่ได้ตามที่ตกลงไว้

ความรัก :  คุณรักและทำได้ทุกอย่างเพื่อครอบครัว แต่หากคุณสามารถลดทิฐิ และความเชื่อมั่นในตัวเอง ให้อภัยมากกว่าที่จะเอาชนะ ครอบครัวก็จะอยู่กันอย่างมีความสุขขึ้น   คนโสด  คุณโรแมนติก คาดหวังถึงความรักไว้อย่างงดงาม และก็พยายามให้เป็นแบบนั้น จึงไม่แปลกหากจะรักๆ เลิกๆ เริ่มต้นใหม่ วนไป

สุขภาพ  :  วันนี้มีความเป็นไปได้ที่ช่วงขา หน้าแข้ง และข้อเท้าของคุณจะเกิดปัญหา กล้ามเนื้ออักเสบ หรือเส้นเอ็นตึงยึด จึงควรหลีกเลี่ยงจากกิจกรรมที่ต้องเดินหรือยืนนานๆ

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  คุณมีภาวะผู้นำสูง มีความรู้ ความสามารถ รับผิดชอบงานได้ดี สามารถทำงานได้หลากหลายมิติ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณมีความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทำงานที่เกี่ยวข้องกับสายเอ็นเทอร์เทน เช่น ดีเจ พิธีกร พริตตี้ นักร้อง นักดนตรี รวมถึงผู้ประกอบการสถานบันเทิง วันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้รับโปรโมทให้ขึ้นระดับผู้บริหารระดับสูง แต่บอกเลยว่า ความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง

การเงิน :  มีความเป็นไปได้ที่รายได้ส่วนใหญ่ในวันนี้จะมาจากงานสีเทา ซึ่งคุณก็มีความสามารถที่จะสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง แต่คุณก็ยังมีรายจ่ายที่จะต้องเลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหายและบริวารอย่างดี

ความรัก : หากวันนี้คุณต้องทำงานนอกบ้านหรือดูแลธุรกิจเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว โดยคู่คุณก็ช่วยสนับสนุนส่งเสริมหน้าที่การงานอยู่เคียงข้าง ควรระวังการเข้าใจผิดเรื่องบุคคลที่สามได้นะคะ คนโสด คุณรอไม่ไหวแล้ว กลัวใครแอบมาอุ้มแฟนคุณไป วันนี้มีความเสี่ยงที่จะตัดสินใจจะไปอยู่กับเขาก่อน

สุขภาพ : ที่ผ่านมาคุณดูแลรักษาสุขภาพตัวเองอย่างดี แต่วันนี้หากคุณยังคงไปดื่มสังสรรค์ ก็ต้องระวังจะพลาดไปติดเชื้อได้นะคะ ยุคนี้ควรต้องรักษาระยะห่างไว้ดีที่สุด

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  มีความเป็นไปได้ที่จะคุณได้ร่วมงานกับคนที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับคุณทุกอย่าง ในขณะที่คุณก็หมกมุ่นอยู่แต่กับการทำงานจนไม่เป็นอันปฏิบัติภารกิจอื่นใดเลย จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการขัดแย้งกันสูง ยากที่จะราบรื่น วันนี้จึงควรอดทนและรอคอย จังหวะและโอกาสที่จะมาถึง อย่าปล่อยให้โทสะและโมหะเข้าครอบงำ เพราะจะปิดบังหนทางแห่งปัญญาของคุณในการขบคิดปัญหาต่างๆ ให้แตก

การเงิน : มีเงินสะพัด หมุนเวียนเข้าออก ซึ่งวันนี้คุณอาจช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน จนตัวเองเดือดร้อนต้องบริหารจัดการการเงินตัวเป็นเกลียว

ความรัก : เสี่ยงต่อการที่จะมีความคิดเห็นขัดแย้งกันอย่างยิ่ง เพราะวันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะมุ่งมั่นในเรื่องงานสุดๆ แล้วใครก็ห้ามไม่ได้ด้วย  คนโสด ไม่แน่ว่า วันนี้คุณจะเปิดวิวาทะกับคนที่คุณกำลังคบอยู่ในประเด็นที่จะอยู่เป็นโสด หรือแต่งงานดี ซึ่งคุณมีแนวโน้มว่าจะอยู่เป็นโสด ใครก็เปลี่ยนความคิดของคุณไม่ได้ด้วย

สุขภาพ :  มีความเป็นไปได้ที่จะระบบย่อยอาหาร โรคกระเพาะ และลำไส้จะมีปัญหา มีอาการปวดและเสียดท้อง ควรหลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ ไม่ถูกสุขอนามัย รสจัด เพราะเสี่ยงที่จะมีพยาธิ์ในลำไส้

