“MIDO” อวดโฉม 6 คอลเล็คชั่นน่าสะสมแห่งปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Inspired By New Visions’

account_circle

 MIDO Novelties Presentation 2024 งานเปิดตัวเรือนเวลาไฮไลท์คอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2024 เผยโฉม 6 คอลเล็คชั่นดีไซน์ล่าสุดที่จะถูกวางจำหน่ายในปีนี้ ที่ผสมผสานกลิ่นอายสไตล์วินเทจเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย ถ่ายทอดสู่เรือนเวลาที่โดดเด่นด้านงานดีไซน์และฟังก์ชั่นที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่เอาไว้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ 6 คอลเล็คชั่นเรือนไฮไลท์ประจำปี 2024 ภายในงาน “MIDO Novelties Presentation 2024” ประกอบด้วย คอลเล็คชั่น “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท” (Multifort TV Big Date) ที่ต่อยอดความสำเร็จหลังจากการเปิดตัวในปี 2023 ที่ผ่านมา

โดยครั้งนี้มาพร้อมกับ 2 เฉดสีใหม่ ได้แก่ ‘มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท โรส โกลด์ พีวีดี’ (Multifort TV Big Date – Rose Gold PVD) มาในกรอบตัวเรือนสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีโรสโกลด์สุดหรูเข้ากับสายนาฬิกายางสีน้ำตาลเข้มเข้ากันได้เป็นอย่างดี ด้านหน้าปัดมีการไล่เฉดสีน้ำตาลไปจนเป็นสีดำเข้มบริเวณขอบได้อย่างสวยงาม และ ‘มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท แบล็ก พีวีดี’ (Multifort TV Big Date – Black PVD) ที่มีตัวเรือนสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีดำเข้มทั้งกรอบตัวเรือนและสายสแตนเลสสตีล มาพร้อมกับหน้าปัดไล่เฉดสีในโทนสีดำที่ตัดกับสีของหมุดบอกเวลา เข็มนาฬิกา และตัวเลขวันที่ในโทนสีส้มอันเป็นสีเอกลักษณ์ของมิโดได้อย่างงดงาม

โดยทั้ง 2 ตัวเรือนนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สามารถสำรองพลังงานได้สูงสุด 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยเสริมกลไกให้แข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็กด้วย ด้านหน้าปัดมีช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ (Big Date) ตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกา ครอบทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน พร้อมเข็มนาฬิกาและหมุดบอกเวลาที่ถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-luminova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย โดยบริเวณด้านหลังตัวเรือนแสดงให้เห็นกลไกอันทรงพลังผ่านกระจกใสสุดโดดเด่น 

นอกจากนี้มิโดยังเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับนาฬิกาจากตระกูลคอลเล็คชั่นมัลติฟอร์ต ทีวี ที่ตอบโจทย์เหล่าหญิงสาวที่มีสไตล์ด้วยขนาดตัวเรือนใหม่กับคอลเล็คชั่น “มัลติฟอร์ต ทีวี 35” (Multifort TV 35) มาในตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาดหน้าปัดเส้นผ่านศูนย์กลาง 35 มิลลิเมตร

โดยหน้าปัดตัวเรือนถูกตกแต่งด้วยเปลือกหอยมุกแท้โทนสีขาวสุดหรู (Mother of pearl)  พร้อมเพชรน้ำงามจำนวน 6 เม็ด ที่ถูกจัดวางแทนหมุดบอกเวลาตรงตำแหน่ง 1, 2, 4, 5, 7, 8, 10 และ 11 นาฬิกา เพิ่มความหรูหราได้อย่างลงตัว  ด้านบริเวณตำแหน่ง 12 นาฬิกา ถูกแทนด้วยช่องแสดงวันที่ (Date) ส่วนเข็มนาฬิกาถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-luminova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย พร้อมการขับเคลื่อนตัวเรือนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 72 (Caliber 72) ที่มีบาลานซ์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก และสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมง

ซึ่งในตระกูลมัลติฟอร์ต ทีวี 35 รุ่นใหม่นี้ นอกจากหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวแล้วยังมีรุ่นหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีฟ้าประดับเพชร รุ่นตัวเรือนและสายสีโรสโกลด์ หน้าปัดสีน้ำตาลให้ลุคหรูหรา พร้อมตัวเลือกหน้าปัดสีดำและน้ำเงินไล่เฉด ที่มาพร้อมสายสแตนเลสแท้สีเงินที่ให้ลุคสมาร์ทแต่มีระดับ

