Rolex เผยโฉมนาฬิกา 5 รุ่น ผลงานเลอค่าที่งาน WATCHES AND WONDERS

account_circle

Rolex นำเสนอนาฬิการะดับไอคอนของแบรนด์ภายใต้ รููปลักษณ์ใหม่ ผ่านการผสมผสานวัสดุ สีสัน และพื้นผิว เพื่อสร้างนาฬิกาปี 2024 ในงาน WATCHES AND WONDERS ซึ่งเปี่ยมไปด้วย เอกลักษณ์อันโดดเด่นและสะท้อนให้เห็นถึงความยึดมั่นในเจตนารมณ์แห่งศิลปะของช่างทำนาฬิกา ที่มากด้วยความรู้และความชำนาญ อีกทั้งยังได้ส่งมอบคุณภาพที่เหนือระดับครอบคลุมแม้กระทั่งรายละเอียดที่เล็กที่สุด

โดย Rolex ได้นำเอาความรู้ความเชี่ยวชาญชั้นเลิศด้านการผลิตนาฬิกามารังสรรค์เรือนเวลาใหม่นี้้ภายใต้แนวทางแห่งความสมดุลที่สอดประสานระหว่างฟังก์ชันการทำงาน กับความงดงาม ประสิทธิภาพกับความเลอค่า ตลอดจนขนบประเพณีดั้งเดิมกับนวัตกรรมนำสมัย

OYSTER PERPETUAL GMT-MASTER II

นับเป็นครั้งแรกที่ Oyster Perpetual GMT-Master II ที่รังสรรค์ขึ้นจาก Oystersteel มาพร้อมกับขอบหน้าปัด Cerachrom แบบเซรามิกสีเทาและสีดำ การจับคู่โทนสีขรึมในลักษณะนี้เริ่มมีขึ้นในปี 2023 เพื่อเป็นนัยสื่อถึงการเปลี่ยนผ่านระหว่างช่วงเวลากลางวันและ กลางคืน โดยวัสดุของนาฬิกาโฉมใหม่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมของนาฬิการุ่นนี้ไว้ด้วยการเปิดตัวเฉพาะรุ่นที่ผลิตจากสตีลเท่านั้น สายนาฬิกามีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ สายนาฬิกา Oyster และสายนาฬิกา Jubilee ซึ่งต่างผสมผสานความเรียบหรูและประสิทธิภาพการใช้งานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

หน้าปัดเคลือบเงาสีดำพร้อมสลักคำว่า ‘GMT-Master II’ สีเขียว โดยเข็มแสดงเวลา 24 ชั่วโมงก็ยังเป็นสีเขียวด้วยเช่นกัน นอกจากจะแสดงเขตเวลาอื่นที่เลือกไว้แล้ว เข็มนาฬิกายังชี้ไปยังอีกตำแหน่งที่ตั้งหนึ่งที่สอดคล้องกับผู้สวมใส่ ซึ่งเป็นการแจ้งบอกอารมณ์ความรู้สึกของนักเดินทางแต่ละคนด้วย

OYSTER PERPETUAL DAY-DATE

มาพร้อมกับหน้าปัดออมเบรสีฟ้า-เขียว หรือในรูปแบบที่ทำ จากเปลือกหอย มุกสีขาวของแท้ ประดับด้วยตัวเลขโรมันแยกส่วนทรงเหลี่ยมพร้อม เครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมมุม รวมถึงขอบตัวเรือน ประดับเพชรทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ทั้งหมดนี้ล้วนรังสรรค์ขึ้น สำหรับ Day-Date เวอร์ชั่นใหม่

Oyster Perpetual Day-Date 40 โฉมใหม่เปิดตัวพร้อมดีไซน์ สองรูปแบบ เวอร์ชั่นแรกเป็น Everose gold 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดสี เทาอมน้ำ เงินออมเบร ดีไซน์นี้เผยให้เห็นการผันเปลี่ยนอันละเอียด อ่อนจากสีโทนสว่างตรงกลางหน้าปัดไปสู่สีโทนมืดตรงขอบ การ ไล่เรียงเฉดสีที่กลมกลืนนี้ต้องอาศัยกระบวนการผลิตที่มีความ เที่ยงตรงแม่นยำ อย่างมาก

ส่วนอีกเวอร์ชั่นหนึ่งใช้วัสดุทองคำขาว 18 กะรัต และมาพร้อม หน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวของแท้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรก สำหรับ รุ่น Day-Date 40 มีเครื่องหมายบอกชั่วโมงประดับเพชร ทรงสี่เหลี่ยมยาว 10 เม็ดที่ขับเน้นความแวววาวให้โดดเด่นยิงขึ้น