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  คุณเป็นผู้หญิงที่มีความรู้ ความสามารถ และมีบารมีจากตำแหน่งหน้าที่การงาน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องเดินทางเคลื่อนที่ เช่น พนักงานรับส่งเอกสาร ไรเดอร์ส่งอาหาร เดลิเวอร์รี่ โลจิสติกส์ ธุรกิจรถยนต์ ฯลฯ มีความเป็นไปได้ที่ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ คุณจะได้เดินทางไปขยายสาขายังสถานที่แปลกใหม่ งานนี้คุณก็ลุยสุดฤทธิ์ กล้าได้กล้าเสียจนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นจากใครเลย วันนี้ต้องระวังการตัดสินใจที่เฉียบขาด แต่ขาดความรอบคอบ กับทั้งบริวารที่ไม่ซื่อสัตย์ จะทำให้งานผิดพลาดอย่างไม่น่าจะเกิด

การเงิน : คุณชอบลงทุนและรักการแข่งขัน วันนี้ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่อ่อนหวานที่จะขอความช่วยเหลือ หรือชักชวนให้คุณลงทุนในธุรกิจหรือทำธุรกรรมต่างๆ เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะถูกมิจฉาชีพแสวงหาผลประโยชน์ ถูกหลอก ถูกโกงทุกรูปแบบ

ความรัก : มีโอกาสที่คุณจะได้โยกย้ายถิ่นฐานไปทำงานยังสถานที่อื่นอย่างกะทันหัน ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ไม่เหมาะที่จะย้ายถิ่นฐาน หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ควรฉีดวัคซีนให้เรียบร้อยก่อนจะดีที่สุด คนโสด หากคุณกำลังมีโครงการที่จะเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ยังสถานที่ที่แปลกใหม่ แต่เพราะสถานการณ์โควิด-19 จึงยังไปไม่ได้ ก็อยู่ที่เดิม หาคนคุยเล่นไปก่อน

สุขภาพ :  คุณมีพลังล้นเหลือ ยากที่จะเจ็บไข้ได้ป่วยกับใครเขาหรอก เว้นแต่ว่าหากต้องเดินทางเปลี่ยนสถานที่ มีโอกาสที่ระบบย่อยอาหารจะแปรปรวน เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะและลำไส้

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : สำหรับผู้ที่ต้องการจะเริ่มต้นงานใหม่ จนถึงโยกย้ายเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในหน่วยงานที่มีความมั่นคงมากขึ้น ก็ต้องทำใจยอมรับด้วยว่า วันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะเข้าสู่การแข่งขันชิงดีชิงเด่นอย่างดุเดือด โดยเฉพาะในเรื่องของผลประโยชน์ และตำแหน่งหน้าที่การงาน นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะถูกเจ้านายกดดันให้ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ทำงานให้หนักขึ้นกว่าเดิม (จากที่หนักอยู่แล้ว)

การเงิน : หากคิดจะลงทุนร่วมหุ้นกับใคร ไม่ควรทุ่มทุนหมดหน้าตัก เพราะมีการแข่งขันสูง จะทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย โดยเฉพาะไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอามิสสินจ้างหรือเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะจะทำให้คุณเดือดร้อน

ความรัก :  จากที่เคยปะทะคารมกันอย่างดุเดือด วันนี้คู่คุณจะปรับเปลี่ยนท่าทีมาเป็นคู่คิดที่ดี คอยแนะนำแนวทางที่มีประโยชน์ให้กับคุณ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะแค่การสร้างภาพ คนโสด หากคุณกำลังอยู่ในช่วงที่พยายามทำทุกอย่าง เพื่อจะแย่งชิงคนๆ นั้นมาเป็นของคุณ วันนี้ ดวงแต่งงานของคุณก็ยังอยู่อีกยาวไกลเช่นกัน   

สุขภาพ :  ก็ยังต้องระวังอันตรายและการบาดเจ็บที่จะเกิดจากการทะเลาะวิวาท หรือจากการดื่มแล้วขับนะคะ ใจเย็นๆ อย่าประมาท ควรดูแลตัวเองให้ดี

 

บ้าน เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร

เปิดบ้านสวยสุดหรู สไตล์ชิโน-โปรตุกีสของ “เบคกี้ – รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร”

Alternative Textaccount_circle
บ้าน เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
บ้าน เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร

บ้านสีเหลืองสไตล์ชิโน-โปรตุกีสหลังงามบนพื้นที่หนึ่งไร่ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านสุดหรูหลังเดียวที่สร้างกลางทุ่งหญ้า ให้อารมณ์เหมือนอยู่ต่างจังหวัด หรือไม่ก็อยู่นอกเมืองมาก (เสียงสูง) ทว่าถัดออกไปกลับมองเห็นทางด่วนและแอร์พอร์ตเรลลิงก์อยู่ใกล้ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากความชอบของเจ้าบ้าน ที่ต้องการความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว

ภายในบริเวณบ้านแวดล้อมด้วยไม้ใหญ่ของไทย ทั้งจามจุรีสีทอง พะยอม ปีบ ชมพู่เมืองเพชร ลูกจันทน์ อโศก จิกน้ำ เข็มอุณากรรณ โมกมัน หว้าป่า เพิ่มความร่มรื่นเย็นตาด้วยเฟินหลากสายพันธุ์ ทั้งกลุ่มเฟินชายผ้าสีดาและเฟินบริพัตรขนาดใหญ่ ที่แขวนห้อยลงมาพลิ้วไหวยามต้องลม ส่วนวงเวียนเล็กๆ หน้าบ้านปลูกต้นทองกวาวฟอร์มสวย ชวนให้บ้านดูร่มรื่นเย็นสบาย

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
สวนสวยให้ความร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ และเฟินนานาชนิด มองเห็นอาคาร 2 หลัง ริมสนามหญ้าก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน

“ดูเหมือนบ้านเราอยู่กลางทุ่งใช่ไหม” คุณเบคกี้ – รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร Executive Director Vice President บริษัทไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ควบตำแหน่งภรรยาและคุณแม่ลูกหนึ่ง โยนคำถามแบบขำๆ ก่อนเริ่มเรื่องให้ฟังว่า

“เราซื้อที่ดินแปลงนี้ตั้งแต่สิบห้าปีที่แล้ว ความที่ครอบครัวสามี (คุณต้น – ปวัฑฒ์) อาศัยอยู่ย่านนี้ พอคุณแม่สามี (คุณสุวรรณพันธุ์ มณีเสถียร) รู้ว่ามีคนขายที่ดินบริเวณนี้ มีสามแปลง แปลงละหนึ่งไร่ จึงอยากให้ลองมาดู พอเห็นแล้วถูกใจ เราจึงทำถนนทางเข้า ขอไฟฟ้าและน้ำประปาเอง

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร

“มาอยู่แรกๆ ก็กลัวเหมือนกันนะ (ยิ้ม) เพราะมีแค่ห้าชีวิต พ่อแม่ลูกกับแม่บ้านสองคน แต่พอตกกลางคืน กลายเป็นว่าบ้านเรามีแสงไฟจากทางด่วน มองเห็นสว่างทีเดียว และเราทำกำแพงสูง ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย ทำให้ไม่น่ากลัว” เธอเล่าพลางอมยิ้ม พร้อมกับพาเดินผ่านอาคารริมสนามหญ้าสองหลัง มีทั้งชั้นเดียวและสองชั้น

“เราอยากอยู่บ้านที่ให้อารมณ์แบบไทย จึงสร้างคล้ายๆ เป็นเรือนหมู่รวมกันแบบเรือนไทย แต่ให้สถาปนิกออกแบบตามฟังก์ชันการใช้งาน โดยเรือนชั้นเดียวด้านหน้าทำเป็นห้องเล่นให้ลูกตั้งแต่เขาเล็กๆ จัดของเล่น ทีวี เครื่องเล่นดีวีดี ให้เขาดูรายการต่างๆ ที่ช่วยพัฒนาการและภาษา ส่วนอาคารสองชั้นถัดมาเป็นห้องสมุดประจำบ้าน ชั้นล่างไว้นั่งเล่น เวลาคุณแม่ (คุณเจเน็ต) และพี่สาว (คุณเจน) มาเยี่ยมก็จะชวนกันมานั่งเล่นที่นี่บ้าง”

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร

เปิดบ้านสวยสุดหรู สไตล์ชิโน-โปรตุกีสของ “เบคกี้ – รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร”

“ประเวศบุรีรมย์” บ้านแห่งความทรงจำ

เราถามถึงป้ายชื่อบ้าน “ประเวศบุรีรมย์” ที่ติดอยู่เหนือมุขด้านหน้า คุณต้นช่วยอธิบายที่มาของชื่อนี้ว่า

“คนส่วนใหญ่มักใช้นามสกุลหรือชื่อมงคลตั้งเป็นชื่อบ้าน แต่ผมอยากให้คนสงสัยว่าบ้านนี้อยู่มาเป็นร้อยปีหรือเปล่า เพราะเราสร้างเป็นแบบชิโน-โปรตุกีสและอยู่ใกล้คลองประเวศด้วย จึงเลือกใช้ชื่อคลองเป็นชื่อบ้าน ซึ่งอาคารแนวชิโน-โปรตุกีสเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 จึงพยายามหาฟ้อนต์ตัวหนังสือสมัยนั้นมาทำป้าย แต่หาเท่าไรก็หาไม่ได้ กระทั่งเจอรูปตาลปัตรพัดยศของพระสงฆ์สมัยนั้น จึงนำฟ้อนต์ตัวหนังสือที่เห็นมาออกแบบเป็นป้ายชื่อบ้าน” คุณต้นเล่าด้วยความภูมิใจ

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
มุมรับแขกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หวายสไตล์จีน มีภาพเขียนโบราณตกแต่งผนัง