ถัดมาที่คอลเล็คชั่น “โอเชี่ยน สตาร์ จีเอ็มที สเปเชียล อีดิชั่น” (Ocean Star GMT Special Edition) นาฬิกาดำน้ำดีไซน์ใหม่ล่าสุดที่ได้เฉลิมฉลองครอบรอบ 80 ปี กับคอลเล็คชั่นโอเชี่ยน สตาร์ (Ocean Star) มาในตัวเรือนที่มีการติดตั้งฟังก์ชัน GMT ที่เหมาะสำหรับนักเดินทาง ในหน้าปัดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.5 มิลลิเมตร แสดงเวลาสองไทม์โซนที่แตกต่างกัน ได้แก่ เวลาของเมืองที่เดินทางมา (Home Time) และเวลาของเมืองที่เดินทางมาถึง (Local Time)

สำหรับรุ่นสเปเชียล อีดิชั่นครั้งนี้มาในดีไซน์หน้าปัดสีน้ำเงินเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยการตกแต่งบริเวณหมุดบอกเวลาในรูปทรงฟันปลาฉลามอันแหลมคม พร้อมกรอบเบเซิลอลูมิเนียมสีน้ำเงินเข้มที่สามารถหมุนได้ 2 ทิศทาง ด้านตัวหมุดบอกเวลาและเข็มนาฬิกาเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-luminova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย มีช่องบอกวันที่ (Date) ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้านทรงกลาสบ็อกซ์

โดยตัวกลไกขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) สามารถสำรองพลังได้สูงสุด 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เพิ่มความแข็งแรงทนต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสายนาฬิกา 2 สไตล์ ได้แก่ สายแสตนเลสสตีลแบบถักที่มีตัวล็อคแบบพับได้ พร้อมส่วนต่อขยายสำหรับทำกิจกรรมดำน้ำ และสายนาโต้สีน้ำเงินเข้มที่มีความทนทานสามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส และความสามารถในการกันลึก 20 บาร์ / 200 เมตร

ต่อมาที่คอลเล็คชั่น “มัลติฟอร์ต แพทริโมนี  พาวเวอร์ไวด์” (Multifort Patrimony Powerwind) นาฬิกาดีไซน์สไตล์วินเทจที่ถูกออกแบบให้มีความโดดเด่นสะดุดตาด้วยตัวเรือนหน้าปัดวงกลมสแตนเลสสตีลขัดซาตินขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร เข้าคู่กับสายสแตนเลสสตีลแบบถักให้ลุคที่ดูคลาสสิกเรียบโก้

โดยคอลเล็คชั่นนี้มีสีหน้าปัดที่หลากหลายสามารถเลือกเสริมลุคได้ตามความชอบ ได้แก่ สีเงิน, สีดำแอนทราไซต์, สีน้ำเงิน และสีเขียว บนหน้าปัดตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกาถูกแทนด้วยช่องแสดงวันที่ (Date) ตัวเข็มนาฬิกาและหมุดบอกเวลาถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-luminova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย ครอบทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกลาสบอกซ์ที่เป็นซิกเนเจอร์ และบริเวณด้านหลังตัวเรือนเผยโชว์กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) สามารถสำรองพลังได้สูงสุด 80 ชั่วโมง  พร้อมความสามารถในการกันลึก 5 บาร์ / 50 เมตร

คอลเล็คชั่นถัดมา “มัลติฟอร์ต เอ็ม ฟรีซ” (Multifort M Freeze) เรือนเวลาดีไซน์สปอร์ตมาในตัวเรือนหน้าปัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยหน้าปัดไล่เฉดสีฟ้าที่ชวนให้นึกถึงความเย็นยะเยือกของน้ำแข็งบนพื้นผิวขัดลายซาตินแนวตั้งชวนให้นึกถึงลวดลาย Côtes de Genève ด้านเข็มนาฬิกาทั้งเข็มชั่วโมง เข็มนาที และหมุดบอกเวลาถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย ส่วนกระจกหน้าปัดผลิตจากคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน

มาพร้อมกระจกใสบริเวณหลังตัวเรือนที่โชว์ให้เห็นถึงกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) อันโดงดัง ที่สามารถสำรองพลังได้สูงสุด 80 ชั่วโมง ผสานกับบาลานซ์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก พร้อมความสามารถในการกันน้ำลึก 10 บาร์/ 100 เมตร

ปิดท้ายที่คอลเล็คชั่น “คอมมานเดอร์ เลดี้” (Commander lady) สะท้อนเอกลักษณ์ความเฟมินีน สู่เรือนเวลาดีไซน์เหนือกาลเวลาที่มาในตัวเรือนสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีเหลืองทองที่โดดเด่น มีขนาดหน้าปัดเส้นผ่าศูนย์กลาง 35 มิลลิเมตร พร้อมการตกแต่งหน้าปัดด้วยการขัดซันเรย์ซาตินรูปทรงเกลียวในโทนสีแชมเปญสุดหรู

โดยมีช่องบอกวันที่ (Date) ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 72 (Caliber 72) ที่มีบาลานซ์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก และสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมง พร้อมความสามารถในการกันน้ำลึก 5 บาร์/ 50 เมตร


Praew Recommend

keyboard_arrow_up