นาฬิการุ่น Oyster Perpetual Day-Date 36 ได้รับการเปิดตัว ในสองรูปโฉมใหม่ด้วยเช่นกัน เวอร์ชั่นแรกทำจากทองคำ 18 กะรัต มีหน้าปัดเคลือบเงาสีขาว ประดับด้วยตัวเลขโรมันแบบแยกส่วนทรงเหลี่ยมพร้อมเครื่องหมาย บอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมมุม ซึ่งเครื่องหมายบอกชั่วโมงที่มีผิวเรียบ เป็นเงาและก่อนหน้านี้มีเฉพาะในรุ่น Day-Date 40 เท่านั้น ช่วยเสริมความโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความชัดเจน

ส่วนรุ่น Day-Date 36 ได้รับการนำเสนอในรูปแบบ Everose gold 18 กะรัต ที่มาพร้อมหน้าปัดสีฟ้า-เขียว สีเข้มลุ่มลึกที่เพิ่ม เข้ามาใหม่ สำหรับรุ่นนี้ยิ่งดูงดงามเจิดจรัสเมื่อเคียงคู่กับขอบตัวเรือนประดับเพชรทรงสี่เหลี่ยมคางหมู 60 เม็ด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำขอบตัวเรือนในรูปแบบนี้มาใช้กับนาฬิกา Day-Date 36 รุ่นทองคำ 18 กะรัต

Perpetual 1908

Perpetual 1908 มาพร้อมวัสดุแพลทินัม 950 และหน้าปัดสีไอซ์บลู ซึ่งเป็นเฉดสีอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับนาฬิกา Rolex ที่ผลิตจากวัสดุโลหะล้ำค่าชนิดนี้เท่านั้น หน้าปัดลายกิโยเช่ ที่ตกแต่งด้วยลวดลาย เม็ดข้าว แสงที่ตกกระทบลวดลายที่นูนสูงขึ้นมาเหล่านี้จะสะท้อน ประกายหลากหลายรูปแบบที่แปรผันไปตามจังหวะการขยับข้อมือ

นาฬิการุ่นใหม่นี้ยังคงยืนหยัดสะท้อนความหรูหราและความประณีตอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การวาดลวดลายบนหน้าปัดใช้ กระบวนการกิโยเช่ หรือการกลึง ซึ่งเป็นเทคนิคการตกแต่งโดยใช้ เครื่องกลึงเพื่อสร้างลวดลายเรขาคณิตลงบนพื้นผิว การตกแต่ง ชวนให้นึกถึงการผลิตนาฬิกาในแบบฉบับดั้งเดิม ส่วนลายโรเซตต์ ตรงส่วนแสดงวินาทีขนาดเล็กในตำแหน่ง 6 นาฬิกาได้เติมแต่งให้นาฬิกาเรือนนี้มีบุคลิกโดดเด่นอย่างชัดเจน

นาฬิการุ่น 1908 โฉมใหม่ คือผลงานชิ้นเอกที่มีความโดดเด่นซึ่ง หาได้ยากยิ่ง ทั้งในส่วนของหน้าปัดเงาวาวและงานฝีมือแสนประณีต ในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การออกแบบหน้าปัดไปจนถึงการเซาะร่อง ขอบตัวเรือนที่ละเอียดพิถีพิถัน รวมถึงตกแต่งขอบด้วยลวดลาย กิโยเช่รอบขีดบอกนาทีด้วย

Oyster Perpetual Rolex Deepsea

Oyster Perpetual Rolex Deepsea โฉมใหม่ คือนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำใต้ทะเลลึกเรือนแรกของ Rolex ที่ใช้วัสดุทองคำ 18 กะรัต และมาพร้อมความโดดเด่นทั้งในส่วนของการเลือกใช้สีน้ำ เงินและ การผสมผสานวัสดุที่ยังไม่เคยมีมาก่อนอย่างการนำ วัสดุทองคำ มาใช้ร่วมกับเซรามิกและไทเทเนียม RLX สำหรับการรังสรรค์เรือนเวลา ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความเชี่ยวชาญชั้นยอดของ Rolex ทั้งในด้านวัสดุและการเล่นสี แหวนอัดทำจากเซรามิกสีน้ำเงิน ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมทางเทคนิคที่เป็นแนวทางใหม่ในการนำวัสดุชนิดนี้มาใช้ผลิตตัวเรือนนาฬิกา แหวน Cerachrom ลายซาตินแบบวงกลมนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของระบบ Ringlock ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมตัวเรือนที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อเสริมประสิทธิภาพนาฬิกาให้สามารถต้านทานแรงดันมหาศาลในระดับความลึกที่สูงมาก