ฝ่ายภรรยาเสริมว่า “ก่อนหน้านี้ครอบครัวเราอยู่บ้านโมเดิร์น แต่มีของแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์คลาสสิก ซึ่งนับวันจะล้นมากขึ้นๆ เมื่อสร้างบ้านนี้เราจึงขอเล่นตามสไตล์ของสะสม ตัวเราออกแนวยุโรปๆ หน่อย ส่วนต้นเป็นแนวจีน จึงมาพบกันครึ่งทางด้วยการเลือกบ้านสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ผสมผสานความเป็นจีนและยุโรปเข้าด้วยกัน ต่างจากบ้านสไตล์โคโลเนียลซึ่งดูเป็นยุโรปกว่า”

คุณต้นเล่าบ้าง “ความสวยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมคุยกับเบคกี้ว่าอยากได้ความสวยในอดีตที่เราชอบตั้งแต่เด็กมารวม ไว้ที่บ้านนี้ คนอื่นอาจมองว่าเก่า เชย แต่สวยสำหรับผม เราจึงเลือกสร้างบ้านที่รวมความคลาสสิกแบบนี้ไว้ด้วยกัน จึงออกมาเป็นสไตล์นี้โดยพี่ดุ๊ก (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) มาช่วยดูแลในส่วนของสถาปนิ ก โดยเราสองคนมีข้อมูลจากที่ไปเห็นอะไรสวยก็ถ่ายรูปเก็บไว้ หรือไม่ก็ตัดรูปในหนังสือมาแปะในสมุด เรียกว่าทำเป็นสมุดภาพกันเลย ใช้เวลาศึกษารูปแบบบ้านแนวนี้เป็นปี จนเจอหนังสือเกี่ยวกับ ‘วังลดาวัลย์’ เราบอกเลยว่านี่คือสไตล์ที่อยากได้ พอทีมงานมาคุยด้วย เราก็เปิดหนังสือและสมุดภาพให้ดูว่าอยากได้ บ้านแบบนี้ เขาจึงค่อยๆ บิดดีไซน์จนได้อย่างใจเรา”

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร

คุณเบคกี้แย้งว่า “ที่ถกเถียงกันมากคือสีกระเบื้องหลังคา ใจเราอยากได้สีแดง แต่ต้นกับพี่ดุ๊กบอกว่าต้องเป็นสีเทา เขาชอบสีที่ดูซอฟต์ลงมา พอมีการโหวตออกเสียง เราแพ้ แต่จนทุกวันนี้ก็ยังคิดว่ากระเบื้องหลังคาน่าจะเป็นสีแดงอยู่นะ” เธอเล่ายิ้มๆ และบอกว่า

“บ้านหลังนี้สร้างโดยคุณอาของต้น (คุณวีรพล ศรีมหาโชตะ) มีพี่ดุ๊กช่วยให้คำปรึกษา โชคดีมากที่เราได้ทีมช่างที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งในการสร้างวัดมาช่วยด้วย เนื่องจากบ้านชิโน-โปรตุกีส ต้องมีดีไซน์ปูนปั้นย่อมุมตกแต่งประกอบตามจุดต่างๆ เช่น เสา ขอบระเบียง ซุ้มประตู ฯลฯ ซึ่งต้องปั้นขึ้นมาเอง

“ส่วนลายไม้ฉลุเหนือกรอบหน้าต่างเป็นลายไม้ที่เราได้มาโดยบังเอิญ คาดว่าแกะมาจากบ้านคนจีนโบราณ เป็นลายกระถางดอกไม้ที่ไหลไปเรื่อยๆ จึงนำลายนี้มาเป็นต้นแบบ และสั่งร้านทำไม้ย่านบางโพทำเลียนแบบ ถือเป็นซิกเนเจอร์ของบ้าน ทั้งหมดนี้กว่าจะสร้างบ้านเสร็จใช้เวลาถึง 3 ปีทีเดียว”

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
บรรยากาศภายในห้องสมุดชั้น 2

Classic Style

ภายในบ้านแบ่งพื้นที่เป็นสองฝั่ง มีโถงตรงกลาง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หวายดีไซน์จีน มีภาพเขียนแอนทีคของชนเผ่าเย้าที่ได้เป็นของขวัญวันแต่งงานจากคุณแม่และพี่สาวคุณเบคกี้ พื้นบ้านทำจากไม้แดงซึ่งได้มาจากพื้นไม้เก่า ส่วนกรอบประตูหน้าต่างทำจากไม้สักทั้งหมด หลังโถงกลางบ้านเป็นทั้งห้องจัดเลี้ยงและห้องอาหาร

“ตอนออกแบบคิดแต่เรื่องฟังก์ชันใช้งานว่าห้องอาหารควรแยกเป็นสัดส่วน เพิ่งมารู้ทีหลังว่าทำแบบนี้ถูกฮวงจุ้ย คือเวลาเข้าบ้านมาไม่ควรมองเห็นโต๊ะกินข้าว ควรทำเป็นห้องหรือมีกำแพงกั้นแยกไป ตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารสไตล์ยุโรป พร้อมเก้าอี้ทรงชิปเพนเดล 12 ที่นั่ง มุมห้องตกแต่งด้วยโต๊ะบุฟเฟ่ต์สไตล์ยุโรป ที่คุณพ่อ (คุณวันชัย) และคุณลุง (คุณปริญญา) ของต้นให้เป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
น้องทาช่าที่บันไดโถงกลางบ้าน ตกแต่งผนังด้วยจานโมร็อกโก สั่งซื้อมาจากร้านขายของเก่าที่เชียงใหม่