Ceramic ring lock system of the Oyster Perpetual Rolex Deepsea

ขณะที่วาล์วคายฮีเลียมซึ่งทำหน้าที่ปกป้อง ประสิทธิภาพของนาฬิกาในระหว่างกระบวนการคลายแรงดันได้รับ การผลิตขึ้นจากไทเทเนียม RLX เช่นเดียวกับตัวเรือนด้านหลัง สีที่สอดผสานอย่างกลมกลืนของหน้าปัด ขอบหน้าปัด และ แหวนอัดคือความสำเร็จอันเด่นชัดที่ได้รับการเตมิแต่งให้สมบูรณ์แบบ ยิ่งขึ้นด้วย ตัวเรือนที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต และสายนาฬิกา Oyster เลอค่าด้วยเทคนิคอันล้ำหน้า สง่างามและเปี่ยมล้นด้วยนวัตกรรม นำสมัย และเป็นเรือนเวลาที่นำมาซึ่งความกระจ่างกลางห้วงลึก โดย Rolex Deepsea เวอร์ชั่นใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อความโดดเด่นเป็นเลิศใต้ท้องทะเลลึกอย่างแท้จริง

Oyster Perpetual Cosmograph Daytona

Rolex เปิดตัว Oyster Perpetual Cosmograph Daytona โฉมใหม่ สองรุ่น โดยมีหน้าปัดเป็นเปลือกหอยมุกธรรมชาติสีขาวตัดกับ สีดำ พร้อมด้วยขอบตัวเรือนประดับเพชร องค์ประกอบที่ปรั เปลี่ยนใหม่ของเรือนเวลาระดับตำนานรุ่นนี้มาพร้อมความสมบูรณ์แบบแห่งสมดุลระหว่างความเที่ยงตรงและความเลอค่า

โดยเฉดสีที่ละเมียดละไมของนาฬิกาเรือนนี้สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ตั้งแต่การฝังอัญมณีไปจนถึงศิลปะการผลิตหน้าปัดนาฬิกา เรือนเวลาทั้งสองรุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นจากทองคำขาว 18 กะรัต โดดเด่นด้วยหน้าปัดเปลือกหอยมุกสองสีธรรมชาติ รุ่นหน้าปัด สีขาวจะใช้ส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำ

ส่วนรุ่นหน้าปัดสีดำจะใช้ส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีขาว ความตัดกันระหว่างคู่สีตรงข้ามและระดับ ความเข้มของสีสันที่เลือกใช้ ตลอดจนประกายแวววาวที่สะท้อน เด่นชัดเหล่านี้เป็นผลจากการบรรจงคัดสรรวัสดุด้วยมาตรฐานอัน เขม้งวด เปลือกหอยมุกทั้ง 2 แบบ ถูกนำมาใช้ผลิตด้วยความประณีต สูงสุดโดยช่างศิลป์ของ Rolex เรือนเวลาโฉมใหมทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมขอบตัวเรือนประดับเพชรเจียระไนเหลี่ยมเกสร 36 เม็ด และสายนาฬิกาที่เข้ากับสีของส่วน แสดงเวลาขนาดเล็ก โดยรุ่นที่มีส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำ จะใช้สาย Oysterflex ส่วนรุ่นที่มีส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีขาวจะใช้สายนาฬิกา Oyster

Oyster Perpetual Sky-Dweller

ความละเอียดซับซ้อน เทคนิคที่เหนือชั้น และความโดดเด่นเฉพาะตัว คือคุณสมบัติของ Oyster Perpetual Sky-Dweller ที่ในครั้งนี้ มาพร้อมกับสายนาฬิกา Jubilee และมีให้เลือกทั้งในรุ่นทองคำ และ Everose gold 18 กะรัต นาฬิการุ่น Sky-Dweller นี้ออกแบบมาเพื่อให้นักเดินทางสามารถค้นหาทิศทางของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

โดยยังคงความหรูหราและความรื่นรมย์ในทุกสัมผัสแห่งการรับรู้ รูปแบบการเรียงข้อสายต่างขนาดและรูปแบบพื้นผิวสลับกัน โดย จัดวางข้อสายขัดเงาเรียบขนาดเล็กให้อยู่ตรงกลาง ส่วนข้อสาย ขัดเงาซาตินขนาดใหญ่ให้อยู่ด้านนอกนั้น ช่วยขับเน้นสายนาฬิกา Jubilee ที่ทำจากทองคำ 18 กะรัตให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งจากประกายแวววาวและรูปทรงที่กลมกลืนสอดรับกันอย่างลงตัว เมื่อจับคู่กับหน้าปัดสีเทาอมน้ำ เงินในรุ่น Everose gold 18 กะรัต และหน้าปัดสีขาวเข้มในรุ่นทองคำ 18 กะรัต ก็ยิ่งทำให้สายนาฬิการุ่นนี้สร้างความประทับใจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของก้านสอด เซรามิกที่ทางแบรนด์ออกแบบเองและถูกสอดไว้ในข้อสายนาฬิกา ซึ่งช่วยเสริมความทนทานในการใช้งานและเพิ่มความยืดหยุ่นเมื่อสวมใส่บนข้อมือ


Praew Recommend

keyboard_arrow_up