“ภายในห้องอาหารตกแต่งด้วยตู้เก่าของฝรั่งเศสที่เราค่อยๆ ซื้อมาทีละใบสองใบจนเต็มห้อง ใช้เก็บถ้วยซุป จาน ชาม และชุดน้ำชากระเบื้องวินเทจของอังกฤษ บางเซตเป็นของที่ใครต่อใครพากันตามหา บางเซตเป็นลิมิเต็ด ราคาหลายหมื่น บางชิ้นเป็นลายคลาสสิกของอังกฤษ ซึ่งผลิตออกมาตลอด จึงเป็นของสะสมที่นำมาใช้งานจริง ไม่ต้องกลัวแตก สามารถหาซื้อมาเติมได้เรื่อยๆ” คุณเบคกี้อธิบาย

ฝ่ายสามีเสริมว่า “ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือของสะสม เราจะค่อยๆ หาสะสมไปเรื่อยๆ ได้มาทีละชิ้นสองชิ้น ผมว่าสนุกกว่าเอาเงินก้อนมาวางแล้วบอกให้คนขายหาให้ครบชุดนะ ซึ่งผมกับเบคกี้ชอบของสะสมไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นต่างคนต่างเลือกของที่ตัวเองชอบ เขาชอบจานชาม ผมก็ไม่ไปยุ่ง เพราะมองว่าแพง ส่วนผมชอบรถคลาสสิก ถ้าเขาเห็นก็จะคอยห้ามเหมือนกัน แต่สุดท้ายให้ต่างคนต่างเลือกของที่ชอบเอง”

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
ชั้นล่างของอาคารที่เป็นห้องสมุด ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สนาม

ถัดจากโถงตรงกลางอีกฝั่งเป็นห้องรับแขก ตกแต่งด้วยผ้าม่านโปร่งจากฝรั่งเศส เพิ่มบรรยากาศด้วยผ้าม่านลายดอกไม้จากอังกฤษ เน้นการตกแต่งให้นั่งสบาย ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นตู้เข้ามุมโชว์ ‘ตุ๊กตาแม่ลูกดก’ จากรัสเซีย ซึ่งเป็นของฝากจากเพื่อนรุ่นพี่ สามารถออกลูกได้ถึงสามสิบตัว ทุกตัวเขียนหน้าตาและขอบสีทองครบ ต่อให้เล็กจิ๋วหลิวแค่ไหนก็ยังวาดสีเขียนทองเห็นรายละเอียดครบ ทำเอาเซียนสะสมตุ๊กตาแม่ลูกดกบอกว่าเป็นตุ๊กตาที่มีความพิเศษมาก และราคาแพงกว่าตุ๊กตาแม่ลูกดกปกติอีกด้วย

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
ห้องรับแขกตกแต่งด้วยม่านโปร่งจากฝรั่งเศส และผ้าม่านลวดลายดอกไม้แบรนด์ Anderson ของอังกฤษ

แผนที่ชีวิต

เราถามถึงการเป็นคุณแม่ลูกสาววัยทีนที่ต้องคอยสนับสนุนลูกสาวคนเดียวให้ได้ทำตามฝัน เนื่องจากน้องทาช่ามีพรสวรรค์และความสามารถด้านบัลเลต์และดนตรีสูงมาก จึงเป็นที่มาที่ทำให้เธอมักจะตั้งโจทย์คำถาม เพื่อให้ลูกสาววัยรุ่นหาคำตอบให้ตัวเองเสมอ ซึ่งคุณเบคกี้เล่าว่า

“บ้านเราไม่ได้เน้นเรื่องเรียนว่าต้องสอบให้ได้เกรด 4 หรือต้องหาที่ติววิชาอะไร เพราะเราเห็นแล้วว่าความสามารถและคอนเน็กชั่นสำคัญกว่า เรามีเป้าหมายเดียวคืออยากให้เขาเรียนอย่างมีความสุข

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
บรรยากาศในห้องอาหาร ฝั่งหนึ่งมีโต๊ะบุฟเฟ่ต์ดีไซน์ยุโรป ผนังห้องตกแต่งด้วยหัวเตียงเก่าของคนจีน แกะสลักเป็นรูปไก่ตามปีเกิดของคุณเบคกี้ นำมาใส่กระจก ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น

“ความที่ทาช่ามีศักยภาพโดดเด่นมากเรื่องดนตรีและการเต้น ทำให้ยิ่งต้องสนับสนุนให้เขาทำสิ่งที่ทำได้ดีให้เป็ นเลิศมากขึ้น รวมถึงพยายามผลักดันให้ เขาแข่งขัo เพราะเมื่อก่อนเขาขี้กลัว พอเล่าเรื่องในอดีตให้เขาฟังว่าเราเคยเสียโอกาสดีๆ ไป เพียงเพราะการปฏิเสธที่จะเข้าร่วมทำสิ่งนั้น เพราะตอนเป็นนางงามปฏิเสธที่จะเดินถือป้ายในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งเพื่อนๆ นางงามคนอื่นเขาไปกัน จึงมีภาพจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ แต่ไม่มีเรา พอเล่าให้ลูกฟัง เขาถึงยอมไปประกวดบัลเลต์ครั้งแรก ได้รางวัลชมเชยกลับมา ซึ่งถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับเขา

“ที่ผ่านมาทาช่าเคยเป็นตัวแทนแข่งขันเปียโนในการแข่งขันเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเขาได้เหรียญทองกลับมา อีกแมตช์หนึ่งของปีนี้เป็นการแข่งบัลเลต์ ซึ่งเขาได้สิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขัน แต่ต้องรอก่อน เพราะติดสถานการณ์โควิด-19 ทุกครั้งที่เดินทางไปแข่งขัน พวกเราต้องเดินทางไปกับลูก ออกค่าใช้จ่ายเองหมด ถ้าแข่งชนะก็ได้โปรไฟล์และถ้วยรางวัล แต่สิ่งที่ได้นอกเหนือจากนั้นคือการทำให้ลูกมี Self-esteem ซึ่งสำคัญมาก ล่าสุดเขาไปออดิชั่นเพื่อเข้าทีม Soloist ของบางกอกแดนซ์ ต้องฝึกหนักทุกวัน ในหนึ่งสัปดาห์ต้องฝึกเต้นเกินยี่สิบชั่วโมง ซึ่งทาช่าสามารถผ่านเข้าไปอยู่ในทีมได้

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
โซฟาหนังวินเทจที่เจ้าของชอบมานั่งๆ นอนๆ ในบรรยากาศสบายๆ

“ยังเคยถามเขาว่ามองเห็นอนาคตตัวเองเป็นอย่างไร เขาบอกว่าเขามองเห็นตัวเองยืนอยู่บนเวทีในโอเปร่าเฮ้าส์ พอถามว่าโตขึ้นอยากเรียนอะไร เขาบอกว่าอยากเรียน PE (Physical Education) ซึ่งบ้านเราแปลว่า ‘พลศึกษา’ แต่ที่ต่างประเทศคนเรียน PE สามารถไปได้ไกลกว่านั้น ซึ่งเขารู้ดีว่าในอนาคตทุกคนต้องมีความแตกต่าง ซึ่งสำหรับลูกเป้าหมายของเขาคืออยากไปต่างประเทศ ดังนั้นสิ่งที่ทำอยู่เวลานี้คือการแข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขันในต่างประเทศ”

นอกจากนี้คุณเบคกี้ยังแบ่งเวลาศึกษาต่อปริญญาเอก คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นโค้ชด้วย

“เรารู้ว่าตัวเองถนัดพูดและชอบทำงานด้านการตลาด มีความสนใจเรื่องการพัฒนาคน ซึ่งในอนาคตสิ่งที่สังคมต้องการคือทุนมนุษย์ จึงเริ่มสนใจเรียนการเป็นโค้ชกับอาจารย์ที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถสอบวัดระดับจนได้ เป็น Professional Coach ได้รับการรับรองโดยสหพันธ์โค้ชนานาชาติในระดับ PCC (Professional Certified Coach)

เบคกี้ - รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร
มุมโปรดที่คุณเบคกี้ชอบมานั่งอ่านหนังสือที่มุขปีกหลังของบ้าน บรรยากาศร่มรื่น ใกล้สวนและบ่อปลาคาร์ปชั้น

“นอกจากนั้นครอบครัวเราทำธุรกิจเกี่ยวกับจิเวลรี่ และธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพอยู่แล้ว จึงอยากเรียนต่อเพื่อเพิ่มทักษะ และต่อยอดการทำธุรกิจครอบครัวในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาเรามักมีงานบรรยายให้ผู้บริหารองค์กรต่างๆ ฟังบ่อยๆ อีกทั้งยังทำงานเป็นผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนด้วย จึงอยากเพิ่มวิทยฐานะให้ตัวเองด้วยการเรียนปริญญาเอก คณะครุศาสตร์ ซึ่งเป็นสายการศึกษาและพัฒนามนุษย์ อีกทั้งจะได้ช่วยเด็กๆ ที่ทำความผิดให้พ้นจากวงเวียนของความด้อยโอกาส หรือความผิดพลาดในอดีตของเขา โดยอาศัยการโค้ชที่เรียนมา ซึ่งก็มีเคสที่เราโค้ชให้ จนเขาเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและการใช้ชีวิตของเขาได้ ซึ่งเราก็ดีใจไปกับเขาด้วย แผนการในชีวิตของเราตอนนี้จึงค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นตามที่เราคิดและวางแผนไว้”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 971

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เป็นคนเยอะ อย่ามาง่าย! เปิดบ้านริมน้ำบางปะกง อาณาจักรความสุขของ “ทิปปี้ สุพรทิพย์”

ครั้งแรก! เปิดบ้านริมทะเลสาบสุดอลังของ “ตัน ภาสกรนที” และครอบครัวแสนอบอุ่น

เปิดบ้านสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ญี่ปุ่นของ “หน่อย-เคน” พื้นที่อบอุ่นของครอบครัววงศ์พัวพันธ์

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ของมิว นิษฐา

รุ่นนี้มาแรง! กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ‘มิว นิษฐา’ ไซส์เล็กพกพาง่าย

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ของมิว นิษฐา
กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ของมิว นิษฐา

ใบเล็กน่ารักขนาดนี้ Friend of The House จะพลาดได้ยังไง สำหรับ กระเป๋าใส่เหรียญ จาก Chanel ที่ มิว นิษฐา หยิบมาใช้บ่อยในช่วงนี้ แต่เห็นไซส์จิ๋วๆ ขอบอกว่าราคาไม่อ่อนโยนเลยแม่

มิว นิษฐา เป็นอีกคนที่มีกระเป๋าชาเนลในกรุเยอะมาก ชนิดที่นับแทบไม่ไหว เพราะในฐานะ Friend of The House ต้องได้รับการดูแลจาก Chanel อย่างดี อะไรออกใหม่ อะไรกำลังฮิต เธอคนนี้ต้องได้ถือต้องได้ใช้ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยโปรโมตไอเท็มชิ้นนั้นๆ ไปในตัว เช่นเดียวกับกระเป๋าใส่เหรียญใบจิ๋วที่ตอนนี้กำลังมาแรง คนดังใช้กันเพียบ รวมถึงร้านรับพรีออเดอร์ต่างต้องมีสต๊อก ซึ่งสาวมิวก็เป็นเจ้าของกระเป๋ารุ่นนี้แล้วเรียบร้อย แถมยังหยิบมาใช้บ่อย ไม่บอกก็รู้ว่าถูกใจแค่ไหน

รุ่นนี้มาแรง! กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ‘มิว นิษฐา’ ไซส์เล็กพกพาง่าย

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ของมิว นิษฐา

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ของมิว นิษฐา

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ของมิว นิษฐา

กระเป๋าใส่เหรียญ

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel ของมิว นิษฐา

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel

โดยกระเป๋าชาเนลใบนี้มีชื่อรุ่นว่า Flap Coin Purse With Chain เป็นกระเป๋าใส่เหรียญแบบมีฝาปิดมาพร้อมสายโซ่ ทำจากหนังลูกวัวแบบมีลายเคลือบเงา ซึ่งเป็นรอยยาก ตกแต่งด้วยฮาร์ดแวร์สีทองและไข่มุกเทียมเม็ดโตประทับโลโก้ตัวซีไขว้สีเขียวอ่อนๆ สามารถปิดเปิดกระเป๋าด้วยกระดุมทอง มาในขนาดเล็กพกพาง่าย 2.7 × 4 × 1 นิ้ว ราคาประมาณ 45,500 บาท

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel flap-coin-purse-with-chain-

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel flap-coin-purse-with-chain-

กระเป๋าใส่เหรียญ

กระเป๋าใส่เหรียญ Chanel flap-coin-purse-with-chain-

 


ภาพ : IG@mewnittha  , www.chanel.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

หลักร้อยถึงหลักแสน! กระเป๋า มิว นิษฐา นอกจาก Chanel ยังใช้อีกหลายแบรนด์

กางเกงยีนส์เอวสูง ‘ดัชเชสเคท’ ฮ็อตมาก หลังภาพฉีดวัคซีนโควิด -19 ถูกปล่อย

ฮ็อตไฟลุก! กระเป๋า Longchamp Filet ‘ลิลี่ คอลลินส์’ ในเบื้องหลัง Emily in Paris SS 2

 

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์

เด็ดขาด รอบคอบ ทำจริง! วิสัยทัศน์ ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ จากบทเรียนถ้ำหลวง สู่วิกฤติโควิด-19

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์
ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์

เด็ดขาด รอบคอบ ทำจริง! วิสัยทัศน์ ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร จากบทเรียนถ้ำหลวง สู่วิกฤติโควิด-19

ในขณะที่หลายจังหวัดในประเทศไทย การกระจายตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ครอบคลุมไปทั่วแล้ว ซึ่งตอนนี้จะเรียกว่าเป็นวิกฤติโรคระบาดที่หนักหนาเอาการก็คงจะไม่ผิด แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนต้องทำตามก็คือ มาตรการของรัฐบาลที่ออกมาในเรื่องการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แต่ประชาชนเองก็คาดหวังว่าการบริหารจัดการ แก้ไขการระบาดของไวรัสให้มีประสิทธิภาพก็มีควาสำคัญ และทำให้เชื่อมันได้ว่าโควิด-19  จะจากไปในเร็ววันนี้ด้วยเช่นกัน

การระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนของการทำงานของผู้นำต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย ซึ่งอย่างในประเทศไทย บุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นความหวังเล็กๆ ของจังหวัดหนึ่งในเวลานี้ คงหนีไม่พ้น ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  ซึ่งตอนนี้เขาได้ย้ายมาเป็นพ่อเมืองอยู่ที่จังหวัดลำปาง ในช่วงนี้ที่เริ่มมีข่าวไวรัส เขาได้บริหารจัดการ คัดกรองคน เพื่อป้องกันการระบาดอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่เกิดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน จนขณะนี้ แม้ว่าไวรัสจะกระจายอยู่ทั่วประเทศแล้ว ลำปางยังคงเป็นจังหวัดที่ยังการันตีว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อแม้แต่คนเดียว

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร

ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งเหตุการณ์ถ้ำหลวงในปี 2561 ผู้ว่าฯ ได้เคยให้สัมภาษณ์กับแพรวไว้ การพูดคุยในตอนนั้น เราได้ถามถึงวิสัยทัศน์ในการทำงาน ระบบทางความคิดของนักบริหารคนนี้ว่า เขามีวิธีคิดและมองการแก้วิกฤติบ้านเมืองอย่างไรบ้าง ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็น่าจะเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของพ่อเมืองที่ชื่อ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ในวันที่เกิดวิกฤติโรคระบาดอีกครั้งได้เป็นอย่างดี

เด็ดขาด รอบคอบ ทำจริง! วิสัยทัศน์ ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ จากบทเรียนถ้ำหลวง สู่วิกฤติโควิด-19

“ผมไม่มีเคล็ดลับอะไรพิเศษในการทำงาน เพียงแค่ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องยึดมั่นกับเป้าหมายและทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นให้ได้ สมัยก่อนเวลาว่าง ผมจะไปอ่านหนังสือ มีคนถามว่าเรียนอะไรเยอะขนาดนี้ บ้าหรือเปล่า ผมว่าการอ่านหนังสือเองกับเรียนหนังสือมันต่างกัน ผมเรียนเพื่อทดสอบความรู้ตัวเองในด้านนั้น ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ไปจนถึงนิยาย ชอบอะไรที่ขบคิดลับสมอง เพื่อเป็นการสร้างพื้นฐานให้ตัวเอง เวลาที่เจอวิกฤติเราจะไม่ลนลาน มีสติคิดได้ ตัดสินใจได้

“ผมจึงไม่ตื่นเต้นกับปัญหา เพียงแต่ว่าขนาดหรือระดับของปัญหามาไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง สไตล์การทำงานของผมก็เลยเป็นแบบ ถ้าอยู่ในภาวะสงครามอย่างในอดีตแล้วผมเป็นแม่ทัพ ถ้าตั้งใจว่าวันนี้จะตีเมืองนี้ให้ได้ เพื่อเข้าไปกินข้าวเย็นในบ้านเขา ผมจะบอกให้ทุกคนรอกินได้เลย แต่ห้ามถามว่าผมจะใช้วิธีอะไรในการยึดเมืองนี้ ผมบอกได้แค่ว่า จงมั่นใจว่ายึดเมืองได้และเข้าไปกินข้าวเย็นได้แน่

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร

“ผมเติบโตมาในฐานะ Problem Solver รับราชการมา 30 กว่าปีแล้ว ผมไม่เคยได้นั่งแล้วทำงานสบายๆ แต่ต้องไปแก้ปัญหาเกือบทุกที่ ผมถูกฝึกมาให้แก้ปัญหาตั้งแต่อายุยังน้อย ถูกส่งเข้าไปในพื้นที่เพื่อแก้วิกฤติ แต่เมื่อแก้ได้แล้ว แทนที่จะได้อยู่กับมัน ผมมักถูกย้ายให้ไปแก้ปัญหาที่ใหม่ตลอด

“ถ้าคุณเป็นนักแก้ปัญหา คุณแม่น คุณไม่ต้องมัวทำให้เสียเวลา เข้าไปถึงปุ๊บ มองปัญหา วางเป้าหมาย กำหนดทิศทาง จะใช้ตัวละครอะไร ทรัพยากรอะไร วางแผนแล้วรีบแก้ทันที เพราะถ้าไม่รีบแก้ก็จะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกแน่ ชีวิตผมมันเป็นอย่างนี้ จนกลายเป็นว่าอาชีพหลักของผมคือ การแก้ปัญหา

“ตราบใดที่ยังทำงาน เราก็อยากบรรลุเป้าหมาย ทุกปัญหาไม่เคยเหมือนกัน มันเป็นงานลับสมอง สนุก ท้าทาย อยากทำให้สำเร็จ ซึ่งความสำเร็จมันยิ่งใหญ่เสมอนะ”


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เบื้องหลังชีวิตแสนลำบากของ ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย

ทำความรู้จัก เอิร์ธ-พงศกร ลูกชายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

5 เรื่องไม่ลับแต่กินใจมาก ของผู้ว่าฯตงฉิน พ่อเมืองแห่งเชียงราย

keyboard_arrow_up